ยืนคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา “อนุรักษ์” อดีต สส.เพื่อไทย คดีเรียกสินบน

กทม. 9 ก.ค.-ศาลฎีกาฯ ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ยืนคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา “อนุรักษ์” อดีต สส.เพื่อไทย คดีเรียกสินบนอธิบดีกรมน้ำบาดาล คอตกเข้าเรือนจำ

ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.5/2567 ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเรียกร้บสินบน 5 ล้านบาทจากอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล


โดยคดีนี้ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2566 จำคุก 6 ปี และให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.2565 เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ตามที่ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาในคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม โดยอนุญาตประกันตัวตีราคา 1 ล้านบาท จำเลยอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ เห็นว่าเบื้องต้นพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตรวจสอบ เพื่อทราบรายละเอียดตามเรื่องกล่าวหาว่าผู้ถูกร้องเรียนเป็นบุคคลใดมีตำแหน่งหน้าที่ใดได้ หนังสือร้องเรียนมีข้อมูลเบื้องต้นระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องเพียงพอที่จะตรวจสอบได้ การตรวจสอบวันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยสอบปากคำ นาย ศ. เพื่อทราบถึงผู้ถูกร้องเรียน จึงมิใช่เป็นการมุ่งเอาผิดจำเลยฝ่ายเดียว กรณีจำเป็นต้องไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเองหรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นคณะกรรมการไต่สวน คำสั่งของคณะกรรมการ ป. ป.ช. ที่แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนคดีนี้สอดคล้องตรงตามกฎหมายจึงซอบแล้ว ที่คณะกรรมการไต่สวนไม่เรียกพยานหลักฐานที่จำเลยร้องขอก็ไม่ปรากฎว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ตามรายงานสำนวนการไต่สวนมีการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพยานบุคคล 17 ราย และเอกสารหลักฐานต่าง 10 รายการ ถือเป็นการไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตรงตามความจริงที่เกิดขึ้น เพียงพอที่จะวินิจฉัยมูลความผิดของจำเลยแล้ว คณะกรรมการไต่สวนย่อมมีดุลพินิจที่จะมีคำสั่งได้ การไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเป็นไปโดยชอบเเล้ว


ส่วนปัญหาที่ว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ โดยมติเสียงข้างมาก เห็นว่า คำเบิกความของนาย ศ.อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียว แต่นาย ศ.เบิกความถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ตนได้ พบมาตามลำดับขั้นตอนตั้งแต่การพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในระดับกระทรวงเรื่อยมาจนถึงระดับกรม ในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จนถึงคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ทำให้เห็นพฤติการณ์ของจำเลย

ในการตั้งข้อสังเกตและซักถามงบประมาณเฉพาะกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมาโดยตลอด ลักษณะที่เน้นย้ำถึงโครงการกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มิได้มีลักษณะเป็นการตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐตามปกติ แต่เป็นการสร้างความกดดัน และความกังวลแก่ผู้รับการพิจารณาว่าจะถูกตัดหรือลดงบประมาณหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการเเสวงหาผลประโยชน์ อันทำให้เห็นมูลเหตุชักจูงใจให้จำเลยโทรศัพท์หานาย ศ. ผ่านการติดต่อของนาง น. เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2

ในคืนวันเกิดเหตุ นาย ศ. และจำเลยใช้เวลาสนทนาครั้งแรก 9 นาทีเศษ และใช้เวลาสนทนาครั้งที่สอง 6 นาทีเศษ สอดคล้องกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ข้อความที่มีการสนทนาโต้ตอบกันทางโทรศัพท์ตั้งแต่การเรียกเงิน 5 ล้านบาท เมื่อนาย ศ. ปฏิเสธก็เปลี่ยนมาเป็นของานแทน เพื่อแลกกับการไม่ตัดลดงบประมาณ มีลักษณะพูดต่อรองกันไปมา ซึ่งมีรายละเอียดมาก ยากที่จะแต่งเรื่องขึ้นมาให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะข้อความที่สนทนากันในเรื่องของานยังสอดคล้องการตั้งข้อสังเกตและซักถามของจำเลยในการประชุม ซึ่งมุ่งเฉพาะโครงการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลที่มีงบประมาณโดยตรงโดยอ้างว่า จำเลยโทรศัพท์ติดต่อนาย ศ. ขอแบบแปลนและประมาณราคาเพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโดยตรงต้องดำเนินการผ่านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามข้อบังคับการประชุมและแนวทางปฏิบัติที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกันดำเนินการสืบกันมา ไม่สมเหตุสมผล จึงเป็นพิรุธและไม่น่าเชื่อถือ


สำหรับที่นาย ศ. กล่าวต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการงานบูรณาการ และให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนว่าได้มีการบันทึกเสียงสนทนาไว้นั้นก็น่าเชื่อว่าเป็นการพูดต่อด้วยความไม่พอใจ และแสดงให้เห็นว่าตนมีพยานหลักฐานที่มั่นคงที่จะกล่าวหาจำเลยได้ โดยบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริง คำให้การ และคำเบิกความ นาย ศ. คงยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์โทรศัพท์เรียกเงินหรือของานของจำเลยมาโดยตลอด ดังนั้น คำเบิกความในส่วนนี้จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่สาระสำคัญแห่งคดีมิได้เปลี่ยนแปลง ข้อแตกต่างดังกล่าวจึงเป็นเพียงพลความ การตั้งข้อสังเกตและซักถามของจำเลย และการชี้แจงของนาย ศ. เป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตามธรรมดาย่อมมีเหตุกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ หากจะมีความไม่พอใจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขนาดว่าจะต้องปั้นแต่งเรื่องขึ้นเพื่อปรักปรำจำเลย อีกทั้งในคืนวันเดียวกันแทบจะในทันทีภายหลังเกิดเหตุ นาย ศ. ได้โทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ไปหานาย ภ . และนาย ส. เล่าเรื่องการเรียกเงินดังกล่าวให้ฟังทันที ย่อมไม่มีเวลาคิดปรุงแต่งเรื่อง โดยในส่วนนี้ โจทก์ยังมีนาย ภ. และนาย ส. มาเบิกความยืนยันว่า นาย ภ.โทรศัพท์ติดต่อหาจำเลยเช่นกัน มีการซักถามจนนำไปสู่การพูดในเชิงของานของกรมดังกล่าว และในวันรุ่งขึ้น นาย ศ. ยังโทรศัพท์ติดต่อนาย น. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เล่าเรื่องที่ถูกจำเลยเรียกเงินให้ฟังด้วย แม้นาย ภ. นาย ส. และ นาย น. เป็นคนรู้จักกันในฐานะเพื่อนและผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม แต่ต่างก็เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีสาเหตุโกรธเคืองหรือขัดแย้งกับจำเลยมาก่อน พยานบุคคลทั้งสามยังเบิกความเชื่อมโยงกับที่นาย ศ. เบิกความ จึงเชื่อว่าเบิกความไปตามความจริง พยานพฤติเหตุแวดล้อมของโจทก์ดังกล่าวที่ใกล้ชิดต่อเหตุการณ์เช่นนี้ ย่อมสนับสนุนคำเบิกความของนาย ศ. ประจักษ์พยานให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นการที่จำเลยโทรศัพท์เรียกเงินหรือขอผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นการอาศัยโอกาสในตำแหน่งที่ตนมีอำนาจและหน้าที่ที่สามารถเสนอปรับลดงบประมาณได้ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งของจำเลย ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ อันเป็นความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149

เมื่อคดีฟังได้ดังกล่าวแล้ว อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษามานั้น องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์โดยมติเสียงข้างมากเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมนำตัวน่ยอนุรักษ์ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ใต้ตอนบน ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว