กทม. 6 ก.ค. – วงเสวนา “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” เห็นพ้อง กกต. ประกาศรับรองผลก่อนแล้วสอยทีหลัง หวั่นยืดอายุ สว.เก่า ชี้ 8 ก.ค. ไม่ควรนัดประชุมวุฒิสภา เชื่อ สว.ใหม่ แม้หน้าตาไม่ดีแต่มีความหวัง ชี้อาจแก้ รธน. เปลี่ยนระบบเลือกใหม่ ด้าน “นันทนา” เจ็บจี๊ด สว.สีน้ำเงินเพียบ มองนิยามศึก “โหดเหี้ยม หักหลัง ฮั้ว” นัดคุย 30 ว่าที่ สว. อุดมการณ์ตรงกันวันนี้ เล็งเสนอเลือกองค์กรอิสระ ให้แสดงวิสัยทัศน์แบบประกวดนางงาม
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนา หัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” โดยมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง, นางนันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา และนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา พูดคุยแลกเปลี่ยน หลังการเลือก สว. ผ่านพ้นไปกว่า 10 วัน แต่ กกต. ยังไม่ประกาศผล
นายปริญญา กล่าวว่า ระบบการเลือก สว. ครั้งนี้ซับซ้อนที่สุด แต่บรรลุผลในการได้ผู้แทนปวงชนชาวไทยน้อยที่สุด ไม่บาลานซ์จังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ได้ สว. มากที่สุด 14 คน จึงไม่สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริง เชื่อว่ามีการจัดตั้งซึ่งระบบนี้สุดท้ายแล้วใครจัดตั้งได้มากที่สุดก็ได้เปรียบ ซึ่ง สว. ไม่ได้มีเพียงอำนาจกลั่นกรองกฎหมาย แต่จะต้องเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระด้วย จึงเป็นแรงจูงใจให้เครือข่ายบ้านใหญ่เข้ามา เมื่อการเลือกไม่เที่ยงธรรมมีเครือข่ายบ้านใหญ่ จึงต้องดูว่า กกต. จะกล้าประกาศผลหรือไม่ แต่หากไม่ประกาศก็เท่ากับว่าจะเป็นการต่ออายุให้กับ สว.ชุดปัจจุบันได้อยู่ต่อ
นายปริญญา ยังระบุถึงประเด็นปัญหาในขณะนี้ว่า กกต. สามารถประกาศผลการเลือก สว. ก่อนและสอยทีหลังได้หรือไม่ หรือต้องรอให้ครบ 200 คนทีเดียว เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าให้ประกาศได้ร้อยละ 95 เหมือน สส. และยังมีข้อถกเถียงอีกว่าบัญชีสำรอง สว. 100 คน จะสามารถเลื่อนขึ้นมาทดแทนส่วนที่ขาดไปได้เลยหรือไม่ แต่สิ่งที่ไม่ชัดเจนคือ กกต. ไม่สื่อสาร และเงียบหายไปเลย ควรประกาศว่า กกต. จะต้องใช้เวลากี่วันในการดำเนินการ
ส่วนกระแสข่าว สว.สีน้ำเงิน มีจริงหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์และสันนิษฐานกับความเกี่ยวข้องของเครือข่าย แต่ไม่อยากให้สรุปว่า สว.ชุดนี้ใช้ไม่ได้ และต้องเลือกกันใหม่ ทั้งนี้ สว.ชุดใหม่ ถือเป็นความหวัง เพราะมีที่มาหลากหลาย แม้จะมีข้อครหา แต่ กกต. ควรจะเร่งประกาศรับรองผล เพราะหากต้องรอให้บริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนอาจต้องรอข้ามปี จะยิ่งเป็นการลากยาวให้กับ สว.ชุดปัจจุบัน ขณะที่ระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 2 คน จึงอาจถูกมองได้ว่าลากยาวเพื่อเหตุนี้ ส่วนการนัดประชุม สว. วันที่ 8 ก.ค.นี้ ต้องถามว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
นายปริญญาทิ้งท้ายว่าการเลือก สว. ระบบนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย น่าจะมีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน
นางนันทนา กล่าวว่า ส่วนตัวถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้เป็นสื่อ แต่อาชีพแรกคือสื่อ และทราบว่าเป็นอาชีพที่เงินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีกิน แต่ไม่มีใช้ ยืนยันจะไปผลักดันเรื่องนี้ให้เพราะรายได้ของสื่อต่ำต้อย แต่ต้องรอให้ กกต. รับรองก่อน ขณะที่เห็นด้วยอย่างยิ่งให้ กกต. ประกาศรับรองไปก่อนค่อยสอยทีหลัง เพราะ สว.เก่า ดันมาขยันตอนนี้ นัดประชุมตรวจสอบ สว.ใหม่ ทั้งที่บทบาท ภาระหน้าที่ของ สว. คือกลั่นกรองกฎหมาย และหากเข้าไปได้อาจจะไปตรวจสอบ สว.เก่าด้วย เห็นว่า สว.เก่า ควรยุติบทบาทได้แล้วโดยมารยาท แม้ กกต. ยังไม่ประกาศรับรอง
นางนันทนา ยังระบุถึงการเลือก สว. ครั้งนี้ว่าเป็นแบบ “โหดเหี้ยม หักหลัง และฮั้ว” ต้องฝ่าด่านไปรับรางวัลให้ได้ ซึ่งโหดเหี้ยม คือการดำเนินการกำจัดจุดแข็งของผู้สมัครที่โปรไฟล์ดีมีชื่อเสียงออกไปก่อนตั้งแต่รอบเลือกกันเอง เป็นเหตุให้เห็นได้ว่าผู้สมัคร สว.ชื่อดังจะตกรอบ ส่วนหักหลังคือการเลือก รอบแรกต้องจับมือกัน แต่รอบต่อไปต้องใช้วิธีการหลอกให้เลือก เกิดการหักหลังและชี้หน้าด่ากันกลางวง สุดท้ายคือฮั้ว เพราะเห็นคะแนนที่ออกมา มีกลุ่มหนึ่งที่ได้คะแนนโดดเรียงกันเป็นแถวจำนวนมาก
นางนันทนา ระบุว่า ได้พยายามรวมกลุ่ม สว. ที่มีอุดมการณ์ร่วมกันประมาณ 30 คน นัดพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนกันวันนี้เป็นการภายใน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สว.สายสีน้ำเงิน เข้ามามากที่สุดนั้น ถือเป็นเรื่องเจ็บจี๊ดและมีจริง
ขณะที่ สว.ใหม่จะเป็นความหวังหรือวิกฤตคิรั้งใหม่นั้น นางนันทนา ระบุว่า ถึงแม้ว่า สว.ชุดนี้ จะหน้าตาไม่สะสวย แต่ไม่ได้มีที่มาจากอันเดียวกันทั้งหมด การโหวตอะไรจะไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงไม่ใช่จะหมดหวัง สว.พันธุ์ใหม่จะต้องสื่อสารกับประชาชน สว.ชุดใหม่ โปร่งใส สื่อสาร รับใช้ประชาชน พร้อมจะเสนอให้วาระการเลือกองค์กรอิสระ มีการแสดงวิสัยทัศน์แบบการประกวดนางงาม และมีการถ่ายทอดสดการประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล ไม่ใช่งุบงิบเลือกกันเอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวว่า กรธ. ออกแบบการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ เพื่อให้ปราศจากการแทรกแซงของกลุ่มทุน จึงให้ 20 กลุ่มอาชีพ และให้มีกระบวนการในการเลือกแบบทั้งเลือกกันเองและเลือกไขว้ เพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วเกิดขึ้น แต่วันนี้เราได้คำตอบแล้วว่าเราได้สิ่งเหล่านี้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และความเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพมีความหละหลวม ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นในชั้นของรัฐธรรมนูญ แต่มันเกิดจากระเบียบที่ให้เกิดการปรับปรุงอาชีพให้รับรองกันได้ ทำให้การลงสมัครเป็นไปตามผู้สมัคร และคนที่บงการว่าจะไปอยู่ตรงไหน มากกว่าพื้นเพความรู้ความสามารถและความถนัดของแต่ละคน
นายสมชัย กล่าวต่อว่า สว.ชุดนี้ ถูกแทรกแซงจากฝากการเมืองชัดเจน ไม่มีความความเป็นกลาง สังเกตได้ตั้งแต่การเลือกกันในระดับอำเภอ เราเล็งเห็นว่าสมัครเข้าไปโดยไม่ได้อยากเป็น สว. แต่สมัครเข้าไปเปลี่ยนมอเตอร์ โดยได้ค่ารับจ้างประมาณ 2,500 บาท ซึ่งชาวบ้านมองว่าคุ้มกับการทำงาน 1 วัน โดยเลือกให้ผ่านกันไปในรอบแรก จากนั้นอยากให้ กกต. ไปตรวจสอบว่าเลือกรอบ 2 ส่งกระดาษเปล่ากันจำนวนมาก ทำให้เกิดบัตรเสียมหาศาล เพราะคนจ้างบอกแค่ว่า “ให้มาเลือกแค่รอบแรก” พอมาถึงระดับประเทศจะมีโพยสำเร็จรูปให้ครบทั้ง 20 กลุ่มเลย โดยไม่ว่าจะได้กลุ่มไหนก็จะมีโพยให้ โดยจำนวนหนึ่งเป็นชื่อของคนที่เขาอยากได้จริงๆ แต่โพยบางส่วนมาจากการตกลงและเรียกรับผลประโยชน์ ประมาณว่าถ้าอยากให้เราหนุนก็จ่ายมา เพื่อนำรายได้ตรงนี้มาใช้จ่าย ทำให้เห็นภาพของคะแนนที่ออกมา เป็นกลุ่มก้อนคะแนนสูง ที่เลือกเป็นชุดเหมือนๆ กัน
นายสมชัย ชี้ว่า อนาคต สว. ยังมีความหวัง แต่อนาคตทางการเมืองไทยถือว่าวิกฤติ ซึ้ง สว.ใหม่ ยังมีความหวัง ไม่ได้หน้าตาดีทั้งหมด แต่หน้าตาดีก็มีเยอะ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาทำงานไม่ได้ มีที่มาไม่ชอบมาพากล ต้องยอมรับถึงผลและกติกาที่เกิดขึ้น ซึ่งก็หาทางแก้ไขต่อไปในอนาคต และมองว่าการนัดประชุมวุฒิสภา 8 ก.ค.นี้ จะมาขยันอะไร ตั้งคำถามว่าการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษา ตรวจสอบ การเลือก สว.67
นายไชยยงค์ กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้พบว่าผู้สมัครมีการศึกษากฎหมายและเตรียมตัวมากพอสมควร โดยมีการพิจารณาว่าจะสมัครกลุ่มใดแล้วจะมีโอกาสในการรับเลือก เช่น ในกลุ่ม 18 สายสื่อมวลชน จะพบว่าคนจัดรายการวิทยุ คนประกาศเสียงตามสาย หมู่บ้าน ในระดับจังหวัด โดนจับเลือกไปสมัครที่อำเภอที่มีผู้สมัครน้อย เพราะกลุ่มนี้ไม่ได้มีคนสมัครทุกอำเภอ ส่งผลให้ผู้สมัครสามารถผ่านเข้ารอบ 2 ได้ทันที ซึ่งเป็นวิธีการของคนที่ไม่ได้มาจากฝ่ายการเมือง เป็นวิธีคิดแบบศรีธนญชัย ซึ่งส่วนตัวสังเกตเห็นว่าคนที่ผ่านเข้ารอบเป็นคนที่ทำความรู้จักมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มีการศึกษากฎหมายและระบบการเลือกจึงได้ผ่านเข้ามาได้ แม้ สว. จะมีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ยังมองว่ามีความหวัง เพราะจากการตรวจสอบ 200 รายชื่อ จะมีคนไม่ตรงปกอยู่ประมาณ 20 คน ก็ถือเป็นส่วนน้อย เพราะส่วนตัวมองว่าการได้ สว. ที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มอาชีพถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นความหวังของประเทศได้ ไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนที่มีความรู้เท่านั้น จะเห็นได้ว่าสว.ชุดปัจจุบันเป็นคนที่มีโปรไฟล์ดี แต่ก็ไม่เคยออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร ดังนั้น คนทุกคนเท่ากัน สว.ชุดใหม่ ไม่น่าจะเลวร้ายเหมือนที่หลายคนกลัว
นายไชยยงค์ ยังเห็นว่าประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะฝากการแก้วิกฤติไว้กับการมี สว. ครั้งนี้ได้ แต่ สว.ชุดนี้อาจจะไปทำให้สามารถที่จะขับเคลื่อน แก้ปัญหาบางสิ่งบางอย่าง ให้ดีกว่าที่ผ่านมา และเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีช่องทาง ซึ่งส่วนตัวมีจุดยืนสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ.-319-สำนักข่าวไทย