“พิธา” ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานแข็งแรง ไปต่อได้แน่นอน

สกลนคร 23 มิ.ย. – “พิธา” ร่วมประชุมตั้งสาขาก้าวไกลสกลนคร ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานที่แข็งแรง เป็นพรรคของประชาชนที่ฝังรากลึกในสังคมไทยแล้ว แม้จะต้องเปลี่ยนสี เปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ก็ไปต่อได้แน่นอน


ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกลจัดการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด จนสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสาขาแห่งที่ 16 ได้สำเร็จ โดยในการประชุมมีนายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมบรรยายพิเศษให้กับสมาชิกพรรคด้วย

นายณรงเดช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าเรามีความพร้อมในการบริหารประเทศ แต่เราจำเป็นต้องมี สส. มากกว่า 250 คน เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเองได้โดยไม่ต้องรอลุ้นว่าจะมีใครมาร่วมหรือไม่ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก ลำพังโดย สส. หรือแกนนำพรรค ทำเองไม่ได้ แต่ต้องมีโครงสร้างในการสนับสนุน


ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมุ่งจัดตั้งโครงสร้างการทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนตั้งแต่ระดับฐานราก ทั้งในการช่วยคัดสรรผู้สมัคร การแสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และประชาสัมพันธ์สิ่งที่พรรคกำลังทำอยู่ โดยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่เงื่อนไขสำคัญคือจังหวัดใดที่จะตั้งสาขาพรรคได้ จะต้องมีตัวแทนพรรคประจำอำเภอ (ตทอ.) เกินครึ่งหนึ่งของอำเภอในจังหวัดนั้นๆ

นายณรงเดช กล่าวต่อว่า จังหวัดสกลนคร มีทั้งหมด 18 อำเภอ วันนี้เรามีตัวแทนพรรคประจำอำเภอแล้วใน 10 อำเภอ จึงสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดได้สำเร็จ โดยในอนาคตเราคาดหวังว่าจะมีตัวแทนพรรคประจำทุกอำเภอของสกลนคร และเราคาดหวังว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้จะมาช่วยพรรคก้าวไกล เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน

นายพิธา ระบุว่า ถ้าไม่มีสกลนคร ก็ไม่มีนายพิธาในวันนี้ เพราะเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562 ชาวสกลนครให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 80,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้ตนในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่ ในเวลานั้นได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ได้ดูแลเรื่องการเกษตรโดยเฉพาะ ในช่วงนั้นอภิปรายในสภาฯ ได้ครั้งเดียวตนก็ลงพื้นที่มาเยี่ยมจังหวัดสกลนคร มาศึกษานโยบายเรื่องการเกษตร ได้นั่งคุยกับเกษตรกร ได้เข้าใจว่าการแก้ไขปัญหาแบบทำไปทีละเรื่องอย่างที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ในขณะที่ 3 ใน 4 ของคนไทยยังไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของตัวเอง เมื่อไม่มีที่ดินก็เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ต้องไปกู้นอกระบบ ทำนาเสร็จก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะต้องจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง และหนี้สิน กลายเป็นงูกินหางที่ไปต่อไม่ได้ นำมาสู่แนวคิดกระดุม 5 เม็ด ที่ตนพูดในสภาฯ ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องการปฏิรูปที่ดิน ดังนั้น ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องชาวสกลนคร เพราะเป็นพื้นที่ที่สอนให้นายพิธาเป็น สส. ที่อภิปรายเป็น ลงมาเรียนรู้พื้นที่และกลับเข้าสภาฯ ด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องให้ใครเขียนสคริปต์อยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่อยู่ในสคริปต์หมายถึงอะไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชาวสกลนคร


จาก 80,000 คะแนน ที่ชาวสกลนคร มอบให้พรรคอนาคตใหม่ สู่ 90,000 คะแนน ที่มอบให้นายณรงเดช เมื่อครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. จนกระทั่งการเลือกตั้งปีที่แล้วที่พรรคก้าวไกลได้รับ 200,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ แม้จะยังไม่ได้ สส.เขต แต่จาก 80,000 เป็น 200,000 คะแนน ภายใน 4 ปี ภายใต้หัวหน้าพรรคคนใหม่และพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ถือว่าเราเดินทางมาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมือซึ่งกันและกัน ครั้งต่อไปเราจะเติบโตยิ่งกว่านี้

นายพิธา กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลก็ยังคงไม่หวั่นไหว แม้จะมีหลายองคาพยพที่ตั้งใจจะหยุดยั้งหรือยุบพรรคก้าวไกลอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของเรา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องขายวิญญาณ เพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ หลายคนบอกกับตนว่ายิ่งยุบก็จะยิ่งชวนคนมาสมัครสมาชิกให้มากกว่าเดิม ทุกวันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นวันละหลักพันคน ถ้าจะมีลดก็เพราะรอสมาชิกรายปีที่จะกลับมาต่ออายุ แต่ในภาพรวมระยะยาวแล้วสมาชิกพรรคก้าวไกลมีแต่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะเสียสมาธิ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่ทำงานหรือเปลี่ยนนโยบายไป เรายังดูแลคนตัวเล็กตัวน้อย แรงงาน เกษตรกร หรือคนที่อาจจะมีเสียงไม่ดังพอในสังคมของเรา

พรรคก้าวไกลพร้อมสู้เต็มที่ในเรื่องหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง ความยุติธรรมต้องสามารถอธิบายหลักเกณฑ์และเหตุผลตามข้อเท็จจริงของเราได้ ซึ่งเชื่อว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่แล้วในมิติการต่อสู้ทางกฎหมายทั้งหมด และถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตนเชื่อว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลจะเป็นผลดีต่อสังคมไทยมากกว่าไม่มี และต้นทุนในการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลแน่ๆ

“การมีประชุมแบบนี้ในทุกจังหวัดทุกภาค นี่คือโครงสร้างของพรรคที่ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรค เราก็ยังคงไปต่อได้ มีคนถามเราตลอดเวลาว่าทำไมต้องทำให้กระบวนการมันยุ่งยากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่มันคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคเราแข็งแรง แม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำร้าย แต่รากฐานของพรรคคือสิ่งที่จะทำให้เราไปต่อได้ อยากจะตีหัวผมตีไปเลย หัวเดิมอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวใหม่ที่เก่งกว่ามาแทน เพราะรากฐานของเราคือประชาชน คือสมาชิกพรรค นั่นทำให้เราไม่หวั่นไหวและยังเข้มแข็ง รากของเราลงลึกไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องผลัดใบออก แต่รากมันแข็งแรง เต็มไปด้วยสารอาหาร คือความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรพวกเราไปต่อได้แน่นอน ผมฟันธง” นายพิธา กล่าว.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย