วงเสวนา “ส่อง สว.ใหม่ฯ” เห็นพ้อง กกต.ประกาศรับรองผลก่อนแล้วสอยทีหลัง

กทม. 6 ก.ค. – วงเสวนา “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” เห็นพ้อง กกต. ประกาศรับรองผลก่อนแล้วสอยทีหลัง หวั่นยืดอายุ สว.เก่า ชี้ 8 ก.ค. ไม่ควรนัดประชุมวุฒิสภา เชื่อ สว.ใหม่ แม้หน้าตาไม่ดีแต่มีความหวัง ชี้อาจแก้ รธน. เปลี่ยนระบบเลือกใหม่ ด้าน “นันทนา” เจ็บจี๊ด สว.สีน้ำเงินเพียบ มองนิยามศึก “โหดเหี้ยม หักหลัง ฮั้ว” นัดคุย 30 ว่าที่ สว. อุดมการณ์ตรงกันวันนี้ เล็งเสนอเลือกองค์กรอิสระ ให้แสดงวิสัยทัศน์แบบประกวดนางงาม


สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนา หัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” โดยมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง, นางนันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา และนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา พูดคุยแลกเปลี่ยน หลังการเลือก สว. ผ่านพ้นไปกว่า 10 วัน แต่ กกต. ยังไม่ประกาศผล

นายปริญญา กล่าวว่า ระบบการเลือก สว. ครั้งนี้ซับซ้อนที่สุด แต่บรรลุผลในการได้ผู้แทนปวงชนชาวไทยน้อยที่สุด ไม่บาลานซ์จังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ได้ สว. มากที่สุด 14 คน จึงไม่สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริง เชื่อว่ามีการจัดตั้งซึ่งระบบนี้สุดท้ายแล้วใครจัดตั้งได้มากที่สุดก็ได้เปรียบ ซึ่ง สว. ไม่ได้มีเพียงอำนาจกลั่นกรองกฎหมาย แต่จะต้องเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระด้วย จึงเป็นแรงจูงใจให้เครือข่ายบ้านใหญ่เข้ามา เมื่อการเลือกไม่เที่ยงธรรมมีเครือข่ายบ้านใหญ่ จึงต้องดูว่า กกต. จะกล้าประกาศผลหรือไม่ แต่หากไม่ประกาศก็เท่ากับว่าจะเป็นการต่ออายุให้กับ สว.ชุดปัจจุบันได้อยู่ต่อ


นายปริญญา ยังระบุถึงประเด็นปัญหาในขณะนี้ว่า กกต. สามารถประกาศผลการเลือก สว. ก่อนและสอยทีหลังได้หรือไม่ หรือต้องรอให้ครบ 200 คนทีเดียว เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าให้ประกาศได้ร้อยละ 95 เหมือน สส. และยังมีข้อถกเถียงอีกว่าบัญชีสำรอง สว. 100 คน จะสามารถเลื่อนขึ้นมาทดแทนส่วนที่ขาดไปได้เลยหรือไม่ แต่สิ่งที่ไม่ชัดเจนคือ กกต. ไม่สื่อสาร และเงียบหายไปเลย ควรประกาศว่า กกต. จะต้องใช้เวลากี่วันในการดำเนินการ

ส่วนกระแสข่าว สว.สีน้ำเงิน มีจริงหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์และสันนิษฐานกับความเกี่ยวข้องของเครือข่าย แต่ไม่อยากให้สรุปว่า สว.ชุดนี้ใช้ไม่ได้ และต้องเลือกกันใหม่ ทั้งนี้ สว.ชุดใหม่ ถือเป็นความหวัง เพราะมีที่มาหลากหลาย แม้จะมีข้อครหา แต่ กกต. ควรจะเร่งประกาศรับรองผล เพราะหากต้องรอให้บริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนอาจต้องรอข้ามปี จะยิ่งเป็นการลากยาวให้กับ สว.ชุดปัจจุบัน ขณะที่ระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 2 คน จึงอาจถูกมองได้ว่าลากยาวเพื่อเหตุนี้ ส่วนการนัดประชุม สว. วันที่ 8 ก.ค.นี้ ต้องถามว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

นายปริญญาทิ้งท้ายว่าการเลือก สว. ระบบนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย น่าจะมีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน


นางนันทนา กล่าวว่า ส่วนตัวถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้เป็นสื่อ แต่อาชีพแรกคือสื่อ และทราบว่าเป็นอาชีพที่เงินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีกิน แต่ไม่มีใช้ ยืนยันจะไปผลักดันเรื่องนี้ให้เพราะรายได้ของสื่อต่ำต้อย แต่ต้องรอให้ กกต. รับรองก่อน ขณะที่เห็นด้วยอย่างยิ่งให้ กกต. ประกาศรับรองไปก่อนค่อยสอยทีหลัง เพราะ สว.เก่า ดันมาขยันตอนนี้ นัดประชุมตรวจสอบ สว.ใหม่ ทั้งที่บทบาท ภาระหน้าที่ของ สว. คือกลั่นกรองกฎหมาย และหากเข้าไปได้อาจจะไปตรวจสอบ สว.เก่าด้วย เห็นว่า สว.เก่า ควรยุติบทบาทได้แล้วโดยมารยาท แม้ กกต. ยังไม่ประกาศรับรอง

นางนันทนา ยังระบุถึงการเลือก สว. ครั้งนี้ว่าเป็นแบบ “โหดเหี้ยม หักหลัง และฮั้ว” ต้องฝ่าด่านไปรับรางวัลให้ได้ ซึ่งโหดเหี้ยม คือการดำเนินการกำจัดจุดแข็งของผู้สมัครที่โปรไฟล์ดีมีชื่อเสียงออกไปก่อนตั้งแต่รอบเลือกกันเอง เป็นเหตุให้เห็นได้ว่าผู้สมัคร สว.ชื่อดังจะตกรอบ ส่วนหักหลังคือการเลือก รอบแรกต้องจับมือกัน แต่รอบต่อไปต้องใช้วิธีการหลอกให้เลือก เกิดการหักหลังและชี้หน้าด่ากันกลางวง สุดท้ายคือฮั้ว เพราะเห็นคะแนนที่ออกมา มีกลุ่มหนึ่งที่ได้คะแนนโดดเรียงกันเป็นแถวจำนวนมาก

นางนันทนา ระบุว่า ได้พยายามรวมกลุ่ม สว. ที่มีอุดมการณ์ร่วมกันประมาณ 30 คน นัดพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนกันวันนี้เป็นการภายใน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สว.สายสีน้ำเงิน เข้ามามากที่สุดนั้น ถือเป็นเรื่องเจ็บจี๊ดและมีจริง

ขณะที่ สว.ใหม่จะเป็นความหวังหรือวิกฤตคิรั้งใหม่นั้น นางนันทนา ระบุว่า ถึงแม้ว่า สว.ชุดนี้ จะหน้าตาไม่สะสวย แต่ไม่ได้มีที่มาจากอันเดียวกันทั้งหมด การโหวตอะไรจะไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงไม่ใช่จะหมดหวัง สว.พันธุ์ใหม่จะต้องสื่อสารกับประชาชน สว.ชุดใหม่ โปร่งใส สื่อสาร รับใช้ประชาชน พร้อมจะเสนอให้วาระการเลือกองค์กรอิสระ มีการแสดงวิสัยทัศน์แบบการประกวดนางงาม และมีการถ่ายทอดสดการประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล ไม่ใช่งุบงิบเลือกกันเอง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวว่า กรธ. ออกแบบการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ เพื่อให้ปราศจากการแทรกแซงของกลุ่มทุน จึงให้ 20 กลุ่มอาชีพ และให้มีกระบวนการในการเลือกแบบทั้งเลือกกันเองและเลือกไขว้ เพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วเกิดขึ้น แต่วันนี้เราได้คำตอบแล้วว่าเราได้สิ่งเหล่านี้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และความเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพมีความหละหลวม​ ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นในชั้นของรัฐธรรมนูญ แต่มันเกิดจากระเบียบที่ให้เกิดการปรับปรุงอาชีพให้รับรองกันได้ ทำให้การลงสมัครเป็นไปตามผู้สมัคร และคนที่บงการว่าจะไปอยู่ตรงไหน มากกว่าพื้นเพ​ความรู้ความสามารถและความถนัดของแต่ละคน

นายสมชัย กล่าวต่อว่า สว.ชุดนี้ ถูกแทรกแซงจากฝากการเมืองชัดเจน ไม่มีความความเป็นกลาง สังเกตได้ตั้งแต่การเลือกกันในระดับอำเภอ เราเล็งเห็นว่าสมัครเข้าไปโดยไม่ได้อยากเป็น สว. แต่สมัครเข้าไปเปลี่ยนมอเตอร์ โดยได้ค่ารับจ้างประมาณ 2,500 บาท ซึ่งชาวบ้านมองว่าคุ้มกับการทำงาน 1 วัน โดยเลือกให้ผ่านกันไปในรอบแรก จากนั้นอยากให้ กกต. ไปตรวจสอบว่าเลือกรอบ 2 ส่งกระดาษเปล่ากันจำนวนมาก ทำให้เกิดบัตรเสียมหาศาล เพราะคนจ้างบอกแค่ว่า “ให้มาเลือกแค่รอบแรก” พอมาถึงระดับประเทศจะมีโพยสำเร็จรูปให้ครบทั้ง 20 กลุ่มเลย โดยไม่ว่าจะได้กลุ่มไหนก็จะมีโพยให้ โดยจำนวนหนึ่งเป็นชื่อของคนที่เขาอยากได้จริงๆ แต่โพยบางส่วนมาจากการตกลงและเรียกรับผลประโยชน์ ประมาณว่าถ้าอยากให้เราหนุนก็จ่ายมา เพื่อนำรายได้ตรงนี้มาใช้จ่าย ทำให้เห็นภาพของคะแนนที่ออกมา เป็นกลุ่มก้อนคะแนนสูง ที่เลือกเป็นชุดเหมือนๆ กัน

นายสมชัย ชี้ว่า อนาคต สว. ยังมีความหวัง แต่อนาคตทางการเมืองไทยถือว่าวิกฤติ ซึ้ง สว.ใหม่ ยังมีความหวัง ไม่ได้หน้าตาดีทั้งหมด แต่หน้าตาดีก็มีเยอะ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาทำงานไม่ได้ มีที่มาไม่ชอบมาพากล ต้องยอมรับถึงผลและกติกาที่เกิดขึ้น ซึ่งก็หาทางแก้ไขต่อไปในอนาคต และมองว่าการนัดประชุมวุฒิสภา 8 ก.ค.นี้ จะมาขยันอะไร ตั้งคำถามว่าการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษา ตรวจสอบ การเลือก สว.67

นายไชยยงค์ กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้พบว่าผู้สมัครมีการศึกษากฎหมายและเตรียมตัวมากพอสมควร โดยมีการพิจารณาว่าจะสมัครกลุ่มใดแล้วจะมีโอกาสในการรับเลือก เช่น ในกลุ่ม 18 สายสื่อมวลชน จะพบว่าคนจัดรายการวิทยุ คนประกาศเสียงตามสาย หมู่บ้าน ในระดับจังหวัด โดนจับเลือกไปสมัครที่อำเภอที่มีผู้สมัครน้อย เพราะกลุ่มนี้ไม่ได้มีคนสมัครทุกอำเภอ ส่งผลให้ผู้สมัครสามารถผ่านเข้ารอบ 2 ได้ทันที ซึ่งเป็นวิธีการของคนที่ไม่ได้มาจากฝ่ายการเมือง เป็นวิธีคิดแบบศรีธนญชัย ซึ่งส่วนตัวสังเกตเห็นว่าคนที่ผ่านเข้ารอบเป็นคนที่ทำความรู้จักมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มีการศึกษากฎหมายและระบบการเลือกจึงได้ผ่านเข้ามาได้ แม้ สว. จะมีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ยังมองว่ามีความหวัง เพราะจากการตรวจสอบ 200 รายชื่อ จะมีคนไม่ตรงปกอยู่ประมาณ 20 คน ก็ถือเป็นส่วนน้อย เพราะส่วนตัวมองว่าการได้ สว. ที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มอาชีพถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นความหวังของประเทศได้ ไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนที่มีความรู้เท่านั้น จะเห็นได้ว่าสว.ชุดปัจจุบันเป็นคนที่มีโปรไฟล์ดี แต่ก็ไม่เคยออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร ดังนั้น คนทุกคนเท่ากัน สว.ชุดใหม่ ไม่น่าจะเลวร้ายเหมือนที่หลายคนกลัว

นายไชยยงค์ ยังเห็นว่าประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะฝากการแก้วิกฤติไว้กับการมี สว. ครั้งนี้ได้ แต่ สว.ชุดนี้อาจจะไปทำให้สามารถที่จะขับเคลื่อน แก้ปัญหาบางสิ่งบางอย่าง ให้ดีกว่าที่ผ่านมา และเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีช่องทาง ซึ่งส่วนตัวมีจุดยืนสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย