รัฐสภา 12 ก.ค.-“บิ๊กเกรียง” รายงานตัว สว. บอกให้ถึงเวลานั้นก่อน หลังถูกถาม “ตัวเต็ง” นั่งประธานวุฒิฯ รับเป็น สว.สีน้ำเงินเข้ม รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ยันไม่ได้ใกล้ชิดพรรคการเมือง แค่เป็นเพื่อนสนิท “อนุทิน” พร้อมโชว์พระสวมใส่วัน ฮ. ตก
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มบริหารราชการแผ่นดิน อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาค4 เดินทางมารายงานตัวต่อรัฐสภา เวลา 09.50 น. ซึ่งพลเอกเกรียงไกร ถือเป็นตัวเต็งในตำแหน่งประธานวุฒิสภาที่หลายฝ่ายจับตา
พลเอกเกรียงไกร กล่าวถึงมุมมองการเป็นตัวเต็งตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า มีมุมมองเช่นนั้นตามสื่อมวลชน แต่ตัวเองตั้งใจจะทำหน้าที่การดูแลแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น เพราะตัวเองมีองค์ความรู้ที่จะก้าวเข้ามาดำเนินการตรงนี้มากกว่า
ส่วนหากได้รับเลือกนั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา หรือ รองประธานวุฒิสภา มีความพร้อมหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร ระบุว่า รอให้ถึงเวลานั้น ทุกคนก็ต้องพร้อมหมด ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง สมาชิกทั้ง 200 คนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในการที่จะถูกเลือกหรือถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานวุฒิสภา เพราะทุกคนมีประสบการณ์ องค์ความรู้และมีความเหมาะสม เพียงแต่ตนเองถูกสื่อมวลชนนำเสนอมาก
พลเอกเกรียงไกร ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ใกล้ชิดกับพรรคการเมือง และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพียงแต่เป็นเพื่อนสนิทกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) จะเห็นว่าเมื่อครั้งที่ตนประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 นายอนุทินก็ได้รีบลงไปดูแลในด้านการแพทย์ ทั้งนี้ นายอนุทินไม่ได้ให้คำแนะนำใดในการมาสมัครเป็น สว. ซึ่งนายอนุทิน ยังตกใจและถามว่าจะเอาแน่หรือ ซึ่งตนยืนยันว่า เอาแน่ ก็ลองดู อยากมาทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ด้วยประสบการณ์และองค์ความรู้ที่มี ทั้งนี้ภายหลังได้รับเลือกเป็น สว. ก็ได้พบปะและพูดคุยกับนายอนุทินอยู่เสมอ เมื่อครั้งอนุทินลงไปปฎิบัติหน้าที่ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้คำแนะนำและติดตามไปในบางเวลาที่มีโอกาส
ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่า พลเอกเกรียงไกรจะได้รับการสนับสนุนจาก สว. สายสีน้ำเงิน พลเอกเกรียงไกร ระบุว่า “ไม่ครับ ที่ท่านว่าผมเป็น สว. สายสีน้ำเงิน ผม สีน้ำเงินเข้ม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ สถาบันพระมหากษัตริย์เทิดทูนด้วยชีวิต”
พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีใครทาบทามให้นั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา มีแต่สื่อมวลชนที่ไว้วางใจ ขณะที่หลังบ้านก็ไม่มีใครติดต่อมาเช่นกัน ส่วนเรื่องผลประโยชน์ที่เริ่มมีการเสนอรถและเงินนั้น ตนไม่ได้รับการทาบทามติดต่อในเรื่องพวกนี้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสภาวิชาชีพนั้นพลเอกเกรียงไกร มองว่า ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย เพราะได้กำหนดกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ซึ่งมีบริบทในแต่ละกลุ่ม มีความถนัดเชิงอาชีพ ดังนั้น 200 คน ก็ถือว่าทุกคนเป็นผู้แทนของกลุ่มอาชีพ
ส่วนกติกาการเลือก สว. ครั้งนี้ มีการถูกโจมตีมาก จะมีความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎระเบียบ การเลือกในครั้งหน้ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า ถือว่าเป็นมุมมอง ของแต่ละฝั่ง ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับฟังความเห็นต่างเมื่อมีข้อท้วงติง ส่วนจะแก้หรือไม่แก้ก็ว่ากันด้วยเสียงส่วนใหญ่ในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ ตนเองมองว่าการตั้งกลุ่มก๊วน ก็มีกันในทุกกลุ่ม ในสังคมย่อมมีคนที่รักชอบกัน ก็ไปอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ดูในไลน์ของทุกคนก็มีกลุ่มเช่นกัน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคม
ภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จ มีผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพลเอกเกรียงไกรว่า สวมพระอะไรตอนที่เฮลิคอปเตอร์ตก พลเอกเกรียงไกร ควักสร้อยคอออกมา พร้อมกล่าวว่าวันนั้นที่เกิดเหตุ ตนใส่พระกริ่งปวเรศ ปี 2530 ที่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นองค์ประธานในการเททอง นอกจากนี้ยังมีหลวงปู่ทวด และหลวงพ่อสุทธิ์ วัดหนองหวาย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผู้สื่อข่าวแซวว่า ได้เป็น สว. เพราะหลวงปู่ทวดใช่หรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า ไม่ ถ้าเป็นต้องหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าได้เป็น สว.เพราะพระหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า อันนี้เข้าข้างตัวเองนะ คิดว่าตนมีเอฟซีเยอะ ส่วนตัวไม่ได้มูเตลู ส่วนใหญ่คนให้มาเยอะแยะ
“ผมเกิดที่สุราษฎร์ธานี แหล่งธรรมะ วันที่ขึ้นฮอล์ ลืมสวดอิติปิโสฯ วันเลือก สว. พอจะเผลอหลับก็ท่องไปเรื่อยๆ เพราะนั่งตั้งแต่ 8 โมงเช้ายันตี 4 ท่องไปหลายรอบทีเดียว” พลเอกเกรียงไกร กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย