“จุลพันธ์” ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน มั่นใจไร้ทุจริต

รัฐสภา 17 ก.ค. – “จุลพันธ์” แซว “ศิริกัญญา” ใส่ชุดเขียวมา นึกว่าเชียร์ ธกส. ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน เดินมาถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ยันรัฐไม่ขัดแย้งเรื่องเตรียมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. มั่นใจไร้ทุจริต เพราะจ่ายตรง 1 คน 1 หมื่น ตัดสิทธิ์คนถูกฟ้องจากการใช้ผิดประเภทโครงการรัฐในอดีต โต้ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้ง คิดถึงความเหมาะสมเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้หมุนเวียนเป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท โดยเริ่มที่พูดถึงชุดสีเขียวที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใส่มาวันนี้ว่า “ชุดเขียวนึกว่าเชียร์ธกส.” ก่อนจะระบุถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เป็นข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังดูรายละเอียดว่าสามารถบริหารจัดการได้ จึงเสนอคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณา และมีมติเห็นชอบไปแล้ว เป็นการเปลี่ยนแหล่งเงินให้มีความเหมาะสมขึ้น และมีหลายส่วนคือ1.เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเริ่มเห็นสภาพบริหารจัดการงบ การบริหารจัดการการคลังสามารถรองรับได้จึงมีความเห็นเช่นนั้น และ 2. คือกลไกที่จะใช้มาตรา 28 ตามตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ สามารถทำได้ ไม่ได้มีประเด็นปัญหา แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วคิดว่าอาจจำเป็นต้องมีข้อจำกัดเพิ่มเติมสำหรับการใช้หากเป็นธกส. หรือจำกัดสินค้า เพราะรู้ว่าเกษตรกรมีความลำบากเป็นกลุ่มที่ต้องการเงินมีมากที่สุดเอาไปใช้ในการลงทุน จึงไม่ต้องการให้มีข้อจำกัด

ส่วนข้อห่วงใยในการเปลี่ยนกรอบและระยะเวลา นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ปลายปีนี้เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ตามที่ได้ยืนยันมาตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา และยืนยันได้ว่าระบบทัน เงินเพียงพอ ได้ทันในกรอบเวลาสำหรับ 50 ล้านคน 500,000 ล้านบาท


นายจุลพันธ์ ยังขอบคุณสมาชิกที่ได้ชี้แจงแทนรัฐบาล โดยเฉพาะที่ระบุว่าสุ่มเสี่ยง แต่ไม่ใช่ความผิด และการยกตัวเลขขึ้นมากล่าวอ้างทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งกระบวนการที่ทำครม. ไม่ใช่คิดเพียง 3 – 5 คนแต่ผ่านกระบวนการพิจารณาส่วนงานราชการจำนวนมาก และพิจารณารอบคอบตามกรอบกฎหมายจึงเดินมาทางนี้ และขอยืนยัน ว่าดำเนินตามกระบวนการตามกรอบของกฎหมาย และยืนยันว่าต้องการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์พี่น้องประชาชน

“ถ้ายังเถียงเรื่องวิกฤตหรือไม่ ผมเคยยกสถานการณ์ให้ดูแล้วว่าสถานการณ์วิกฤต ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ดี ตั้งแต่วันที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาล ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวชี้ชัด ฝ่ายค้านหลายคนบอกว่าก็ดีอยู่กำลังเติบโตแต่เราเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาคมาหลายปี ขณะนี้ตัวต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ กลไกนี้ไม่ใช่กลไกในการมาสงเคราะห์ประชาชนหรือช่วยกลุ่มเปราะบาง แต่ใช้ประชาชนเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจคือเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือประชาชนและประชาชนเป็นคนใช้ และต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเมื่อได้เงินไปแล้วจะไปใช้จ่ายทำให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต และเริ่มลงทุนทำมาหากิน ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดไว้และข้อจำกัดที่มีอยู่ ยืนยันไม่มีนโยบายรัฐใดๆในอดีต ที่จะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงเท่านโยบายนี้ด้วยข้อจำกัดที่ใส่เข้าไปในเรื่องของสินค้าที่ซื้อได้และซื้อไม่ได้ หรือข้อจำกัดของพื้นที่ ทั้งหมดเป็นกลไกที่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ยัง กล่าวว่า อาจจะมีมุมมองที่ต่างกันมีความเข้าใจต่างกันแต่ตนเชื่อมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากเศรษฐกิจเติบโตในที่สุดเราก็สามารถ มีขนาด GDP ได้ใหญ่ขึ้นจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น แล้วหมุนวนกลับมาแก้ปัญหาประชาชนได้


นายจุลพันธ์ยังชี้แจงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าตั้งงบประมาณขาดดุล สูงเกือบเต็มเพดาน แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องกลไกทางงบประมาณ ซึ่งเรามีกลไกพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงไม่ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ กับการผ่านมาหลายสถานการณ์ หากรัฐบาลจัดเก็บพลาดเป้า มีกลไกพ.ร.บ.การเงินการคลังไว้รองรับ ไม่ครบถ้วน แต่ยอมรับไม่เคยมี สถานการณ์ในประเทศไทยที่ตั้งงบประมาณแล้วจะเก็บได้ตรงตามที่ตั้งเป้าไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าเป้า ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่บริหารจัดการให้ใกล้เคียงเป้ามากที่สุด

นายจุลพันธ์ยังชี้แจงข้อห่วงใยถึงเม็ดเงินจริงที่ยังไม่มีว่า กลไกใดๆต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายจึงเป็นที่มาของการเสนอของงบเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีเม็ดเงินรองรับเป็นการพูดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ 2568 หากสภาเห็นชอบประกาศเป็นกฎหมายช่วงเดือนตุลาคมจะมีเม็ดเงินเต็มจำนวนมารองรับสำหรับการบริหารจัดการ
“ข้อขัดแย้งที่ท่านเป็นห่วงกรณีรัฐบาลให้ข้อมูล และยกตัวอย่างค่อยข้างตลกว่า 1 สิงหาคม จะมีการลงทะเบียน ผมเรียนด้วยความเคารพว่า เป็นเรื่องเล็กมา รัฐบาลไม่มีข้อขัดแย้งที่ผ่านมา หารือกันมาตลอด และเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นมา” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนข้อห่วงใยในการทุจริตของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าไม่เคยได้ยินทำเรื่องนี้ เพราะเป็นการจ่ายเงินตรงกับประชาชน ใช้บัตรประชาชนมีผู้รับ 1 คนต่อ 10,000 บาท จึงมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตภาครัฐ ซึ่งได้ดูอย่างละเอียดและเป็นห่วงประเด็นนี้ จึงขอยืนยันว่าไม่มี รัฐบาลดูอย่างละเอียดรอบคอบ

ส่วนกลไกเติมเงิน 10,000 บาทไปใช้ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์หรือไปทำอะไรที่ผิดไปจากกลไกที่กำหนดไว้ นายจุพันธ์ ระบุต้องยอมรับว่า โครงการในอดีตเคยเกิดขึ้นเช่นให้เงินไปไม่ได้ซื้อสินค้าจริงแล้วแลกเป็นเงินสดมา แต่เราก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายฟ้องร้องคืนได้ ในกรณีที่ใครเคยทำผิดข้อจำกัดของรัฐในโครงการต่างๆมีคดีความฟ้องร้องเรียกเงิน คืนคนเหล่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการนี้ ขอยืนยันว่าเราป้องกันเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเต็มที่

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยที่รัฐไม่จ่ายเป็นเงินสดหรือไม่ใช้แอปพลิเคชั่นเก่ารวมถึงกำหนดอายุ 16 ปีขึ้นไป และผูกโยงเกี่ยวกับว่าจะเลือกตั้งได้ในครั้งหน้า ว่าถ้าคิดอย่างนั้นคงกำหนดอายุ 14 ปีเพราะหมดสมัยรัฐบาลนี้ จะเลือกตั้งได้ทันที แต่ด้วยเป็นกลไกที่คิดว่าอายุเหล่านี้เมื่อรับเงินไปมีศักยภาพในการใช้จ่ายและนำไปใช้จ่ายได้ เป็นกลไกในการหมุนเศรษฐกิจให้กับงบประมาณที่มอบให้ได้อย่างมีความเหมาะสม เด็กเกินไปอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยกับเงินจำนวนมาก ส่วนที่ไม่จัดเป็นเงินสด อาจติดอยู่กับเฟคนิวส์เก่าๆ ยืนยันไม่ใช่คริปโตทุกคนเข้าใจตรงกัน จะไม่มีการรั่วไหลใดๆเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ทำกำลังวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศให้กับคนไทย และที่สำคัญต้องการสร้างระบบการแลกเปลี่ยนกลางของรัฐ ทางลัดเป็นทางเข้าเชื่อมไปยังบริการต่างๆที่ภาครัฐจะจัดสรรให้กับประชาชน ประชาชนได้รับเงินตรงในกระเป๋าเงินใช้จ่าย ซึ่งจะพลิกเปลี่ยนกลไกประเทศไทยในการจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนเงินตรา ดังเช่นในอดีตที่เคยดำเนินการเรื่องพร้อมเพย์ ได้มีการพัฒนา ศักยภาพไปเรื่อยๆ และกลไกที่กำลังทำจะเป็น หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่จะให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป

นายจุลพันธ์ย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน และช่วยเหลือประชาชน เป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้ด้วยกลไกนี้รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายแต่เพียงข้อเดียว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรือธงของพวกเราแต่ยังมีนโยบายในมิติอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ในการดูแลสินค้าเกษตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงดูดการลงทุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอัพสกิล รีสกิลแรงงาน ขอให้มองกลับมากับการทำงานของรัฐบาลซึ่งจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีทุกมิติ และนี่เป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนเติบโต และยังมีการพัฒนาปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]