รัฐสภา 4 ก.ค.- “โรม” มอง “ทักษิณ” มีบทบาทมากไป ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล “เศรษฐา” จะถูกตั้งคำถามเรื่องภาวะผู้นำ ใครคือนายกฯ ตัวจริงกันแน่ เชื่อ “เสรีพิศุทธ์” ถอนฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญา หลังปูด 2 อดีตนายกฯ ขอร้อง
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า สาเหตุที่ไปถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 กรณีเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาขอร้อง ว่า เข้าใจมาโดยตลอด ว่า นายทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน แต่ดูเหมือนว่าบทบาทของนายทักษิณในทางการการเมืองจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดว่าการที่นายทักษิณ มีบทบาท โดยเฉพาะในรัฐบาลนี้มากขึ้น รวมไปถึงอาจจะเรียกได้ว่า เป็นคนที่คอยปัดเป่าสิ่งต่างๆ ให้พ้นไปจากนายเศรษฐา จึงคิดว่าบทบาทของนายทักษิณแบบนี้ ทำให้เกิดข้อครหา ที่สำคัญว่า ตกลงแล้วมีผลต่อรัฐบาลนี้หรือไม่ ซึ่งนายทักษิณมีอิทธิพลต่อรัฐบาลนี้ ก็จะเกิดการตั้งคำถามว่า สภาวะการเป็นผู้นำของนายเศรษฐามีอยู่อย่างไร จะเกิดคำถามว่า ประเทศนี้ ใครกันแน่ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง พร้อมมองว่าสภาพการเมืองแบบนี้ เป็นสภาพการเมืองที่ไม่ดี จะทำลายความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ ว่าเมื่อนายเศรษฐาประกาศหรือพูดในเรื่องใด เราควรจะเชื่อนายเศรษฐา หรือไม่ หรือควรจะไปถามซ้ำกับนายทักษิณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การเมืองที่เราอยากเห็น การเมืองแบบนี้ควรเปลี่ยนผ่านได้แล้ว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมันมีปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องของการที่จะต้องพิสูจน์กัน ไม่ว่าจะในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาล ตนเชื่อว่านักการเมืองหลายคนรวมถึงตัวเอง ก็จะโดนข้อกล่าวหาต่างๆ มากมาย แต่แน่นอนว่า เราไม่ได้วิธีการล็อบบี้อะไร ถึงที่สุดถ้าต้องพิสูจน์ในข้อกฎหมาย ก็ต้องพิสูจน์ เข้าใจว่ากรณีนี้ เป็นคดีอาญา และเข้าใจว่า พล.ต.อเสรีพิศุทธ์ คงไม่สามารถถอนฟ้องได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ผิดจริงก็ต้องว่าไปตามผิด
ส่วนกรณีที่อาจจะต้องให้นายทักษิณไปวิ่งเต้น ป.ป.ช.เองนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยิ่งเสียหาย การไปวิ่งเต้นกับ ป.ป.ช. ในทางกฎหมาย โดยทั่วไป ไม่ควรจะมีใครทำได้อยู่แล้ว เพราะจะเท่ากับว่า องค์กรอิสระก็จะไม่อิสระในการทำหน้าที่ และการใช้กฎหมายต่างๆ ก็จะหลายมาตรฐาน หลักกฎหมายและความถูกต้อง ก็จะไม่มีอยู่จริง
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อันตราย มากไปกว่านั้นจริงๆ นายทักษิณก็ไม่ได้มีสถานะอะไรในรัฐบาลนี้ การที่นายทักษิณพยายามมามีบทบาทแบบนี้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล เดี๋ยวก็จะมีคนไปร้องนู่นร้องนี่อีก ซึ่งก็จะเป็นปัญหาที่ไม่จบ ผมไม่อยากให้คุณทักษิณมีบทบาทแบบนี้เลย เพราะภาพรวมทางการเมืองจะทำลายในเรื่องความเป็นผู้นำของคุณเศรษฐาอย่างมาก”
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ไม่สนับสนุนการใช้นิติสงคราม เพราะเชื่อว่าพรรคการเมืองจะขึ้นมามีอำนาจได้ ก็ด้วยการสนับสนุนของประชาชน พรรคการเมืองจะดับไป ก็ด้วยการที่ประชาชนไม่สนับสนุน เรื่องนิติสงคราม ไม่ควรจะถูกใช้ ถ้าเป็นเรื่องทางกฎหมาย ก็ควรจะว่ากันด้วยพยานหลักฐานตามความถูกผิดจริงๆ เช่น เรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องเหล่านี้ ก็ต้องมีกฎหมายเข้ามาดูแล แต่ถ้าเป็นนิติสงคราม ใช้ในการกลั่นแกล้งกัน เราไม่สนับสนุน แต่ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป.-319 -สำนักข่าวไทย