สระแก้ว 17 ก.ค.-“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ ถกเอกชนท้องถิ่น หวังแก้ปมฉุด “เขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว”
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสระแก้วเพื่อศึกษาสถานการณ์การค้าการลงทุนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว และการส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ตามข้อตกลงที่ผู้นำสองประเทศได้เห็นชอบร่วมกัน
โดยที่ผ่านมาการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI และดำเนินการลงทุนแล้ว ใน 4 ตำบลเขตเศรษฐกิจพิเศษในไทย ได้แก่ ต.ผักขะ ต.บ้านด่าน ต.ท่าข้าม และ ต.ป่าไร่ มีมูลค่าสะสมตั้งแต่ปี 58 จำนวน 8,142 ล้านบาท เป็นประเภทกิจการ บรรจุภัณฑ์พลาสติก อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์น้ำตาล และผลิตภัณฑ์สุขอนามัย ซึ่งพื้นที่สระแก้วมีศักยภาพ ยังสามารถพัฒนาได้อีกเพราะมีจุดเด่นดึงดูดธุรกิจแปรรูปเกษตรและอาหาร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้
ทั้งนี้นายมาริษ ได้รับฟังแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ สะท้อนว่าพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่เริ่มโครงการใน ปี 2558 ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในการดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ แม้โครงสร้างพื้นฐานจะมีความพร้อม เนื่องจากอุปสรรคด้านกฎระเบียบ เช่น ผังเมือง และการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่เอื้ออำนวย ด่านศุลกากรบ้านป่าไร่ที่ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน นอกจากนั้น ผู้ประกอบการยังได้ร้องขอให้ทางรัฐบาลช่วยเปิดด่านหนองเอี่ยนให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรได้โดยเร็วเพื่อให้การค้าข้ามแดนเป็นไปโดยสะดวกยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน นายสุรวุฒิ วงษ์สำราญ รองประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ได้แสดงข้อห่วงกังวลว่าจังหวัดสระแก้วถือเป็นประตูการค้าการลงทุนที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยในปี 2566 การค้าชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว มีมูลค่า 1.02 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61.35 ของการค้าชายแดนไทย – กัมพูชาทั้งหมด และลดลงร้อยละ 22.11 เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ สินค้าจากจีนที่มีราคาถูกกว่ามาตัดราคาแข่งขัน ตั้งแต่สินค้าอุปโภค บริโภค อาหารทะเล ตลอดจนทางกัมพูชาก็ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษทางภาษี กับ SME ไทยเหมือนเคย
“ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การค้าชายแดนจะสามารถเดินทางระหว่างกันแบบไร้รอยต่อได้ ซึ่งการส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วนี้จะต้องเน้นจุดแข็งคือ สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปแหลมฉบังทางบกโดยใช้เวลาเพียง 1.5 ชม. เท่านั้น ทั้งนี้สำหรับข้อเรียกร้องอื่นๆ ก็ได้รับทราบข้อมูลและจะนำข้อคิดเห็นที่ได้รับจากการลงพื้นที่ครั้งนี้ไปใช้ประโยชน์ในการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้และฝ่ายกัมพูชาต่อไป” นายมาริษ กล่าว
การร่วมหารือดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นายมาริษ กล่าวในพิธีเปิดสำนักงานหนังสือเดินทางสระแก้ว เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันว่า สำนักงานหนังสือเดินทางสระแก้วเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนตามความประสงค์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเล็งเห็นศักยภาพด้านการค้าการลงทุนของจังหวัดสระแก้วที่จะนำไปสู่การกินดีอยู่ดีของประชาชน ซึ่งไม่ใช่แค่ออกหนังสือเดินทางให้คนไทย “นโยบายต่างประเทศคือนโยบายสาธารณะ กล่าวคือการสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชน และสามารถจับต้องได้” นายมาริษ กล่าว โดยสำนักงานหนังสือเดินทางแห่งนี้เริ่มให้บริการอย่างไม่เป็นการตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้รับคำร้องของประชาชนรวมแล้วกว่า 6,000 ราย.-312.-สำนักข่าวไทย