กกต. 27 มิ.ย. – เลขาฯ กกต. พอใจเลือก สว.เรียบร้อย แม้ จะล่าช้า ทำไทม์ไลน์เลื่อนประกาศ ไป 3 ก.ค. 67 ยืนยันเดินหน้าหาหลักฐานแลกโพย รวมตัวพักโรงแรม บล็อกโหวต จ้างลงคะแนน ชี้พบคำร้อง 614 เรื่อง ปมคุณสมบัติไม่ตรงมากสุด พบ 3 % ร้องนักการเมืองส่งลงสมัคร
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือก สว. ระดับประเทศ ที่อาคารพิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ซึ่งดำเนินการเลือก สว.แล้วเสร็จ เมื่อเช้าวันที่ 27ก.ค.2567 ว่า วันนี้ (27 มิ.ย.) ตนเองในฐานะผู้อำนวยการจัดเลือก ได้ส่งรายชื่อ ผู้ผ่านการเลือก สว. ทั้ง 200 คน และบัญชีสำรอง อีก 100 คน ให้กรรมการ กกต.แล้ว ในวันนี้ ซึ่งตามกฎหมายต้องรอไว้ 5 วัน เพื่อทำการตรวจสอบว่าการเลือก เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ ทำให้ไทม์ไลน์การประกาศผลต้องขยับไป 1 วัน เป็นวันที่ 3 ก.ค. เป็นต้นไป เนื่องจาก การนับคะแนนแล้วเสร็จ เมื่อเวลา 06.00 น.ของวันที่ 27 อย่างไรก็ตามทุกอย่างในการเลือกผ่านไปด้วยความเรียบร้อย บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ส่วนกรณีการยื่นคัดค้านกระบวนการในการเลือกสามารถยื่นที่ศาลฎีกาได้ภายใน 3 นับตั้งแต่วันเลือก หรือจะร้องเรียนที่ กกต.ก็ได้ ทั้งนี้หากร้องเรียนไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมสามารถร้องโดยตรงที่ กกต. เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ได้ทั้งก่อนและหลังประกาศผล
ส่วนกรณีมีผู้สมัครหลายคน มีข้อสังเกตในการผิดปกติในการลงคะแนน นายแสวงย้ำว่า พยายามรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ามีการกระทำใดที่ผิดกฎหมายหรือไม่ เช่นฮั้วหรือการบล็อกโหวต ซึ่งหากระเบียบเดิมก่อนที่จะมีผู้ไปร้องศาลปกครองยังอยู่ เรื่องร้องเรียนกรณีฮั้วหรือบล็อคจะไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นได้น้อย และสามารถป้องกันได้ แต่เมื่อระเบียบนี้ถูกยกเลิกไปก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะการแนะนำตัวตามมาตรา 36 ในระเบียบเก่า ที่มีขอบเขตเรื่องการแนะนำตัวเอาไว้ ขอคะแนนและคะแนนจะทำไม่ได้ แต่เมื่อ ระเบียบเก่าถูกยกเลิก ต้องเอากฎหมายมาใช้ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาว่า การแนะนำตัวนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครบอกว่าการบล็อกโหวตหรือฮั้วผิดกฎหมาย และ กกต. ก็ต้องหาข้อเท็จจริงว่าการกระทำเหล่านั้นผิดกฎหมายหรือไม่ จนสิ้นกระแสความ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้วค่อยวินิจฉัย ยืนยันว่า กกต. ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากการฮั้วหรือการบล็อกโหวต มีการแลกประโยชน์ เช่นจ่ายเงิน นั่นถือว่ามีความผิด แต่ถ้าชวนกันมาหรือแลกคะแนนกัน โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ก็ไม่สามารถที่จะเอากฎหมายมาเอาผิดได้ แต่ กกต.จะรวบรวมพยานหลักฐาน ให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด ในขณะเดียวกันทางกกต. ก็ตรวจสอบในเรื่องของ การเช่าโรงแรมว่ามีเบื้องหลังเป็นอย่างไรทั้งการจ่ายค่าเช่า การจัดเลี้ยง หากพบการกระทำดังกล่าวก็ถือว่าผิด
นายแสวง เปิดเผยด้วยว่าขณะนี้มีคำร้องให้ตรวจสอบ การเลือก สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอจนถึงระดับประเทศรวม 614 เรื่อง จำแนกเป็นเรื่องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครร้อยละ 65 / คำร้องเรื่องของการเลือกเป็นไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้เงิน และให้ทรัพย์สิน นอกนั้นเป็นคำร้องจ้างให้ลงสมัครเรียกรับเงินเรียกรับผลประโยชน์ 614 คำร้องมีร้อยละ3 ที่เป็นคำร้องว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการส่งผู้สมัคร ส่วนคำร้องที่วินิจฉัยไปแล้วและมีคำสั่งให้ลบชื่อผู้สมัคร จะมีผลให้ถูกใบส้ม เกิดขึ้นในระดับอำเภอมากที่สุด
ส่วนกรณีที่มีผู้สมัครร้องเรียนห้องน้ำชาย ต่อคิวนานจนมีข้อสังเกตว่า อาจมีการเรียกรับผลประโยชน์ และโพยหรือนัดแนะกันภายในห้องน้ำหรือไม่ นายแสวงเปิดเผยว่า กกต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์เข้าไปในห้องน้ำตลอดเวลา และได้ข้อมูลว่า มีการพูดคุยกันจริง แต่เชื่อว่าคงไม่มีการจ่ายเงินกันในห้องน้ำ เป็นเพียงการพูดคุยทักทายกันตามปกติ ตราบใดที่ยังไม่มีการจ่ายเงินก็ถือว่ายังไม่มีความผิด แต่ก็ต้องไปสืบหาข้อเท็จจริง เช่นการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามนายแสวงยอมรับว่า การเลือก สว. ครั้งถัดไป อาจทำให้กกต.ทำงานยากขึ้น หากยังมีระบบแบบนี้ เพราะผู้สมัครจะรู้วิธีการหลบหลีก และเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
ส่วนกรณีที่มีการขอตั้งข้อสังเกตว่าคนของพรรคการเมืองใหญ่ ได้รับเลือกเป็น สว.จำนวนมาก นายแสวงยืนยันว่ามีการตรวจสอบอยู่แล้ว และต้องพิจารณาว่ามี ความผิดหรือไม่อย่างไร เพราะทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข้อสังเกต ก็ต้องสืบหาความจริงและดำเนินการกดตามกฎหมายต่อไป เช่นเดียวกับกรณี ที่บัตรเลือก การเขียนตัวเลขผู้สมัครเดียวกันหลายใบ คล้ายกับการนัดแนะให้เขียนตามโพย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานแต่จะชี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายยังไม่ได้ เพราะยังไม่เห็น การเรียกรับผลประโยชน์เกิดขึ้น.-319 -สำนักข่าวไทย