ผู้สมัคร สว. ร้องศาลปกครอง สั่งระงับประกาศผลเลือก สว.

ศาลปกครอง 1 ก.ค.-ผู้สมัคร สว. ร้องศาลปกครอง สั่งระงับประกาศผลเลือก สว. จี้ กกต.เร่งตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ สว. 300 คน ไม่เชื่อลมปาก บอก “ปล่อยผ่านไปก่อนแล้วสอยทีหลัง” รับไม่ได้สับคนลงสมัครข้ามกลุ่ม หวังเอาคนตัวเองกระจายลงครบ 20 กลุ่ม

นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ เลขาธิการกลุ่ม Clean Politic ในฐานะอดีตผู้สมัครสมาชิก วุฒิสภากลุ่มที่ 20 กรุงเทพมหานคร ยื่นฟ้องคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อศาลปกครองสูงสุดว่า ปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ไม่ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง สว.ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อพิจาณาสั่งระงับการประกาศรับรองผลการเลือก สว.เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น สว. 200 คน และผู้อยู่ในบัญชีสำรองอีก 100 คน ว่ามีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย


นายจาตุรันต์ กล่าวว่า กระบวนการเลือก สว.2567 ตั้งแต่การรับสมัคร มาถึงการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะเป็นวิบากรรม ประชาชนไม่มีส่วนร่วม แต่หลังการเลือกเสร็จกลับกลายเป็นวาระแห่งชาติ ประชาชนโฟกัสมาที่กลโกง การจัดตั้ง กลุ่มอาชีพของคนเป็นว่าที่ สว.ใหม่ ตนไม่ได้ด้อยค่าอาชีพ แต่กระบวนการได้เข้ามาของบางคน มีความเชื่อมโยงของบางกลุ่มที่พยายามจัดตั้งและนำคนเข้ามา ซึ่งตนเห็นว่า เป็นการเข้ามาสมัครที่ปราศจากการอยากเป็น สว.ตามรัฐธรรมนูญ ที่เราเห็นคือ การเลือกไม่ลงคะแนนให้ตัวเองถือเป็นความผิดปกติ และการเลือกลงในกลุ่มอาชีพ ที่อาจจะผิดมาตั้งแต่แรก โดยใช้เจ้าหน้าที่ กลไกของกระทรวงมหาดไทย มีการอบรม ซึ่งมีทั้งคนที่เข้าใจ และไม่เข้าใจ บางจังหวัดมีคนเยอะ บางอำเภอใช้การอะลุ้มอล่วย ใช้วิจารณญาณที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ หรือมีความผูกพันกันส่วนตัวหรือไม่ ดังนั้น การลงไม่ตรงกลุ่มอาชีพมีปัญหาแน่ๆ การบอกว่า เป็นเจตนาของผู้สมัคร ซึ่งอาจจะทำหลายอาชีพ แล้วแบบนี้จะกำหนดไว้ทำไม 20 กลุ่ม ซึ่งบางกลุ่มคลุมเครือก็ต้องตีความ แต่บางกลุ่มขัดแย้ง ดูแล้วพิกลพิการ ตนไม่ได้ด้อยค่าอาชีพ แต่บางคนอาจจะถูกหลอกจากคนจัดตั้งเพื่อกระจายไปยังกลุ่มต่างๆ เพื่อให้ตรงตามเป้าหมาย 20 กลุ่มให้ได้มากที่สุด

“เรื่องนี้หลายคนเห็นความผิดปกติ หากปล่อยว่าที่ สว. 200 คน เข้าไปทำหน้าที่ ผมเกรงว่า บางคนจะไม่มีความเหมาะสมในการทำหน้าที่ สว. เนื่องจากอาจจะถูกครอบงำจากบางกลุ่ม บางก้อน เลยมายื่นเรื่องให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง ไต่สวนฉุกเฉินในการที่กกต.จะประกาศรับรองผล ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 3 ก.ค.นี้ตามที่ กกต.ให้สัมภาษณ์ เรื่องนี้ยังมีเวลา ไม่ต้องรีบ เพาะการปล่อยผ่านสว.บางคนเข้าไป มองว่า การไปพิจารณารับรองบุคคลไปทำหน้าที่ในองค์กรอิสระก็ดี การไปพิจารณากฎหมายสำคัญที่มีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศนั้น ผมไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ ดังนั้นอยากให้กกต.มีเวลาและตรวจสอบอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน ยืนยันไม่ได้ต้องการให้การเลือกเป็นโมฆะ” นายจาตุรันต์ กล่าว


สำหรับหลักฐานที่นำมายื่นประกอบในวันนี้ มีทั้งหลักฐานจากที่ปรากฏผ่านสื่อ จากการไปเจอมา และหลักฐานจากนายสมชาย แสวงการ หนังสือท้วงติงจากนายกล้าณรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา และหลักฐานการนับคะแนนเป็นศูนย์คะแนนของผู้สมัคร สว. รวมถึงกลุ่มอาชีพ ที่นำมายื่นประกอบการพิจารณาของศาล อย่างไรก็ตาม วันเอกนั้นตนไม่ได้มีการทกท้วง เพราะเห็นว่า มีคนยื่นเรื่องเยอะแล้ว

เมื่อถามว่า ทาง กกต.ชี้แจงว่า จะมีการรับรองไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลังก็ได้ นายจาตุรันต์ กล่าวว่า “ไม่ได้” ตนไม่เชื่อมั่นในแนวทางนี้ จากากรทำหน้าที่ที่ผ่านมาของ กกต. ตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่แล้ว ทุกวันนี้ให้ใบแดง ใบเหลืองกี่คนหลังปล่อยผ่านเข้าไป เป็นคำพูดที่ กกต.สามารถพูดได้ แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นบอกตรงๆ ว่ายังไม่เชื่อมั่นตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีคนบอกว่า ไม่อยากให้ปล่อยยาวไป เพราะไม่อยากให้ สว.ชุดเดิมที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รักษาการต่ออีกยาว นายจาตุรันต์ กล่าวว่า อันนี้เป็นคนละเรื่องกัน ตนคิดว่า หากกกต.ตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งกกต.บอกว่า มีข้อมูล และได้มาก่อนที่ประชาชนรู้อีก หากเป็นเช่นนี้ก็เชื่อว่า กกต.มีหลักฐานเด็ด อยู่ที่ว่า จะกล้าใช้อำนาจของ กกต.หรือไม่ กรณีที่ กกต.บอกว่า กรณีการฮั้ว หากไม่มีหลักฐานเรื่องการจ่ายเงินก็จะจับได้ยากนั้น ตนไม่เชื่อว่า คน 4 หมื่นคน แล้ว กกต.จะไม่มีหลักฐานการจ่ายเงิน อยู่ที่ว่าจะสืบคดีหรือไม่ ตนขอเรียกร้องผู้สมัครที่อาจจะถูกชักจูงในทางที่ผิดๆ มีการจ่ายเงิน ชักจูงจริงแล้วถูกหักหลังก็ขอให้นำหลักฐานมายื่นต่อ กกต.ได้เลย นี่จึงเป็นการทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง


“ครั้งนี้ กกต.ต้องเร่งเพื่อศักดิ์ศรีอันศักดิ์สิทธิ์ของ กกต. ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่แค่การจัดการเลือกตั้ง ซึ่งใครๆ ก็จัดเลือกตั้งได้ ประชาชนอาจจะทำได้ไม่ดีเท่า กกต. แต่เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของ กกต. เรื่องการจับทุจริต รู้ว่ามีความผิดแล้วดำเนินคดีอย่างไร การทำหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้ ทำให้นึกถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดก่อนๆ นี้ ไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ นั่นคือการทำหน้าที่อย่างศักดิ์สิทธิ์” นายจาตุรันต์ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย