น่าน 27 มิ.ย.- นายกฯ ลุยดูงาน “ท่าวังผาโมเดล” แก้ยาเสพติด ตั้งเป้าเดือน ก.ย.นี้ “น่านจังหวัดสีขาว” มุ่งคืนผู้เสพสู่ครอบครัว
เมื่อเวลา 13.30น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังวัดสุทธาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ และให้กำลังใจผู้เข้าบำบัดยาเสพติดที่วัดสุทธาราม
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะสอบถามผู้เข้าบำบัดบางราย ว่า “อยู่มานานเท่าไหร่ ขอให้สู้นะ” พร้อมถามว่า“เมื่อบำบัดเสร็จสิ้นแล้วจะไปทำอะไรต่อ ความตั้งใจคงไม่อยากกลับไปเสพใหม่ใช่หรือไม่ เพราะมันไม่ได้อะไรเลย” ซึ่งผู้เข้าบำบัด ระบุว่า “ขอให้กำลังใจท่านนายกฯ”
นายเศรษฐา จึงตอบกลับไปว่า “ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวดีกว่า เพราะครอบครัวอยากได้รับการกลับสู่สภาพเดิม เป็นคนที่มีคุณค่ากับสังคมต่อไป เข้าใจว่าแต่ละคนตัดสินใจพลาดไป รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือ ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความตั้งใจจริงให้กลับมาเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและบ้านเมือง พร้อมย้ำกับผู้บำบัดว่าขอให้ทำเพื่อตัวเองและครอบครัวด้วย”
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครหมู่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ประชาชน และข้าราชการในพื้นที่ ที่มาให้การต้อนรับว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่มาก ไม่ใช่แค่ที่ จ.น่าน แต่มีทั่วประเทศ วันนี้คิกออฟให้ จ.น่าน เป็นจังหวัดสีขาวในสิ้นเดือน ก.ย. นี้ โดยใช้จังหวัดน่านเป็นจังหวัดนำร่อง วันนี้ได้คุยกับหลายหน่วยงาน ขอชื่นชมเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานหนัก การแก้ปัญหายาติดไม่ใช่แค่จับกุมผู้จับยาอย่างเดียว แต่การบำบัด การยึดทรัพย์ การคืนประชาชน ส่งคืนผู้ที่เป็นผู้เสพกลับสู่อ้อมกอดครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อไม่ให้กลับมาเสพอีก และเป็นหน้าที่ทุกคนที่จะขับเคลื่อนให้ยาเสพติดออกไปจากสังคมไทย ที่สำคัญหัวใจของการทำงานต้องประสานทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง ความมั่นคง สาธารณสุข ท้องถิ่น ทุกคนต้องมาช่วยกัน ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ดี เพราะทุกคนจะร่วมใจกันเนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัยหาใหญ่กัดกร่อนเซาะคนไทยมายาวนาน ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจให้ปัญหานี้หมดจากสังคม
สำหรับโครงการท่าวังผาโมเดล เป็นโครงการที่ครอบคลุมในเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบเริ่มตั้งแต่การปราบปราม การฟื้นฟูและการบำบัด รวมถึงการนำผู้เสพ กลับมาฟื้นฟูคืนสู่สังคม สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและเหมาะสม โดยจะนำโครงการดังกล่าวขยายผลสำเร็จนำไปใช้ในพื้นที่อื่นต่อไป สำหรับเป้าหมายโครงการฯ มุ่งสู่ความยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงครอบครัว .-316-สำนักข่าวไทย