รร.อัศวินฯ 1 ก.ค.-“เจษฎ์” ซัดเลือก สว.ป่วน เพราะคนไม่ดี รับเงิน-ฮั้วในทุกระดับ ชี้หากเป็นโมฆะ ก็เพราะโกง ขออย่าดูถูกคนจบ ป.4 ไม่แพ้ปริญญาเอก
นายเจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ในฐานะอดีตที่ปรึกษาคณะกรรมร่างรัฐธธรรมนูญ กล่าวถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภาหรือ สว.ชุดใหม่ ว่า ในส่วนของบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แล้วว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ไม่ขัดกับ รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2562 ซึ่งในระบบการเลือกกันเอง เปรียบเสมือนการแข่งขัน ดังนั้น กรรมการจะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มงวด เช่น ไม่ให้มีการนำโพยเข้าไปในหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงอุปกรณ์สื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และจะต้องมีการจับตาดูอยู่ตลอดเวลา หากพบพฤติกรรมอันควรสงสัย จะต้องตัดสิทธิ์ออกไป และให้ไปร้องต่อศาลฎีกาเอง แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ “คนไม่ดี” เกิดการฮั้วกัน โกงการเลือก ต่อให้ระบบดีแค่ไหนก็เกิดปัญหา ส่วนตัวมองว่า การแก้ไขปัญหาประชาชนจะต้องช่วยกัน แต่ก็คงไม่มีระบบใด คัดกรองคนไม่ดีออกไปได้ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครเข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องช่วยกันตรวจสอบ ใครทำไม่ดี มีการบิดพลิ้วเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเชื่อมโยงไปถึงพรรคการเมือง ตลอดจนผู้มีอิทธิพล ไม่ได้ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แต่อาศัยประโยชน์ของพวกพ้อง ก็ต้องจัดการ
นายเจษฎ์ ยอมรับว่า ระบบนี้ยังมีปัญหาอยู่ ดังนั้นหากมีการแก้ไขระบบนี้ ควรจะเปลี่ยนเป็นการเลือก 3 ระดับ ในวันเดียว ในสถานที่เดียวกันทั้งหมด เพื่อลดการวิ่งเต้นให้น้อยลง เพราะ หลังจากเลือกรอบแรกเสร็จสิ้น จะไม่มีผู้ใดทราบว่าใครเป็นผู้เข้ารอบบ้าง แต่หากมีข้อมูลหลุดออกมา ก็ต้องไปตามจับ ซึ่งก็น่าจะมาจากเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันมองว่า การกำหนดกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่มนั้นน้อยไป อาจจะต้องเพิ่มเป็น 30-40 กลุ่ม ซึ่งต้องมีการปรับแก้กันไป แล้วแต่ขออย่ามองว่าระบบไม่ดีแล้วจะเปลี่ยนไปเป็นการหย่อนบัตร ถือเป็นการคิดสั้นเกินไป เพราะ เมื่อมีการสร้างระบบมาแล้วก็ควรที่จะปรับแต่งกันไป
ส่วนช่องโหว่ที่ทำให้มีคนของฝ่ายการเมืองเข้ามาเป็นจำนวนมาก นายเจษฎ์ ระบุว่า จากข้อมูลที่ทราบ มีการใช้เงินจ้างผู้สมัครตั้งแต่ขั้นต้น 5,000 บาท เป็นค่าสมัคร 2,500 บาท ส่วนในชั้นไขว้ ก็มีเงินติดตัวไปด้วย ส่วนในระดับจังหวัดเลือกรอบแรก จ่าย 10,000 บาท รอบไขว้ จ่าย 50,000 บาท ส่วนแนวระดับประเทศรอบเลือกกันเองจ่าย 100,000 บาท รอบเลือกไขว้จ่าย 500,000 บาท ซึ่งตนไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ถือว่าเป็นข้อด้อย ที่สะท้อนว่าเรื่องของการเมืองยังเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และประชาชนยังตามไปดูไม่ได้ ซึ่งคนที่เป็นปัญหา คือคนที่เข้าไปอยู่ในกระบวนการเลือกสว. ที่รับเงินหลักหมื่นหลักแสน อย่าไปว่ากระบวนการ แต่ ทุกคนที่รับเงิน ทุกคนที่โกง ที่เป็นพรรคพวกกัน ที่ฮั้วกัน มีส่วนที่ทำให้ระบบแย่ จึงบอกว่าพวกคุณคือคนไม่ดี
นายเจษฎ์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องอำนาจของ สว. ที่มีอำนาจในการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ รวมถึงประธานศาล ซึ่งไม่มีคำอธิบายไม่มีการซักค้าน และไม่มีการตรวจสอบ เช่น มีการเสนอบุคคลเข้ามาพิจารณาในขั้นตอนของสภา ควรจะมีการซักถาม ว่ามาตรงนี้ได้อย่างไร ความรู้เป็นอย่างไรและเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่เมื่อไม่มีกระบวนการเหล่านี้ บางครั้งทำให้รู้สึกค้านสายตา จึงทำให้บ้านเมืองมีปัญหา
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นสว.ไม่มีคุณสมบัติ เหมาะสมที่จะเป็นสภาสูง จึงควรให้การเลือกครั้งนี้เป็นโมฆะหรือไม่ นายเจษฎ์ กล่าวว่า หากการเลือกครั้งนี้จะโมฆะ ควรจะเกิดขึ้นเพราะ คนที่ผ่านการเลือก 200 – 300 คนโกง หรือเข้ามาโดยมิชอบ แต่หากมองในแง่ของความรู้และประสบการณ์ ยังไม่ได้ ก็ไม่ควรไปตัดรอนเพียงแค่นั้น ควรรอดูการทำงานก่อน อย่าไปคิดว่าจบป.4 จะทำอะไรได้น้อยกว่าจบปริญญาเอก บางครั้งจบปริญญาเอกก็ทำอะไรไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว บางคนไม่ได้เรียนแต่สามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่จำเป็นต้องให้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำงานในสภา งานการเมือง ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ เพื่อเสริมให้สว. ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่ามี สว. สายสีน้ำเงิน สายสีแดง และสายสีส้ม แต่ถ้าไม่ได้ฮั้ว ไม่ได้โกง จะสายไหนก็มาเถอะ.-319.-สำนักข่าวไทย