“ชาดา” ตอบกระทู้ปมแก้ กม.ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี-ถือครองคอนโดฯ

รัฐสภา 4 ก.ค.- “ชาดา” ตอบกระทู้ระบุการทบทวนหลักเกณฑ์ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี – ถือครองคอนโด 75% อยู่ระหว่างการศึกษา ยัน ไม่ขายชาติ


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (4 ก.ค.) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสด ที่นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี

นายศุภณัฐ ถามกระทู้เกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เห็นชอบตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีเสนอขอให้กระทรวงมหาดไทย ทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายให้สิทธิต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% เปิดกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิเช่าได้ไม่เกิน 99 ปี เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าเหตุใดจึงรีบร้อนจะแก้กฎหมายเร่งด่วนเช่นนี้ ในขณะที่ต่างชาติถือครองคอนโด 16% และเห็นว่าเมื่อชาวต่างชาติเข้ามาซื้อ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ จะทำให้บ้านมีราคาสูงขึ้น ยิ่งทำให้คนไทยไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ และชาวต่างชาติที่เข้ามาเช่า ก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับ เป็นเจ้าของที่ดิน 99 ปี โดยสามารถ ส่งเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานได้ด้วย


นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่าตนไม่ได้อยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องนี้ แต่เมื่อกลับมาก็ได้ศึกษาและได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ไปศึกษาผลได้ผลเสีย ผลกระทบ ซึ่งกรณีทรัพย์อิงสิทธิ์ที่จะเป็น 99 ปี เป็นการจัดการของเจ้าของที่ที่ไม่อยากจะขาย เป็นการให้เข้าไปปรับปรุง ซึ่งกรณีกฎหมายนี้ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องการเช่าเหมือนเกาะฮ่องกง และต้องยอมรับว่ากฎหมายที่จะให้ต่างชาติที่เป็นแหล่งเงินทุนเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะตายตัวไม่ได้ ต้องมีการปรับปรุงและแก้ไข เพราะในภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างหนึ่ง เราก็อาจไม่ต้องการเงินทุนจากต่างชาติ แต่ในสภาพเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่งเราก็ต้องการเงินทุนจากต่างชาติ ปัญหาคือการที่ ราจะให้ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย ก็ต้องดูว่าเป็นแหล่งเงินทุนของต่างชาติไม่ได้เข้ามาครอบครอง หรือยึดในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งขอเรียนว่าคนไทยก็กลัวกฎหมายแบบนี้ เกรงว่าคนต่างชาติมาครอบงำประเทศไทย แต่ในภาวะหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าถ้าเราอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องปรับปรุงเรื่องข้อกฎหมาย แต่เรื่องนี้ในนายกรัฐมนตรีให้ศึกษาไม่ได้ให้ทำเลย และวันนี้กรมที่ดินก็กำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้เรื่องให้ต่างชาติถือครองคอนโดมากกว่า 49% เคยมีมาแล้ว 5 ปีแล้วยกเลิกไป แต่อย่างไรก็ตามขอย้ำว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการ

“เป็นการสั่งให้ไปดำเนินการศึกษายังไม่มีอะไรกระทรวงมหาดไทยกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ แต่ผลยังไม่ออกมา และต้องศึกษาในแง่ของเศรษฐกิจ ในแง่ของกฎหมายหลายอย่าง และผมยังคุยกับกรมที่ดินว่าต้องชัดเจน เพราะจะออกเป็นนโยบายหรือจะแก้กฎหมายต้องชัดเจนตอบได้ว่าเหตุผลอะไรดีอย่างไร จึงจะให้เพิ่มมา ถือครองได้ 75% ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ซึ่งต้องศึกษาถึงขั้นขนาดว่าเขาจะครอบครอง ประเภทไหนมากกว่า” นายชาดา กล่าว

นายชาดา ย้ำว่าขออย่ามองว่าจะแก้ไขกฎหมายช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะการแก้ไขกฎหมายใดๆก็ต้องมีการศึกษาและเมื่อเสนอเข้ามาก็ต้องนำเข้าสู่สภา และอยากให้มองเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกับต่างชาติได้ผลประโยชน์ ซึ่งเราคนไทยไม่อยากให้ใครมาครอบครองแผ่นดินของเราแน่นอน ในความเป็นคนไทยแต่ในบางเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจไม่ใช่กลุ่มใหญ่มากนัก ก็ต้องมาคิดกันดูและวิเคราะห์ ซึ่งตนก็ไม่ยอมให้ชาติไหนมาครอบครองประเทศไทย แล้วเดินกร่างไปทั่ว โดยที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เข้าไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องมาศึกษาในแง่ของเศรษฐกิจว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เราจะทำอย่างไร และวันนี้โลกก็โลกาภิวัฒน์ การเคลื่อนที่ของกลุ่มทุนนั้นมาไวไปไว ทุกคนก็หาประโยชน์จากเงินทุนของต่างชาติเหมือนกัน และในเรื่องของเศรษฐกิจ ต้องทำ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะยกที่ดินให้ใคร และตนก็คงไม่ยอม ใครก็คงสั่งตนไม่ได้ แต่ก็ต้องเอามาดู เพราะหลังจากที่นายกรัฐมนตรีบอกให้แก้กฎหมายก็มีหลายเรื่องอย่างเช่น เรื่องการแก้พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน ที่พรรคก้าวไกลเสนอมา ตนก็ยังให้มีการศึกษา ตรงนี้เป็นเรื่องของเศรษฐกิจว่าเราจะเล่นอย่างไร แต่ไม่ใช่เรื่องของการขายชาติเราคง ไม่ยอมแน่นอน แต่ต้องหาเหตุผลที่ดีว่าเหมาะสมหรือไม่กับเวลานี้และสมควรทำหรือไม่ ก็ต้องมาว่ากันอีกที และเชื่อว่าถ้าเป็นผลเสียมากกว่า หากเสนอกลับไปในคณะรัฐมนตรีก็คงไม่ฟื้นแต่ตอนนี้เป็นคำสั่งที่ว่าให้ไปแก้กฎหมายเหมือนไปศึกษาวิเคราะห์ดูว่าต้องทำอะไรอย่างไร


“ขอให้สบายใจได้และเรื่องนี้ต้องชี้แจงกับประชาชน นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน จะทำอะไรต้องถามประชาชนก่อน แต่แนวคิดคนที่เป็นนักบริหารก็ต้องมีแนวคิด มีไอเดียเป็นสิ่งที่ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ได้ ต้องให้ธุรกิจนำพาประเทศไปในทางที่ถูกที่ควรดังนั้นขอท่านไม่ต้องห่วงและขอให้แยกกัน และต้องมีวิธีคิดเรื่องเศรษฐกิจกับเรื่องของความมั่นคงของชาติและเรื่องของผลประโยชน์แผ่นดินไทยการดูแลประเทศมีหลากหลายมิติ”นายชาดา กล่าว

นายศุภณัฐ ยังถามต่อว่าหลังรัฐบาลเข้ามาทำงาน 3 เดือนนายกรัฐมนตรีให้ออกมาตรการ ช่วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 7 มาตรการโดยบอกว่าจะทำให้ มียอดการขายคอนโดมหาศาลและจะมีการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หลายแสนล้าน ถ้าดีจริงแล้วเหตุใดต้องมาปรับแก้กฎหมายให้สิทธิ์ต่างชาติเช่นนี้อีก พร้อมระบุการกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ แต่ต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหายและไม่ต้องทำให้ประเทศได้รับความเสี่ยง และอยากทราบว่า 7 มาตรการที่รัฐบาลออกมานั้น ผ่านมา 1 ปีแล้ว คนไทยได้รับผลดีอย่างไร

นายชาดา ชี้แจงโดยยืนยันอีกครั้งว่าทั้งหมดอยู่ระหว่างการศึกษา และ 7 มาตรการในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์รัฐบาลก็ดำเนินการอยู่ การแก้ไขปัญหาต่างๆคงไม่ ได้ทำเพียงแนวทางเดียว แต่ในการบริหารประเทศจะต้องมีโครงการต่างๆออกมา ไม่ใช่ “ร้องเพลงเดียวตลอด” ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ก็ต้องคิดและหาทางหลังจากได้รับทราบปัญหาต่างๆก็พยายามหาแนวทางแก้ไข แต่การจะทำในเรื่องนี้ขอย้ำว่ากรมที่ดินก็ต้องทำอย่างละเอียด ชี้แจงกับประชาชนได้ โดยกฎหมายก่อนจะออกมาก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์และยังมีรายละเอียดอื่นๆทั้งเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้วย .-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]