“พิธา” ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานแข็งแรง ไปต่อได้แน่นอน

สกลนคร 23 มิ.ย. – “พิธา” ร่วมประชุมตั้งสาขาก้าวไกลสกลนคร ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานที่แข็งแรง เป็นพรรคของประชาชนที่ฝังรากลึกในสังคมไทยแล้ว แม้จะต้องเปลี่ยนสี เปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ก็ไปต่อได้แน่นอน


ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกลจัดการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด จนสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสาขาแห่งที่ 16 ได้สำเร็จ โดยในการประชุมมีนายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมบรรยายพิเศษให้กับสมาชิกพรรคด้วย

นายณรงเดช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าเรามีความพร้อมในการบริหารประเทศ แต่เราจำเป็นต้องมี สส. มากกว่า 250 คน เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเองได้โดยไม่ต้องรอลุ้นว่าจะมีใครมาร่วมหรือไม่ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก ลำพังโดย สส. หรือแกนนำพรรค ทำเองไม่ได้ แต่ต้องมีโครงสร้างในการสนับสนุน


ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมุ่งจัดตั้งโครงสร้างการทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนตั้งแต่ระดับฐานราก ทั้งในการช่วยคัดสรรผู้สมัคร การแสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และประชาสัมพันธ์สิ่งที่พรรคกำลังทำอยู่ โดยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่เงื่อนไขสำคัญคือจังหวัดใดที่จะตั้งสาขาพรรคได้ จะต้องมีตัวแทนพรรคประจำอำเภอ (ตทอ.) เกินครึ่งหนึ่งของอำเภอในจังหวัดนั้นๆ

นายณรงเดช กล่าวต่อว่า จังหวัดสกลนคร มีทั้งหมด 18 อำเภอ วันนี้เรามีตัวแทนพรรคประจำอำเภอแล้วใน 10 อำเภอ จึงสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดได้สำเร็จ โดยในอนาคตเราคาดหวังว่าจะมีตัวแทนพรรคประจำทุกอำเภอของสกลนคร และเราคาดหวังว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้จะมาช่วยพรรคก้าวไกล เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน

นายพิธา ระบุว่า ถ้าไม่มีสกลนคร ก็ไม่มีนายพิธาในวันนี้ เพราะเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562 ชาวสกลนครให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 80,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้ตนในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่ ในเวลานั้นได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ได้ดูแลเรื่องการเกษตรโดยเฉพาะ ในช่วงนั้นอภิปรายในสภาฯ ได้ครั้งเดียวตนก็ลงพื้นที่มาเยี่ยมจังหวัดสกลนคร มาศึกษานโยบายเรื่องการเกษตร ได้นั่งคุยกับเกษตรกร ได้เข้าใจว่าการแก้ไขปัญหาแบบทำไปทีละเรื่องอย่างที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ในขณะที่ 3 ใน 4 ของคนไทยยังไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของตัวเอง เมื่อไม่มีที่ดินก็เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ต้องไปกู้นอกระบบ ทำนาเสร็จก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะต้องจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง และหนี้สิน กลายเป็นงูกินหางที่ไปต่อไม่ได้ นำมาสู่แนวคิดกระดุม 5 เม็ด ที่ตนพูดในสภาฯ ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องการปฏิรูปที่ดิน ดังนั้น ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องชาวสกลนคร เพราะเป็นพื้นที่ที่สอนให้นายพิธาเป็น สส. ที่อภิปรายเป็น ลงมาเรียนรู้พื้นที่และกลับเข้าสภาฯ ด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องให้ใครเขียนสคริปต์อยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่อยู่ในสคริปต์หมายถึงอะไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชาวสกลนคร


จาก 80,000 คะแนน ที่ชาวสกลนคร มอบให้พรรคอนาคตใหม่ สู่ 90,000 คะแนน ที่มอบให้นายณรงเดช เมื่อครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. จนกระทั่งการเลือกตั้งปีที่แล้วที่พรรคก้าวไกลได้รับ 200,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ แม้จะยังไม่ได้ สส.เขต แต่จาก 80,000 เป็น 200,000 คะแนน ภายใน 4 ปี ภายใต้หัวหน้าพรรคคนใหม่และพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ถือว่าเราเดินทางมาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมือซึ่งกันและกัน ครั้งต่อไปเราจะเติบโตยิ่งกว่านี้

นายพิธา กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลก็ยังคงไม่หวั่นไหว แม้จะมีหลายองคาพยพที่ตั้งใจจะหยุดยั้งหรือยุบพรรคก้าวไกลอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของเรา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องขายวิญญาณ เพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ หลายคนบอกกับตนว่ายิ่งยุบก็จะยิ่งชวนคนมาสมัครสมาชิกให้มากกว่าเดิม ทุกวันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นวันละหลักพันคน ถ้าจะมีลดก็เพราะรอสมาชิกรายปีที่จะกลับมาต่ออายุ แต่ในภาพรวมระยะยาวแล้วสมาชิกพรรคก้าวไกลมีแต่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะเสียสมาธิ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่ทำงานหรือเปลี่ยนนโยบายไป เรายังดูแลคนตัวเล็กตัวน้อย แรงงาน เกษตรกร หรือคนที่อาจจะมีเสียงไม่ดังพอในสังคมของเรา

พรรคก้าวไกลพร้อมสู้เต็มที่ในเรื่องหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง ความยุติธรรมต้องสามารถอธิบายหลักเกณฑ์และเหตุผลตามข้อเท็จจริงของเราได้ ซึ่งเชื่อว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่แล้วในมิติการต่อสู้ทางกฎหมายทั้งหมด และถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตนเชื่อว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลจะเป็นผลดีต่อสังคมไทยมากกว่าไม่มี และต้นทุนในการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลแน่ๆ

“การมีประชุมแบบนี้ในทุกจังหวัดทุกภาค นี่คือโครงสร้างของพรรคที่ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรค เราก็ยังคงไปต่อได้ มีคนถามเราตลอดเวลาว่าทำไมต้องทำให้กระบวนการมันยุ่งยากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่มันคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคเราแข็งแรง แม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำร้าย แต่รากฐานของพรรคคือสิ่งที่จะทำให้เราไปต่อได้ อยากจะตีหัวผมตีไปเลย หัวเดิมอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวใหม่ที่เก่งกว่ามาแทน เพราะรากฐานของเราคือประชาชน คือสมาชิกพรรค นั่นทำให้เราไม่หวั่นไหวและยังเข้มแข็ง รากของเราลงลึกไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องผลัดใบออก แต่รากมันแข็งแรง เต็มไปด้วยสารอาหาร คือความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรพวกเราไปต่อได้แน่นอน ผมฟันธง” นายพิธา กล่าว.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]