รัฐสภา 17 ก.ค. – “จุลพันธ์” แซว “ศิริกัญญา” ใส่ชุดเขียวมา นึกว่าเชียร์ ธกส. ย้ำปลายปีนี้เงินหมื่นถึงมือประชาชน เดินมาถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ยันรัฐไม่ขัดแย้งเรื่องเตรียมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. มั่นใจไร้ทุจริต เพราะจ่ายตรง 1 คน 1 หมื่น ตัดสิทธิ์คนถูกฟ้องจากการใช้ผิดประเภทโครงการรัฐในอดีต โต้ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้ง คิดถึงความเหมาะสมเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้หมุนเวียนเป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท โดยเริ่มที่พูดถึงชุดสีเขียวที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใส่มาวันนี้ว่า “ชุดเขียวนึกว่าเชียร์ธกส.” ก่อนจะระบุถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เป็นข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังดูรายละเอียดว่าสามารถบริหารจัดการได้ จึงเสนอคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณา และมีมติเห็นชอบไปแล้ว เป็นการเปลี่ยนแหล่งเงินให้มีความเหมาะสมขึ้น และมีหลายส่วนคือ1.เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเริ่มเห็นสภาพบริหารจัดการงบ การบริหารจัดการการคลังสามารถรองรับได้จึงมีความเห็นเช่นนั้น และ 2. คือกลไกที่จะใช้มาตรา 28 ตามตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ สามารถทำได้ ไม่ได้มีประเด็นปัญหา แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วคิดว่าอาจจำเป็นต้องมีข้อจำกัดเพิ่มเติมสำหรับการใช้หากเป็นธกส. หรือจำกัดสินค้า เพราะรู้ว่าเกษตรกรมีความลำบากเป็นกลุ่มที่ต้องการเงินมีมากที่สุดเอาไปใช้ในการลงทุน จึงไม่ต้องการให้มีข้อจำกัด
ส่วนข้อห่วงใยในการเปลี่ยนกรอบและระยะเวลา นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ปลายปีนี้เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ตามที่ได้ยืนยันมาตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา และยืนยันได้ว่าระบบทัน เงินเพียงพอ ได้ทันในกรอบเวลาสำหรับ 50 ล้านคน 500,000 ล้านบาท
นายจุลพันธ์ ยังขอบคุณสมาชิกที่ได้ชี้แจงแทนรัฐบาล โดยเฉพาะที่ระบุว่าสุ่มเสี่ยง แต่ไม่ใช่ความผิด และการยกตัวเลขขึ้นมากล่าวอ้างทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งกระบวนการที่ทำครม. ไม่ใช่คิดเพียง 3 – 5 คนแต่ผ่านกระบวนการพิจารณาส่วนงานราชการจำนวนมาก และพิจารณารอบคอบตามกรอบกฎหมายจึงเดินมาทางนี้ และขอยืนยัน ว่าดำเนินตามกระบวนการตามกรอบของกฎหมาย และยืนยันว่าต้องการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์พี่น้องประชาชน
“ถ้ายังเถียงเรื่องวิกฤตหรือไม่ ผมเคยยกสถานการณ์ให้ดูแล้วว่าสถานการณ์วิกฤต ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ดี ตั้งแต่วันที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาล ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวชี้ชัด ฝ่ายค้านหลายคนบอกว่าก็ดีอยู่กำลังเติบโตแต่เราเติบโตต่ำที่สุดในภูมิภาคมาหลายปี ขณะนี้ตัวต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ กลไกนี้ไม่ใช่กลไกในการมาสงเคราะห์ประชาชนหรือช่วยกลุ่มเปราะบาง แต่ใช้ประชาชนเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจคือเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือประชาชนและประชาชนเป็นคนใช้ และต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเมื่อได้เงินไปแล้วจะไปใช้จ่ายทำให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต และเริ่มลงทุนทำมาหากิน ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดไว้และข้อจำกัดที่มีอยู่ ยืนยันไม่มีนโยบายรัฐใดๆในอดีต ที่จะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงเท่านโยบายนี้ด้วยข้อจำกัดที่ใส่เข้าไปในเรื่องของสินค้าที่ซื้อได้และซื้อไม่ได้ หรือข้อจำกัดของพื้นที่ ทั้งหมดเป็นกลไกที่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ยัง กล่าวว่า อาจจะมีมุมมองที่ต่างกันมีความเข้าใจต่างกันแต่ตนเชื่อมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากเศรษฐกิจเติบโตในที่สุดเราก็สามารถ มีขนาด GDP ได้ใหญ่ขึ้นจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น แล้วหมุนวนกลับมาแก้ปัญหาประชาชนได้
นายจุลพันธ์ยังชี้แจงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าตั้งงบประมาณขาดดุล สูงเกือบเต็มเพดาน แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องกลไกทางงบประมาณ ซึ่งเรามีกลไกพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงไม่ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ กับการผ่านมาหลายสถานการณ์ หากรัฐบาลจัดเก็บพลาดเป้า มีกลไกพ.ร.บ.การเงินการคลังไว้รองรับ ไม่ครบถ้วน แต่ยอมรับไม่เคยมี สถานการณ์ในประเทศไทยที่ตั้งงบประมาณแล้วจะเก็บได้ตรงตามที่ตั้งเป้าไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าเป้า ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่บริหารจัดการให้ใกล้เคียงเป้ามากที่สุด
นายจุลพันธ์ยังชี้แจงข้อห่วงใยถึงเม็ดเงินจริงที่ยังไม่มีว่า กลไกใดๆต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายจึงเป็นที่มาของการเสนอของงบเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีเม็ดเงินรองรับเป็นการพูดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ 2568 หากสภาเห็นชอบประกาศเป็นกฎหมายช่วงเดือนตุลาคมจะมีเม็ดเงินเต็มจำนวนมารองรับสำหรับการบริหารจัดการ
“ข้อขัดแย้งที่ท่านเป็นห่วงกรณีรัฐบาลให้ข้อมูล และยกตัวอย่างค่อยข้างตลกว่า 1 สิงหาคม จะมีการลงทะเบียน ผมเรียนด้วยความเคารพว่า เป็นเรื่องเล็กมา รัฐบาลไม่มีข้อขัดแย้งที่ผ่านมา หารือกันมาตลอด และเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นมา” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนข้อห่วงใยในการทุจริตของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าไม่เคยได้ยินทำเรื่องนี้ เพราะเป็นการจ่ายเงินตรงกับประชาชน ใช้บัตรประชาชนมีผู้รับ 1 คนต่อ 10,000 บาท จึงมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตภาครัฐ ซึ่งได้ดูอย่างละเอียดและเป็นห่วงประเด็นนี้ จึงขอยืนยันว่าไม่มี รัฐบาลดูอย่างละเอียดรอบคอบ
ส่วนกลไกเติมเงิน 10,000 บาทไปใช้ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์หรือไปทำอะไรที่ผิดไปจากกลไกที่กำหนดไว้ นายจุพันธ์ ระบุต้องยอมรับว่า โครงการในอดีตเคยเกิดขึ้นเช่นให้เงินไปไม่ได้ซื้อสินค้าจริงแล้วแลกเป็นเงินสดมา แต่เราก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายฟ้องร้องคืนได้ ในกรณีที่ใครเคยทำผิดข้อจำกัดของรัฐในโครงการต่างๆมีคดีความฟ้องร้องเรียกเงิน คืนคนเหล่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการนี้ ขอยืนยันว่าเราป้องกันเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเต็มที่
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยที่รัฐไม่จ่ายเป็นเงินสดหรือไม่ใช้แอปพลิเคชั่นเก่ารวมถึงกำหนดอายุ 16 ปีขึ้นไป และผูกโยงเกี่ยวกับว่าจะเลือกตั้งได้ในครั้งหน้า ว่าถ้าคิดอย่างนั้นคงกำหนดอายุ 14 ปีเพราะหมดสมัยรัฐบาลนี้ จะเลือกตั้งได้ทันที แต่ด้วยเป็นกลไกที่คิดว่าอายุเหล่านี้เมื่อรับเงินไปมีศักยภาพในการใช้จ่ายและนำไปใช้จ่ายได้ เป็นกลไกในการหมุนเศรษฐกิจให้กับงบประมาณที่มอบให้ได้อย่างมีความเหมาะสม เด็กเกินไปอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยกับเงินจำนวนมาก ส่วนที่ไม่จัดเป็นเงินสด อาจติดอยู่กับเฟคนิวส์เก่าๆ ยืนยันไม่ใช่คริปโตทุกคนเข้าใจตรงกัน จะไม่มีการรั่วไหลใดๆเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ทำกำลังวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศให้กับคนไทย และที่สำคัญต้องการสร้างระบบการแลกเปลี่ยนกลางของรัฐ ทางลัดเป็นทางเข้าเชื่อมไปยังบริการต่างๆที่ภาครัฐจะจัดสรรให้กับประชาชน ประชาชนได้รับเงินตรงในกระเป๋าเงินใช้จ่าย ซึ่งจะพลิกเปลี่ยนกลไกประเทศไทยในการจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนเงินตรา ดังเช่นในอดีตที่เคยดำเนินการเรื่องพร้อมเพย์ ได้มีการพัฒนา ศักยภาพไปเรื่อยๆ และกลไกที่กำลังทำจะเป็น หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่จะให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป
นายจุลพันธ์ย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน และช่วยเหลือประชาชน เป็นทางรอดทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าได้ด้วยกลไกนี้รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายแต่เพียงข้อเดียว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรือธงของพวกเราแต่ยังมีนโยบายในมิติอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ในการดูแลสินค้าเกษตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงดูดการลงทุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอัพสกิล รีสกิลแรงงาน ขอให้มองกลับมากับการทำงานของรัฐบาลซึ่งจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีทุกมิติ และนี่เป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนเติบโต และยังมีการพัฒนาปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป.-319 -สำนักข่าวไทย