นายกฯ จ่อเคลียร์ตารางงาน ร่วมงานแห่เทียนพรรษาอุบลฯ

สุรินทร์ 30 มิ.ย.-นายกฯ สรุปภาพรวมการลงพื้นที่ออนทัวร์อีสาน 3 วัน 4 จังหวัด เตรียมเคลียร์ตารางงานร่วมงานแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ภาคอีสาน ต่อเนื่อง 3 วัน ที่จังหวัดร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 28-30 มิถุนายน ว่า การลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ถือว่าเป็นจังหวัดอีสานตอนใต้จังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพสูง ตนได้ไปดูการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ ที่ช่วยทั้งในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน สร้างประโยชน์ให้ประชาชนมีน้ำใช้ในทุกครัวเรือน


ขณะที่การลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ปัญหาหลักๆ ที่รับฟังจากประชาชน คือเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง เรื่องราคาสินค้าเกษตร เรื่องปัญหายาเสพติด รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ถนนและสนามบิน ซึ่งทุกเรื่อง เป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาลที่เราจะต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป ซึ่งตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาทุกปัญหา

โดยที่จังหวัดอุบลราชธานีไปดูเรื่องกระบวนการทำเทียนพรรษา ถือว่ามีความสวยงาม และมีคนมาดูงานแห่เทียนพรรษาจำนวนมากปีละหลายหมื่นคน ควรที่จะส่งเสริมให้เป็นเฟสติวัลหรืออีเวนท์ประจำปีของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้กับจังหวัด และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในวันที่ 20-21 ก.ค.67 จะมีงานใหญ่ตนก็จะพยายามเคลียร์ตารางงาน เพื่อจะมาร่วมงานด้วย


นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่จังหวัดอุบลราชธานี ตนได้มีการสั่งการให้กรมชลประทาน ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เช่น อ่างเก็บน้ำฝาย และแก้มลิง เรามีการลงทุนไปเยอะในการแก้ปัญหาไม่ท่วม ไม่แล้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการลงใจที่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในปี 2566 ปัญหาน้ำท่วมเกือบไม่มีเลย เพราะทางกรมชลประทาน ได้มีการประสานงานกับ สส.ในพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้การบริหารการจัดเก็บน้ำทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและทำให้เรื่องของน้ำท่วมหายไป

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่มีผลการจับกุมเรื่องยาเสพติดมากเป็นที่อันดับ 2 ของประเทศ ของพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง รวมถึงการขาดสถานที่ในการรักษาผู้ติดยาเสพติดให้เพียงพอ จึงได้มีการสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขตำรวจ และทหารทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและหามาตรการในการปราบปรามและรักษาผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดอย่างเร่งด่วนภายในสิ้นไตรมาส 3 หรือสิ้นเดือน ก.ย. 2567 ทำให้จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด ถ้าตรงนี้ทำได้และเป็นพื้นที่สีขาวจริง เราก็จะไปทำจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะภาคอีสานเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบสูงจากเรื่องยาเสพติด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหายาเสพติดเกิดจากการไหลเข้าของยาจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีปริมาณมาก ขณะที่เรื่องการดูแลสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสานในปีนี้ เรามั่นใจถึงแม้ว่าฝนจะตกมากกว่า ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม และน้ำแล้ง

นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ดูเรื่องสินค้าเกษตร ปัญหาราคาหอมแดง ซึ่งก่อนที่เราจะมาเป็นรัฐบาลราคาอยู่ที่ 10 บาทต้นๆต่อกิโลกรัม ปีที่ผ่านมาซึ่งปีที่ผ่านมาทำได้ในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมก็ทำให้พี่น้องเกษตรกรพออยู่ได้ ปีนี้ก็ได้ให้ดัชนีวัดความสำเร็จกระทรวงพาณิชย์ ว่าจะต้องทำให้ได้ 20 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงราคาพริก ที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันขายได้ 25 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรมีเงินเหลือน้อยมากในกระเป๋า แต่เราก็พยายามที่จะทำให้ได้ในราคา 35 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้จังหวัดศรีสะเกษเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีศักยภาพสูงมาก มีความโชคดีมีดินที่ดี ที่เกิดจากภูเขาไฟในอดีต เพราะฉะนั้นเมื่อฝนตก ทำให้มีการชำระเอาแร่ธาตุลงมาจะปลูกอะไรก็ทำได้ดีหมด เช่น ปลูกลำไย ปลูกลิ้นจี่ เป็นต้น แต่ปัจจุบันเรามีทุเรียนภูเขาไฟซึ่งเป็นทุเรียนที่มีศักยภาพสูงมีตลาดที่ชัดเจน จึงสนับสนุนให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หาตลาด เพื่อทำให้ราคาสินค้าดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น


นายกฯ กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ถือเป็นจังหวัดที่ปลูกข้าวได้เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ตันละประมาณ 45,000 บาท แต่หากเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ล้วนอาจมีราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ตันละ 1 แสนบาท ถือว่ามีศักยภาพสูงมาก ฉะนั้นเราต้องมีวิธีการแปรรูปข้าว เพื่อทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องการพัฒนาโคเนื้อสุรินทร์วากิว ต้องมีการพัฒนาให้ดีหาตลาดให้ดีมีมาตรฐานคงเส้นคงวา และโรงเชือดต้องมีให้เพียงพอ รวมถึงโรงตัดแต่งเนื้อจะต้องมีให้เพียงพอด้วยเช่นกัน ซึ่งโคเนื้อวากิวถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่จะทำให้รายได้พี่น้องประชาชนดีขึ้น

เมื่อถามว่าเรื่องโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเกษตรกรมีการตอบรับอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องเอาไปปรับปรุงนิดหน่อย เพราะแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด บางคนต้องการ แต่บางคนก็มีข้อเสนอแนะมา ซึ่งตนได้ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมเรื่องของข้อเสนอแนะและการปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นไปอีก.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย