“ศิริกัญญา” ถามนายกฯ เกิดอะไรขึ้นกับ “เงินดิจิทัล”

รัฐสภา 11 ก.ค- “ศิริกัญญา” ขอบคุณนายกฯ เห็นคุณค่าสภาฯ แจงกระทู้ถามสดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถามเกิดอะไรขึ้นกับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เปลี่ยนไปมาจนประชาชนงง ด้านนายกฯ ร่ายยาวเปลี่ยนเกณฑ์เงินหมื่น เพื่อตอบโจทย์ชาวบ้าน ยันรัฐบาล “วิ่งเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า ต่อสู้แรงค้านที่ไร้อนาคต”


นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของรัฐบาล โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่เห็นคุณค่าของสภา ยึดถือหลักการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติและเคารพหลักการว่าสภาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และได้ตอบรับการตอบกระทู้ในเวลา 07.30 น. ของวันนี้ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯ จะมาตอบกระทู้ของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหวังว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มาตอบเป็นครั้งสุดท้าย และขอให้สัปดาห์หน้า นายกรัฐมนตรีเคลียร์ตารางงานเพื่อเข้ามาตอบกระทู้

ทั้งนี้ นางสาวศิริกัญญา ได้ตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีประชาชนสอบถามจำนวนมากว่า เกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้ เนื่องจากมีการปรับแก้เงื่อนไขต่างๆ เช่น เปลี่ยนไม่ให้ซื้อมือถือได้แล้ว รวมถึงมีประชาชนกังวลว่า ได้ปรับเป้าหมาย 45 ล้านคน ลดลงจาก 50 ล้านคน และที่ระบุว่าจะไม่กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จึงอยากตั้งคำถามว่า ตอนนี้งบประมาณไม่เพียงพอแล้วหรือไม่ จึงหางบประมาณได้เพียง 4.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ หากมีคนมาลงทะเบียนเต็มจำนวน 50 ล้านคน จะได้เงินเต็มจำนวนหรือไม่ รวมถึงอยากทราบว่าจะใช้งบกลางของปี 2567 หรือไม่


นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตนให้ความสำคัญกับสภานิติบัญญัติ และไม่ได้จะหลีกเลี่ยง แต่มีภารกิจแน่น และได้พยายามจะเลื่อนประชุม เพื่อตอบสนองความต้องการของ สส. ที่เห็นว่าน้อยใจจะไม่ถาม ตนพยายามที่จะมาตอบให้ได้ และแน่นอนว่าจะไม่ใช่การมาตอบครั้งสุดท้าย จะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการแถลงในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ โดยมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งรัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ส่วนจะนำเงินไปซื้ออะไรได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ก่อนโครงการจะสำเร็จเป็นรูปธรรมก็ได้ฟังความเห็นของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ผู้ประกอบการ และฝ่ายค้าน ว่าอะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม จึงได้มีการพูดคุยกันตลอด เพื่อปรับปรุงให้โดนใจประชาชนและถูกจุดประสงค์ของโครงการนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนเรื่องของงบประมาณต่างๆ งบกลางกันไว้ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่มีการปรับลดงบประมาณจาก 4.5 แสนล้านบาท ลงมาจากงบ 5 แสนล้านบาท เราดูจากสถิติเก่า จากรัฐบาลที่ผ่านมา ว่ามีการแจกเงิน และได้มีการวิเคราะห์ว่าจะมีคนไม่มาใช้สิทธิกี่คน แต่รัฐบาลก็ได้เตรียมไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งมั่นใจว่าจะใช้งบโดยพินิจพิเคราะห์อย่างดี เป็นไปตามกฏหมาย ซื่อสัตย์สุจริต และเป็นไปตามกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้อง


”เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของเรา เหตุผลที่ต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน และจำกัดพื้นที่ในการใช้ เพราะไม่ต้องการให้จำกัดความเจริญอยู่ที่หัวเมืองหลักเพียงอย่างเดียว การที่ประชาชนมีบัตรประชาชนอยู่ในอำเภอไหนก็ให้ใช้ในอำเภอนั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ ไม่ว่าจะเป็นหนองบัวลำภู บึงกาฬ มหาสารคาม ที่มีจีดีพีต่ำ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคเป็นไปตามความต้องการของทุกคน มั่นใจว่าวันที่ 24 กรกฎาคม จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของงบประมาณและประเภทสินค้าที่จะออกมา“ นายเศรษฐา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า การที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องใช้งบกลาง 43,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ปริศนาทุกอย่างกระจ่างขึ้น เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเริ่มบริหารราชการแผ่นดินจนถึงตอนนี้กว่า 10 เดือน เราก็มีข้อสังเกตว่า งบกลางปี 67 แทบจะไม่ได้อนุมัติเลย ซึ่งจริงๆ แล้วมีปัญหาเร่งด่วนคือ ค่าครองชีพประชาชน ราคาของแพงขึ้น รวมถึงค่าไฟยังแพง แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน และจำเป็นจะต้องถามเรื่องงบ 67 เพราะที่ผ่านมาสภาได้อนุมัติงบไป 99,000 ล้านบาท ก่อนอนุมัติงบก็มีการใช้งบประมาณไปพรางก่อน แต่มีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเพียง 14,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น

ทั้งนี้ มีการของบกลางไปช่วยพยุงราคาน้ำมัน 6,500 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่อนุมัติ ทั้งที่งบกลางก็ไม่ได้ใช้ หากไม่อยากอุดหนุนราคาน้ำมันด้วยกันลดภาษีสรรพสามิตเหมือนเดิม เลือกอุดหนุนเฉพาะกลุ่มก็ได้ อาจจะแจกเป็นคูปองลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มขนส่งหรือประชาชน แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพเลย

ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองอาจมีการออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำบ้าง แต่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้เดือดร้อน แก้ปัญหานายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจง โดยยืนยันว่า มีการใช้งบกลางในการดูแลเรื่องค่าน้ำมัน และค่าไฟ รวมถึงเรื่องการเกษตร ดูแลเรื่องเกิดน้ำท่วม น้ำแล้ง การสร้างถนน ดูแลสถานพยาบาลต่างๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจว่า 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยเติบโตอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่มีอินฟราสตรัคเจอร์ ส่งผลให้อัตราการเติบโตมีเพียง 3 % ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็น K shaped recovery คนที่รวยแล้วก็รวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็ค่อนข้างราบเรียบ ส่งออกก็ติดลบ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและพลังงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ฝ่ายค้านให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปิดตัวโรงงาน ทำให้เห็นได้ชัดว่า อุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวเข้ากับความต้องการของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราก็มีการปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนต้องเดินทางไปต่างประเทศ ต้องมีการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่องสงครามการค้า หรือภูมิรัฐศาสตร์เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร และเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่ก็ทำให้การส่งออกลดน้อยลง เราต้องเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อทำให้เขามีความมั่นใจมาลงทุนและซื้อสินค้าไทย

นอกจากนี้ การลงทุนก็ต่ำ ตนเคยแจ้งให้สภาทราบว่า ครั้งสุดท้ายที่เรามีโครงการใหญ่คือโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงการบริโภคในประเทศไทย ถ้าตัดภาคการท่องเที่ยวออกไปถือว่าไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควร การท่องเที่ยวตั้งแต่ที่เราเข้ามาก็เป็นการใช้นโยบายหลัก ไม่ได้ใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Growth Engine ที่ใช้พยุงเศรษฐกิจไปได้ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรี การเปิดนิทรรศการให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่แบบเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน เราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อ วันก่อนประเทศอินเดีย ก็มีการยกเว้นวีซ่าที่จะให้เขาเป็นการชั่วคราว เราก็จะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมอัตราการเติบโตก็ตกหมด ต่ำกว่า 60% แสดงว่าคนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะหากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ โรงงานต่างๆจะผลิตสินค้า มารองรับการซื้อของประชาชน ทำให้เกิดการจ้างงานเกิดขึ้น

อีกเรื่องหนึ่งเป็นปัญหายาเสพติด เราต้องยอมรับว่า เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามา แต่หากประชาชนของเรายังมอมเมา ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของตนหลายครั้งก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ที่ลงพื้นที่ไป นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดก็ยังเจอเยอะ

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการไป กอ.รมน. ที่หลายท่านอยากให้ยุบ แต่ตนยังเห็นศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ สามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม กันที่ดินทหารมาให้ประชาชนทำกิน ซึ่งในการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง

สำหรับหนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ก็มีการร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายกิติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานที่ปรึกษา ก็ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ให้หนี้นอกระบบหมดไป เพราะหากมีหนี้นอกระบบ ก็ไม่มีแรงทำงานและไปหวังพึ่งยาเสพติด

“เราแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนามมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ และบินไปเจรจาการค้าเพื่อจะให้มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม แต่เพิ่ง 10 เดือน ทุกท่านทราบดีว่าจะให้ลงทุนเป็นแสนล้าน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าเขาตัดสินใจลงทุนในประเทศ แต่ก็มีการพัฒนาขั้นตอนต่างๆไปในทางที่ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรื่องการเกษตรก็เป็นสิ่งสำคัญแม้จะไม่เป็นอุตสาหกรรมที่เซ็กซี่ แต่พี่น้องหลาย 10 ล้านคน ยังต้องพึ่งการเกษตรอยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ลงพื้นที่ไปทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การเปิดตลาดค้าขาย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปี นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความพร้อมในการผลักดันสินค้าฮาลาล

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเองก็อยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย พยายามไม่ทะเลาะกับใคร อยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคนและสามารถส่งผ่านสินค้าออกไปได้

จากนั้น นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามต่อ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามที่ตนเองถาม ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ไม่มีมาตรการช่วยพยุงค่าครองชีพ และไม่มีมาตรเกี่ยวกับโรงงานปิดกิจการและ SMS ล้ม ให้กับประชาชนในระยะสั้น เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรีตอบ วิเคราะห์ปัญหาถูกวินิจฉัยโรคถูก แต่ทางออกยังมืดแปดด้านและไม่เห็นเป็นรูปธรรม โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือรอนักลงทุนเข้ามาลงทุน ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรหากงบไม่พอที่จะเอาไปใช้ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ หรือรัฐบาลอาจสร้างแรงจูงใจให้กับท้องถิ่น เอาเงินสะสมของตนเองมาใช้เป็นเงินลงทุนขนาดเล็กในชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในต่างจังหวัด และเศรษฐกิจจะกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะเงินสะสมเหล่านี้มีอยู่จริงไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท หากรัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง ท้องถิ่นออกอีกครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตออกมา

พร้อมสอบถามกรณีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้อ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่นายกฯ เป็นต้นคิดและสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งมาตรการนี้มีผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ประชาชนที่ไม่มีบ้านได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นของต่างชาติและอาจจะต้องไปเช่าบ้านของต่างชาติด้วย แล้วสุดท้ายคนไทยได้อะไรจากมาตรการนี้ สัดส่วนที่เกิดผลต่อเศรษฐกิจคืออะไร

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเรายังทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ ใช้นโยบาย ใช้การมุ่งมั่น ใช้การประสานงานก็ได้ ส่วนมาตรการขยายเวลาเช่า 99 ปี มันเป็นการเชื่อมต่อกับหลายอย่าง เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศที่อยากให้เพิ่มเวลาเช่าทรัพย์อิงสิทธิ

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องการขายชาติ เป็นการให้ศึกษาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอฝากไว้ว่า ต่อไปต้องมาดูว่า ถ้าเกิดทำแล้วจะส่งผลระยะยาวให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงขึ้นหรือไม่ และยืนยันว่า ต้องมีการศึกษาและตั้งใจทำอย่างซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ ไม่ได้มีการกดดันใครทั้งสิ้น

“ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของผม จะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุกพรรคในรัฐบาลเราก็จะช่วยวิ่งสู้ต่อไป เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า จะต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย