กรุงเทพฯ 20 ก.ค.- นายกฯ ชี้ เทรนด์ Pet Parent ส่งเสริมการผลักดันสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทยเปิดตลาดไต้หวัน ในงาน Taipei Pets Show 2024 ได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม คาดสร้างมูลค่าเพิ่ม 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นและผลักดันเทรนด์ Pet Parent ผลักดันการเปิดตลาดสินค้าชนิดใหม่ในการส่งออก ยกระดับคุณภาพสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้นำทัพผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย เปิดตลาดที่ไต้หวัน ในงาน Taipei Pets Show 2024 เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าไทย จับคู่ธุรกิจ เพิ่มพันธมิตรทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย ส่งเสริมมูลค่าการส่งออกไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้มีความต้องการในผลิตภัณฑ์สินค้าที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงในไทย สำหรับการขยายตลาดทั้งในประเทศและนานาชาติ โดยสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการในตลาดโลก โดยไต้หวันได้นำเข้าสินค้าสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสินค้าอาหารสุนัขและแมว (HS-Code: 230910) จากไทยมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งจากข้อมูลในปี 2566 พบว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าชนิดนี้ของไต้หวันจากต่างประเทศรวมทั้งหมด 263.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการนำเข้าจากไทยมูลค่า 87.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.05 ของการนำเข้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวทั้งหมด
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มแนวทางในการส่งเสริมผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงในไทย รัฐบาลโดยสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัด “โครงการส่งเสริมสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงบุกตลาดไต้หวัน ในงานแสดงสินค้า Taipei Pets Show 2024” ระหว่างวันที่ 5-8 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อพาผู้ประกอบการสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงจากไทยที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 18 ราย ร่วมแสดงสินค้าภายในงาน รวมถึงร่วมเจรจา จับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สำหรับสินค้าประเภท อาหาร-ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการบริการและผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อสัตว์เลี้ยง
สำหรับงานปีนี้มีจำนวนคูหาจัดแสดงมากถึง 1,800 คูหา จากจำนวนผู้ร่วมจัดแสดงประมาณ 400 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการต่างชาติ อาทิ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย จีน และญี่ปุ่น โดยมีผู้เข้าชมงานประมาณ 160,000 ราย เป็นผู้ซื้อต่างชาติประมาณร้อยละ 10 โดยคูหาจัดแสดงของประเทศไทย ได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าจากไต้หวันและหลากหลายประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการเชิญผู้นำเข้ารายสำคัญมาเยี่ยมชมคูหาไทยและเจรจาธุรกิจกับผู้ส่งออกไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่จัดซื้อจากห้างสรรพสินค้า และ ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของไต้หวันทั้ง RT-Mart และ Carrefour รวมถึง Great Tree ร้านขายยาชื่อดังของไต้หวัน
นอกจากนี้ การที่ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่สำคัญของไต้หวัน ส่งผลให้มีผู้นำเข้าสนใจเจรจาธุรกิจกับผู้ส่งออกไทยในสินค้าที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่ล้วนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดไต้หวัน เนื่องจากสินค้ามีความสวยงาม สอดคล้องกับแนวคิดการบริโภคในสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าจากธรรมชาติ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสินค้าไทยต่างก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้เข้าชมงานในปีนี้อย่างท่วมท้น ผู้ส่งออกไทยมีโอกาสเจรจากับผู้นำเข้าประมาณ 200 รายจากไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อาเซียน ตะวันออกกลาง และฝรั่งเศส เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการสั่งซื้อมากกว่า 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
“นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นนำเสนอคุณภาพของสินค้าของไทยในตลาดโลก เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดในการส่งออกสินค้า เพิ่มชนิดและปริมาณสินค้าในการส่งออก โดยจับกระแส Pet Parent และแนวโน้มในตลาดโลก เพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้พี่น้องชาวไทย ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าสร้างพันธมิตรเครือข่ายทางธุรกิจให้กับสินค้าชนิดใหม่ๆ ของไทย เข้าถึงโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจไปสู่ระดับโลก” นายชัย กล่าว .-316 -สำนักข่าวไทย