ปลัด กห. ยันใช้งบลับเท่าเดิม ตรวจสอบได้

รัฐสภา 10 ก.ค.- ปลัดกลาโหม ยันใช้งบลับเท่าเดิม ตรวจสอบได้ เร่งปรับโครงสร้าง โอนย้าย แพทย์-พยาบาล เป็น ขรก.พลเรือนกลาโหม เผยยอดสะสมน้ำมันดิบ อ.ฝาง 16 ล้านลิตร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ได้พิจารณางบในส่วนของกระทรวงกลาโหม จำนวน 200,293 ล้านบาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 5,179 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.65 โดยพล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันถึงการใช้งบลับมีเท่าเดิมทุกปี ไม่มีการขอเพิ่มขึ้น และต้องผ่านสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะใช้หลักเกณฑ์ตรวจสอบการใช้เงิน ตั้งแต่ปี 2564

ส่วนการปรับลดกำลังพลเป็นนโยบายของกระทรวงกลาโหม จะครอบคลุมไปถึง โรงเรียนที่ผลิตทหาร ต้องปรับลดลงตามลำดับและนำใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทน และเรื่องการปรับลดกำลังพล ร้อยละ 5 สำหรับนายพลตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ต้องลดร้อยละ 50 ซึ่งเคยชี้แจงไปแล้ว อยู่ในแผน การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพปี 2561- 2571 ที่จะต้องลด มาครึ่งหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างดำเนินการไปตามแผน โดยมีการปรับลดทุกปีและหลังปี 2571 ก็จะไปเข้าสู่สมุดปกขาวจะดำการต่อไปอีกในภาพรวม


ส่วนการเออรี่รีไทร์ จัดไว้ 3 ปี ปีละ 200 ล้านบาทซึ่ง ครม.อนุมัติไปแล้ว เป็นโครงการที่จะลดกำลังพล เนื่องจากเมื่อเออรี่ฯ ไปแล้ว ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญหรือตำแหน่งประจำจะปิดอัตรา ส่วนเงิน 200 ล้าน อยู่ในงบบุคลากร ของกองทัพเอง

ส่วนปรับข้าราชการทหารเป็นข้าราชการพลเรือนกลาโหม มาจาก แพทย์ พยาบาล บัญชี เภสัชกร เป็นต้น จะแยกออกมา เพื่อลดข้าราชการทหาร โดยจะดำเนินการ 2 แบบคือบรรจุใหม่โดยสำนักงานปลัดกลาโหม เพิ่งบรรจุไป 8 ราย ซึ่งต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องมาปรับโครงสร้างใหม่ ที่จะมีข้าราชการพลเรือนกลาโหม เช่น โรงพยาบาลทหารจะต้องทำโครงสร้างแยกออกมาจะเป็นข้าราชการพลเรือนกลาโหม สำหรับหมอพยาบาล ส่วนการบรรจุเข้าไปเพื่อความรวดเร็วสามารถโอนย้ายได้จากทหารเป็นข้าราชการพลเรือนกลาโหมเมื่อโครงสร้างเสร็จ ซึ่งหากรับทดแทนใหม่อย่างเดียวใช้เวลานาน จึงจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด

พล.อ.สนิธชนก ยังชี้แจงถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แบบรวมศูนย์ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้วเพื่อศึกษาในเรื่องนี้ ถือเป็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม อาวุธที่มีราคาแพงไม่สามารถผลิตหรือหาชิ้นส่วนภายในประเทศได้ และเป็นภูมิยุทธศาสตร์ภัยคุกคาม จะคำนึงภัยคุกคามอำนาจกำลังรบของเพื่อนบ้าน แนวโน้มการเกิดสงครามเพื่อกำหนดออกมาให้เป็นยุทธศาสตร์ หากทำสำเร็จสัดส่วนงบประมาณจะไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนกำลังพล แต่จะขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดผ่านคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ในการที่จะชี้ว่า จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อะไร ในระยะ 3-5 ปี


ส่วนบ่อน้ำมัน อ.ฝาง ตั้งมา 70 ปี ประเมินมีน้ำมันใต้ดิน 50 ล้านบาร์เรล แต่ใน 70 ปีที่ผ่านมาดูดไป 16 ล้านบาเรล ปัจจุบันเก็บไว้เป็นน้ำมันดิบ 16 ล้านลิตร ซึ่งส่วนใหญ่ได้เป็นดีเซล มีมาตรฐานที่ไม่เทียบเท่าเอกชนใช้กับรถทหารและจำหน่าย สนับสนุนกองทัพบกในพื้นที่ภาคเหนือ

ส่วนเงินอุดหนุน 600 ล้านบาทนั้น ร้อยละ 90 เป็นค่าจ้างเงินเดือน และมีลูกจ้างพนักงาน ถ้าเออรี่ ต้องใช้เงินก้อนนี้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีเสริมเอาไว้ หลักการคือลูกจ้างพนักงานต้องมีเงินอุดหนุน ส่วนกลางวิจัยและพัฒนาทางคณะกรรมการ โอนถ่ายธุรกิจกองทัพ หลายท่านเคยไปดูไม่ได้ปกปิด.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ข่าวแห่งปี 2567 : รวมฉ้อโกง “ดารา-คนดัง” ไม่รอด

ตลอดปี 2567 ยังมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของกลโกง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว และที่น่าตกใจเริ่มมีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีมากขึ้น

หมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่

บรรยากาศการเดินทางหมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ด้าน รฟท. คาดผู้โดยสารเดินทางขาออกวันนี้ 1 แสนคน

รถเริ่มแน่น! สายเหนือ-อีสาน การจราจรชะลอตัว

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา หยุดยาวปีใหม่ ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าสายอีสาน รถแน่น ส่วนถนนสายเอเชีย ขึ้นเหนือ รถเคลื่อนตัวได้ช้า