“จุลพันธ์” ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน มั่นใจไร้ทุจริต

รัฐสภา 17 ก.ค. – “จุลพันธ์” แซว “ศิริกัญญา” ใส่ชุดเขียวมา นึกว่าเชียร์ ธกส. ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน เดินมาถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ยันรัฐไม่ขัดแย้งเรื่องเตรียมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. มั่นใจไร้ทุจริต เพราะจ่ายตรง 1 คน 1 หมื่น ตัดสิทธิ์คนถูกฟ้องจากการใช้ผิดประเภทโครงการรัฐในอดีต โต้ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้ง คิดถึงความเหมาะสมเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้หมุนเวียนเป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท โดยเริ่มที่พูดถึงชุดสีเขียวที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใส่มาวันนี้ว่า “ชุดเขียวนึกว่าเชียร์ธกส.” ก่อนจะระบุถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เป็นข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังดูรายละเอียดว่าสามารถบริหารจัดการได้ จึงเสนอคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณา และมีมติเห็นชอบไปแล้ว เป็นการเปลี่ยนแหล่งเงินให้มีความเหมาะสมขึ้น และมีหลายส่วนคือ1.เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเริ่มเห็นสภาพบริหารจัดการงบ การบริหารจัดการการคลังสามารถรองรับได้จึงมีความเห็นเช่นนั้น และ 2. คือกลไกที่จะใช้มาตรา 28 ตามตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ สามารถทำได้ ไม่ได้มีประเด็นปัญหา แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วคิดว่าอาจจำเป็นต้องมีข้อจำกัดเพิ่มเติมสำหรับการใช้หากเป็นธกส. หรือจำกัดสินค้า เพราะรู้ว่าเกษตรกรมีความลำบากเป็นกลุ่มที่ต้องการเงินมีมากที่สุดเอาไปใช้ในการลงทุน จึงไม่ต้องการให้มีข้อจำกัด

ส่วนข้อห่วงใยในการเปลี่ยนกรอบและระยะเวลา นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ปลายปีนี้เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ตามที่ได้ยืนยันมาตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา และยืนยันได้ว่าระบบทัน เงินเพียงพอ ได้ทันในกรอบเวลาสำหรับ 50 ล้านคน 500,000 ล้านบาท


นายจุลพันธ์ ยังขอบคุณสมาชิกที่ได้ชี้แจงแทนรัฐบาล โดยเฉพาะที่ระบุว่าสุ่มเสี่ยง แต่ไม่ใช่ความผิด และการยกตัวเลขขึ้นมากล่าวอ้างทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งกระบวนการที่ทำครม. ไม่ใช่คิดเพียง 3 – 5 คนแต่ผ่านกระบวนการพิจารณาส่วนงานราชการจำนวนมาก และพิจารณารอบคอบตามกรอบกฎหมายจึงเดินมาทางนี้ และขอยืนยัน ว่าดำเนินตามกระบวนการตามกรอบของกฎหมาย และยืนยันว่าต้องการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์พี่น้องประชาชน

“ถ้ายังเถียงเรื่องวิกฤตหรือไม่ ผมเคยยกสถานการณ์ให้ดูแล้วว่าสถานการณ์วิกฤต ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ดี ตั้งแต่วันที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาล ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวชี้ชัด ฝ่ายค้านหลายคนบอกว่าก็ดีอยู่กำลังเติบโตแต่เราเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาคมาหลายปี ขณะนี้ตัวต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ กลไกนี้ไม่ใช่กลไกในการมาสงเคราะห์ประชาชนหรือช่วยกลุ่มเปราะบาง แต่ใช้ประชาชนเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจคือเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือประชาชนและประชาชนเป็นคนใช้ และต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเมื่อได้เงินไปแล้วจะไปใช้จ่ายทำให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต และเริ่มลงทุนทำมาหากิน ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดไว้และข้อจำกัดที่มีอยู่ ยืนยันไม่มีนโยบายรัฐใดๆในอดีต ที่จะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงเท่านโยบายนี้ด้วยข้อจำกัดที่ใส่เข้าไปในเรื่องของสินค้าที่ซื้อได้และซื้อไม่ได้ หรือข้อจำกัดของพื้นที่ ทั้งหมดเป็นกลไกที่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ยัง กล่าวว่า อาจจะมีมุมมองที่ต่างกันมีความเข้าใจต่างกันแต่ตนเชื่อมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากเศรษฐกิจเติบโตในที่สุดเราก็สามารถ มีขนาด GDP ได้ใหญ่ขึ้นจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น แล้วหมุนวนกลับมาแก้ปัญหาประชาชนได้


นายจุลพันธ์ยังชี้แจงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าตั้งงบประมาณขาดดุล สูงเกือบเต็มเพดาน แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องกลไกทางงบประมาณ ซึ่งเรามีกลไกพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงไม่ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ กับการผ่านมาหลายสถานการณ์ หากรัฐบาลจัดเก็บพลาดเป้า มีกลไกพ.ร.บ.การเงินการคลังไว้รองรับ ไม่ครบถ้วน แต่ยอมรับไม่เคยมี สถานการณ์ในประเทศไทยที่ตั้งงบประมาณแล้วจะเก็บได้ตรงตามที่ตั้งเป้าไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าเป้า ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่บริหารจัดการให้ใกล้เคียงเป้ามากที่สุด

นายจุลพันธ์ยังชี้แจงข้อห่วงใยถึงเม็ดเงินจริงที่ยังไม่มีว่า กลไกใดๆต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายจึงเป็นที่มาของการเสนอของงบเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีเม็ดเงินรองรับเป็นการพูดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ 2568 หากสภาเห็นชอบประกาศเป็นกฎหมายช่วงเดือนตุลาคมจะมีเม็ดเงินเต็มจำนวนมารองรับสำหรับการบริหารจัดการ
“ข้อขัดแย้งที่ท่านเป็นห่วงกรณีรัฐบาลให้ข้อมูล และยกตัวอย่างค่อยข้างตลกว่า 1 สิงหาคม จะมีการลงทะเบียน ผมเรียนด้วยความเคารพว่า เป็นเรื่องเล็กมา รัฐบาลไม่มีข้อขัดแย้งที่ผ่านมา หารือกันมาตลอด และเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นมา” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนข้อห่วงใยในการทุจริตของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าไม่เคยได้ยินทำเรื่องนี้ เพราะเป็นการจ่ายเงินตรงกับประชาชน ใช้บัตรประชาชนมีผู้รับ 1 คนต่อ 10,000 บาท จึงมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตภาครัฐ ซึ่งได้ดูอย่างละเอียดและเป็นห่วงประเด็นนี้ จึงขอยืนยันว่าไม่มี รัฐบาลดูอย่างละเอียดรอบคอบ

ส่วนกลไกเติมเงิน 10,000 บาทไปใช้ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์หรือไปทำอะไรที่ผิดไปจากกลไกที่กำหนดไว้ นายจุพันธ์ ระบุต้องยอมรับว่า โครงการในอดีตเคยเกิดขึ้นเช่นให้เงินไปไม่ได้ซื้อสินค้าจริงแล้วแลกเป็นเงินสดมา แต่เราก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายฟ้องร้องคืนได้ ในกรณีที่ใครเคยทำผิดข้อจำกัดของรัฐในโครงการต่างๆมีคดีความฟ้องร้องเรียกเงิน คืนคนเหล่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการนี้ ขอยืนยันว่าเราป้องกันเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเต็มที่

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยที่รัฐไม่จ่ายเป็นเงินสดหรือไม่ใช้แอปพลิเคชั่นเก่ารวมถึงกำหนดอายุ 16 ปีขึ้นไป และผูกโยงเกี่ยวกับว่าจะเลือกตั้งได้ในครั้งหน้า ว่าถ้าคิดอย่างนั้นคงกำหนดอายุ 14 ปีเพราะหมดสมัยรัฐบาลนี้ จะเลือกตั้งได้ทันที แต่ด้วยเป็นกลไกที่คิดว่าอายุเหล่านี้เมื่อรับเงินไปมีศักยภาพในการใช้จ่ายและนำไปใช้จ่ายได้ เป็นกลไกในการหมุนเศรษฐกิจให้กับงบประมาณที่มอบให้ได้อย่างมีความเหมาะสม เด็กเกินไปอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยกับเงินจำนวนมาก ส่วนที่ไม่จัดเป็นเงินสด อาจติดอยู่กับเฟคนิวส์เก่าๆ ยืนยันไม่ใช่คริปโตทุกคนเข้าใจตรงกัน จะไม่มีการรั่วไหลใดๆเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ทำกำลังวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศให้กับคนไทย และที่สำคัญต้องการสร้างระบบการแลกเปลี่ยนกลางของรัฐ ทางลัดเป็นทางเข้าเชื่อมไปยังบริการต่างๆที่ภาครัฐจะจัดสรรให้กับประชาชน ประชาชนได้รับเงินตรงในกระเป๋าเงินใช้จ่าย ซึ่งจะพลิกเปลี่ยนกลไกประเทศไทยในการจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนเงินตรา ดังเช่นในอดีตที่เคยดำเนินการเรื่องพร้อมเพย์ ได้มีการพัฒนา ศักยภาพไปเรื่อยๆ และกลไกที่กำลังทำจะเป็น หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่จะให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป

นายจุลพันธ์ย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน และช่วยเหลือประชาชน เป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้ด้วยกลไกนี้รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายแต่เพียงข้อเดียว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรือธงของพวกเราแต่ยังมีนโยบายในมิติอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ในการดูแลสินค้าเกษตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงดูดการลงทุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอัพสกิล รีสกิลแรงงาน ขอให้มองกลับมากับการทำงานของรัฐบาลซึ่งจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีทุกมิติ และนี่เป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนเติบโต และยังมีการพัฒนาปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

“สรวงศ์” ยันเร่งแก้ระบบล่ม หลังแห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”

ทำเนียบ 1 ก.ค.- “สรวงศ์” ยันเร่งแก้ปัญหาแอปฯ ล่ม หลังปชช.แห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เผยอาจมีการเพิ่มสิทธิมากขึ้น นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง การเปิดลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ในวันนี้ เป็นวันแรก (1 ก.ค.) หลังเปิดให้ลงทะเบียนเวลา 08.00 น. ปรากฏว่าแอปฯ ล่ม ว่า ในเรื่องของแอปฯ ล่มกำลังแก้ไขอยู่ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งยอมรับว่าเมื่อเปิดให้มีการลงทะเบียน มีประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก นายสรวงศ์ ยืนยันว่าเรื่องของระบบการลงทะเบียนได้มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว แต่บางครั้งเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด นายสรวงศ์ มองว่า การที่ประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก เป็นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนอยากจะเที่ยวอยู่ ซึ่งก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า หากมีประชาชนลงทะเบียนจนครบตามสิทธิแล้ว นายกรัฐมนตรีเคยบอกแล้วว่า จะเพิ่มสิทธิตรงนี้ให้.-315 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ “ครม.แพทองธาร 1/2” นายกฯ ควบเก้าอี้ วธ.

กรุงเทพฯ 1 ก.ค.- โปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ “แพทองธาร 1/2” นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม ขณะที่ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 วันนี้ (1 ก.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 แล้ว นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง และปรังปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่งเพื่อความเหมาะสม และบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยอาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้น จากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ และให้แต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป […]

คุมได้แล้วเพลิงไหม้โรงงานผลิตทิชชู ตาย 8 สูญหาย 2

สระบุรี 1 ก.ค. – เหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตทิชชูใน อ.หนองแค จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไว้ได้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย สูญหาย 2 ราย เบื้องต้นอาคารโรงงานเสียหายทั้งหมด ส่วนสาเหตุต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอีกครั้ง ช่วงเที่ยงวานนี้ (30 มิ.ย.) เกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรงในโรงงานผลิตทิชชู ตั้งอยู่ภายในนิคมเหมราช อ.หนองแค จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 50 คัน ช่วยควบคุมสถานการณ์ พบเพลิงลุกไหม้ภายในโรงงาน และได้รับแจ้งว่ามีพนักงานอยู่ภายในสำนักงานชั้น 2 และชั้น 3 รวม 10 คน ยังไม่สามารถออกมาได้ จึงเร่งฉีดน้ำสกัด แต่เนื่องจากจุดที่เกิดเพลิงไหม้มีกองกระดาษซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี กระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด จากนั้นได้รับรายงานว่ามีผู้สูญหาย 10 คน ทั้งหมดเป็นพนักงาน ก่อนเกิดเหตุทำงานอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3 ของโรงงานและเป็นห้องกระจก แต่จุดเกิดเพลิงไหม้อยู่ชั้นล่าง อาจไม่ได้ยินหรือไม่รู้ว่าเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งจุดที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดคือชั้น 2 […]

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]