“จุลพันธ์” ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน มั่นใจไร้ทุจริต

รัฐสภา 17 ก.ค. – “จุลพันธ์” แซว “ศิริกัญญา” ใส่ชุดเขียวมา นึกว่าเชียร์ ธกส. ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน เดินมาถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ยันรัฐไม่ขัดแย้งเรื่องเตรียมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. มั่นใจไร้ทุจริต เพราะจ่ายตรง 1 คน 1 หมื่น ตัดสิทธิ์คนถูกฟ้องจากการใช้ผิดประเภทโครงการรัฐในอดีต โต้ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้ง คิดถึงความเหมาะสมเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้หมุนเวียนเป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท โดยเริ่มที่พูดถึงชุดสีเขียวที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใส่มาวันนี้ว่า “ชุดเขียวนึกว่าเชียร์ธกส.” ก่อนจะระบุถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เป็นข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังดูรายละเอียดว่าสามารถบริหารจัดการได้ จึงเสนอคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณา และมีมติเห็นชอบไปแล้ว เป็นการเปลี่ยนแหล่งเงินให้มีความเหมาะสมขึ้น และมีหลายส่วนคือ1.เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเริ่มเห็นสภาพบริหารจัดการงบ การบริหารจัดการการคลังสามารถรองรับได้จึงมีความเห็นเช่นนั้น และ 2. คือกลไกที่จะใช้มาตรา 28 ตามตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ สามารถทำได้ ไม่ได้มีประเด็นปัญหา แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วคิดว่าอาจจำเป็นต้องมีข้อจำกัดเพิ่มเติมสำหรับการใช้หากเป็นธกส. หรือจำกัดสินค้า เพราะรู้ว่าเกษตรกรมีความลำบากเป็นกลุ่มที่ต้องการเงินมีมากที่สุดเอาไปใช้ในการลงทุน จึงไม่ต้องการให้มีข้อจำกัด

ส่วนข้อห่วงใยในการเปลี่ยนกรอบและระยะเวลา นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ปลายปีนี้เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ตามที่ได้ยืนยันมาตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา และยืนยันได้ว่าระบบทัน เงินเพียงพอ ได้ทันในกรอบเวลาสำหรับ 50 ล้านคน 500,000 ล้านบาท


นายจุลพันธ์ ยังขอบคุณสมาชิกที่ได้ชี้แจงแทนรัฐบาล โดยเฉพาะที่ระบุว่าสุ่มเสี่ยง แต่ไม่ใช่ความผิด และการยกตัวเลขขึ้นมากล่าวอ้างทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งกระบวนการที่ทำครม. ไม่ใช่คิดเพียง 3 – 5 คนแต่ผ่านกระบวนการพิจารณาส่วนงานราชการจำนวนมาก และพิจารณารอบคอบตามกรอบกฎหมายจึงเดินมาทางนี้ และขอยืนยัน ว่าดำเนินตามกระบวนการตามกรอบของกฎหมาย และยืนยันว่าต้องการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์พี่น้องประชาชน

“ถ้ายังเถียงเรื่องวิกฤตหรือไม่ ผมเคยยกสถานการณ์ให้ดูแล้วว่าสถานการณ์วิกฤต ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ดี ตั้งแต่วันที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาล ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวชี้ชัด ฝ่ายค้านหลายคนบอกว่าก็ดีอยู่กำลังเติบโตแต่เราเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาคมาหลายปี ขณะนี้ตัวต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ กลไกนี้ไม่ใช่กลไกในการมาสงเคราะห์ประชาชนหรือช่วยกลุ่มเปราะบาง แต่ใช้ประชาชนเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจคือเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือประชาชนและประชาชนเป็นคนใช้ และต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเมื่อได้เงินไปแล้วจะไปใช้จ่ายทำให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต และเริ่มลงทุนทำมาหากิน ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดไว้และข้อจำกัดที่มีอยู่ ยืนยันไม่มีนโยบายรัฐใดๆในอดีต ที่จะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงเท่านโยบายนี้ด้วยข้อจำกัดที่ใส่เข้าไปในเรื่องของสินค้าที่ซื้อได้และซื้อไม่ได้ หรือข้อจำกัดของพื้นที่ ทั้งหมดเป็นกลไกที่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ยัง กล่าวว่า อาจจะมีมุมมองที่ต่างกันมีความเข้าใจต่างกันแต่ตนเชื่อมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากเศรษฐกิจเติบโตในที่สุดเราก็สามารถ มีขนาด GDP ได้ใหญ่ขึ้นจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น แล้วหมุนวนกลับมาแก้ปัญหาประชาชนได้


นายจุลพันธ์ยังชี้แจงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าตั้งงบประมาณขาดดุล สูงเกือบเต็มเพดาน แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องกลไกทางงบประมาณ ซึ่งเรามีกลไกพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงไม่ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ กับการผ่านมาหลายสถานการณ์ หากรัฐบาลจัดเก็บพลาดเป้า มีกลไกพ.ร.บ.การเงินการคลังไว้รองรับ ไม่ครบถ้วน แต่ยอมรับไม่เคยมี สถานการณ์ในประเทศไทยที่ตั้งงบประมาณแล้วจะเก็บได้ตรงตามที่ตั้งเป้าไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าเป้า ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่บริหารจัดการให้ใกล้เคียงเป้ามากที่สุด

นายจุลพันธ์ยังชี้แจงข้อห่วงใยถึงเม็ดเงินจริงที่ยังไม่มีว่า กลไกใดๆต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายจึงเป็นที่มาของการเสนอของงบเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีเม็ดเงินรองรับเป็นการพูดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ 2568 หากสภาเห็นชอบประกาศเป็นกฎหมายช่วงเดือนตุลาคมจะมีเม็ดเงินเต็มจำนวนมารองรับสำหรับการบริหารจัดการ
“ข้อขัดแย้งที่ท่านเป็นห่วงกรณีรัฐบาลให้ข้อมูล และยกตัวอย่างค่อยข้างตลกว่า 1 สิงหาคม จะมีการลงทะเบียน ผมเรียนด้วยความเคารพว่า เป็นเรื่องเล็กมา รัฐบาลไม่มีข้อขัดแย้งที่ผ่านมา หารือกันมาตลอด และเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นมา” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนข้อห่วงใยในการทุจริตของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าไม่เคยได้ยินทำเรื่องนี้ เพราะเป็นการจ่ายเงินตรงกับประชาชน ใช้บัตรประชาชนมีผู้รับ 1 คนต่อ 10,000 บาท จึงมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตภาครัฐ ซึ่งได้ดูอย่างละเอียดและเป็นห่วงประเด็นนี้ จึงขอยืนยันว่าไม่มี รัฐบาลดูอย่างละเอียดรอบคอบ

ส่วนกลไกเติมเงิน 10,000 บาทไปใช้ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์หรือไปทำอะไรที่ผิดไปจากกลไกที่กำหนดไว้ นายจุพันธ์ ระบุต้องยอมรับว่า โครงการในอดีตเคยเกิดขึ้นเช่นให้เงินไปไม่ได้ซื้อสินค้าจริงแล้วแลกเป็นเงินสดมา แต่เราก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายฟ้องร้องคืนได้ ในกรณีที่ใครเคยทำผิดข้อจำกัดของรัฐในโครงการต่างๆมีคดีความฟ้องร้องเรียกเงิน คืนคนเหล่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการนี้ ขอยืนยันว่าเราป้องกันเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเต็มที่

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยที่รัฐไม่จ่ายเป็นเงินสดหรือไม่ใช้แอปพลิเคชั่นเก่ารวมถึงกำหนดอายุ 16 ปีขึ้นไป และผูกโยงเกี่ยวกับว่าจะเลือกตั้งได้ในครั้งหน้า ว่าถ้าคิดอย่างนั้นคงกำหนดอายุ 14 ปีเพราะหมดสมัยรัฐบาลนี้ จะเลือกตั้งได้ทันที แต่ด้วยเป็นกลไกที่คิดว่าอายุเหล่านี้เมื่อรับเงินไปมีศักยภาพในการใช้จ่ายและนำไปใช้จ่ายได้ เป็นกลไกในการหมุนเศรษฐกิจให้กับงบประมาณที่มอบให้ได้อย่างมีความเหมาะสม เด็กเกินไปอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยกับเงินจำนวนมาก ส่วนที่ไม่จัดเป็นเงินสด อาจติดอยู่กับเฟคนิวส์เก่าๆ ยืนยันไม่ใช่คริปโตทุกคนเข้าใจตรงกัน จะไม่มีการรั่วไหลใดๆเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ทำกำลังวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศให้กับคนไทย และที่สำคัญต้องการสร้างระบบการแลกเปลี่ยนกลางของรัฐ ทางลัดเป็นทางเข้าเชื่อมไปยังบริการต่างๆที่ภาครัฐจะจัดสรรให้กับประชาชน ประชาชนได้รับเงินตรงในกระเป๋าเงินใช้จ่าย ซึ่งจะพลิกเปลี่ยนกลไกประเทศไทยในการจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนเงินตรา ดังเช่นในอดีตที่เคยดำเนินการเรื่องพร้อมเพย์ ได้มีการพัฒนา ศักยภาพไปเรื่อยๆ และกลไกที่กำลังทำจะเป็น หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่จะให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป

นายจุลพันธ์ย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน และช่วยเหลือประชาชน เป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้ด้วยกลไกนี้รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายแต่เพียงข้อเดียว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรือธงของพวกเราแต่ยังมีนโยบายในมิติอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ในการดูแลสินค้าเกษตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงดูดการลงทุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอัพสกิล รีสกิลแรงงาน ขอให้มองกลับมากับการทำงานของรัฐบาลซึ่งจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีทุกมิติ และนี่เป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนเติบโต และยังมีการพัฒนาปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]