รัฐสภา 8 ก.ค. –“สมชาย” ชง ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ สอบเลือกสว.ชุดใหม่ ลั่นยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของ 250 คน แค่ทำตามหน้าที่ปัดยื้อเวลา ย้ำกฎหมายไม่เอื้อรับรองไปก่อนสอย พร้อมชี้เลื่อนบัญชีสำรองเป็นอำนาจของประธานวุฒิสภา
การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (8 ก.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาเสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาตรวจสอบการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ โดยนายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตรวจสอบการเลือก สว. ให้ถูกต้องสุจริตและเที่ยงธรรม หากทุกอย่างถูกต้องก็จะมีการประกาศรับรองสว.ชุดใหม่ ดังนั้นสว. ชุดปัจจุบันจะทำหน้าที่ต่อไปจนวันสุดท้าย ขอยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของสว. ทั้ง 250 คน ไม่มีเจตนาที่จะยื้อเวลาในการอยู่ดำรงตำแหน่งต่ออย่างที่มีการกล่าวหาให้ร้ายกันในสังคม เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ทุกมาตรา อย่างสมศักดิ์ศรีจนกว่าจะส่งงานต่อให้กับสว. ชุดใหม่ ยกเว้นมาตรา 272
โดยนายสมชาย กล่าวว่า การเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ชุดดังกล่าวเนื่องจากในการเลือกสว.ครั้งที่ผ่านใน กกตได้ออกประกาศ เรื่องคุณสมบัติ ของผู้สมัครใน 20 กลุ่มอาชีพโดยมีการขยายความ ลักษณะอาชีพ ที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่กำหนด คำว่า และอาชีพ อื่นๆในทำนองเดียวกัน ทำให้มีผู้สมัครลงสมัครในกลุ่มอาชีพที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น อสม. และหมอนวด ลงสมัครในกลุ่มสาธารณสุข พนักงานรักษาความปลอดภัยของ พนักงานขับรถประจำทาง พนักงานทำความสะอาดของรีสอร์ท ลงสมัครกลุ่มท่องเที่ยวฯ คนขับรถแห่ ลงสมัครกลุ่มสื่อมวลชนฯ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่บิดเบี้ยว นอกจากนี้ยังพบว่าหลังจากมีการประกาศพระราชกิจจาหนูเบกษาเรื่องการเลือกสว.แล้ว สส.ยังมีการจัดเลี้ยง โดยมีผู้สมัครสว. ไปร่วมงาน ต้องเอาหนึ่งในนั้นเป็นน้องสะใภ้ของสส. ล่วงหน้า 2 วันก่อนเดินทางไปสมัครสว. เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎหมายจัดเลี้ยง นอกจากนี้ยังมีผู้ส่งหลักฐานเรื่องการรับเงินและการลบโหวตของผู้สมัคร ซึ่งบางส่วนมีการแจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่ต่างๆไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อพบปัญหา จึงควรตั้งคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งจะประกอบด้วยตัวแทนของ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะประกอบด้วย นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายเจตน์ โทณวณิก และนายคมสัน โพธิ์คง และตัวแทนของกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ กรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน และกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค
เพื่อศึกษาในกรอบเวลาที่มีอยู่ และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล มาเทียบกับผลการศึกษาการเลือกสว ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีการศึกษาไว้แล้ว เพื่อสรุปส่งต่อให้กับคณะกรรมการองค์กรอิสระรวมถึงสวชุดใหม่ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งนี้นายสมชาย ย้ำว่า สว.ชุดปัจจุบัน ได้เก็บของคืนกุญแจทั้งหมดแล้ว แต่ยังต้องทำหน้าที่อยู่ต่อไปเสมือนแพทย์ฉุกเฉินตราบใดที่ยังไม่มีแพทย์มาเปลี่ยนก็ต้องรักษาคนไข้ต่อไป
นายสมชาย ยังให้ความเห็นทางกฎหมายในฐานะผู้ที่เคยเป็นเลขานุการในการร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ และ ส่วนร่วมในการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มองว่าการรับรองผลการเลือกสว. ไปก่อนแล้วไปสอยทีหลังทำไม่ได้ เพราะในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 42 เขียนไว้ว่า เมื่อคณะกรรมการได้รับรายงานเรื่องการเลือกสว. ครั้งสุดท้ายในระดับประเทศแล้วให้รอ 5 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วคณะกรรมการ กกต.เห็นว่า การเลือกเป็นไปโดยถูกต้องสุจริตและเครื่องทำให้ประกาศผลการเลือกตามวงเล็บ 10 ในราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้เลขาธิการวุฒิสภาทราบ ดังนั้นหาก กกต. เห็นว่ามีความไม่สุจริตหรือมีข้อสงสัยสามารถอาศัย อำนาจตามมาตรา 59 ในการเปิดหีบนับคะแนนใหม่ได้ แต่หากเห็นว่าสุจริตและเที่ยงธรรมก็สามารถประกาศรับรองผลได้ แต่ไม่สามารถเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาทดแทนได้ เพราะไม่ใช่อำนาจของ กกต . แต่เป็นอำนาจของประธานวุฒิสภา ในกรณี มีสมาชิกตาย ลาออก ต้องคดี หรือกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ .-319 -สำนักข่าวไทย