สกลนคร 23 มิ.ย. – “พิธา” ร่วมประชุมตั้งสาขาก้าวไกลสกลนคร ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานที่แข็งแรง เป็นพรรคของประชาชนที่ฝังรากลึกในสังคมไทยแล้ว แม้จะต้องเปลี่ยนสี เปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ก็ไปต่อได้แน่นอน
ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกลจัดการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด จนสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสาขาแห่งที่ 16 ได้สำเร็จ โดยในการประชุมมีนายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมบรรยายพิเศษให้กับสมาชิกพรรคด้วย
นายณรงเดช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าเรามีความพร้อมในการบริหารประเทศ แต่เราจำเป็นต้องมี สส. มากกว่า 250 คน เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเองได้โดยไม่ต้องรอลุ้นว่าจะมีใครมาร่วมหรือไม่ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก ลำพังโดย สส. หรือแกนนำพรรค ทำเองไม่ได้ แต่ต้องมีโครงสร้างในการสนับสนุน
ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมุ่งจัดตั้งโครงสร้างการทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนตั้งแต่ระดับฐานราก ทั้งในการช่วยคัดสรรผู้สมัคร การแสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และประชาสัมพันธ์สิ่งที่พรรคกำลังทำอยู่ โดยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่เงื่อนไขสำคัญคือจังหวัดใดที่จะตั้งสาขาพรรคได้ จะต้องมีตัวแทนพรรคประจำอำเภอ (ตทอ.) เกินครึ่งหนึ่งของอำเภอในจังหวัดนั้นๆ
นายณรงเดช กล่าวต่อว่า จังหวัดสกลนคร มีทั้งหมด 18 อำเภอ วันนี้เรามีตัวแทนพรรคประจำอำเภอแล้วใน 10 อำเภอ จึงสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดได้สำเร็จ โดยในอนาคตเราคาดหวังว่าจะมีตัวแทนพรรคประจำทุกอำเภอของสกลนคร และเราคาดหวังว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้จะมาช่วยพรรคก้าวไกล เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน
นายพิธา ระบุว่า ถ้าไม่มีสกลนคร ก็ไม่มีนายพิธาในวันนี้ เพราะเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562 ชาวสกลนครให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 80,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้ตนในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่ ในเวลานั้นได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ได้ดูแลเรื่องการเกษตรโดยเฉพาะ ในช่วงนั้นอภิปรายในสภาฯ ได้ครั้งเดียวตนก็ลงพื้นที่มาเยี่ยมจังหวัดสกลนคร มาศึกษานโยบายเรื่องการเกษตร ได้นั่งคุยกับเกษตรกร ได้เข้าใจว่าการแก้ไขปัญหาแบบทำไปทีละเรื่องอย่างที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ในขณะที่ 3 ใน 4 ของคนไทยยังไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของตัวเอง เมื่อไม่มีที่ดินก็เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ต้องไปกู้นอกระบบ ทำนาเสร็จก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะต้องจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง และหนี้สิน กลายเป็นงูกินหางที่ไปต่อไม่ได้ นำมาสู่แนวคิดกระดุม 5 เม็ด ที่ตนพูดในสภาฯ ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องการปฏิรูปที่ดิน ดังนั้น ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องชาวสกลนคร เพราะเป็นพื้นที่ที่สอนให้นายพิธาเป็น สส. ที่อภิปรายเป็น ลงมาเรียนรู้พื้นที่และกลับเข้าสภาฯ ด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องให้ใครเขียนสคริปต์อยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่อยู่ในสคริปต์หมายถึงอะไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชาวสกลนคร
จาก 80,000 คะแนน ที่ชาวสกลนคร มอบให้พรรคอนาคตใหม่ สู่ 90,000 คะแนน ที่มอบให้นายณรงเดช เมื่อครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. จนกระทั่งการเลือกตั้งปีที่แล้วที่พรรคก้าวไกลได้รับ 200,000 คะแนน ในระบบบัญชีรายชื่อ แม้จะยังไม่ได้ สส.เขต แต่จาก 80,000 เป็น 200,000 คะแนน ภายใน 4 ปี ภายใต้หัวหน้าพรรคคนใหม่และพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ถือว่าเราเดินทางมาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมือซึ่งกันและกัน ครั้งต่อไปเราจะเติบโตยิ่งกว่านี้
นายพิธา กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลก็ยังคงไม่หวั่นไหว แม้จะมีหลายองคาพยพที่ตั้งใจจะหยุดยั้งหรือยุบพรรคก้าวไกลอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของเรา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องขายวิญญาณ เพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ หลายคนบอกกับตนว่ายิ่งยุบก็จะยิ่งชวนคนมาสมัครสมาชิกให้มากกว่าเดิม ทุกวันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นวันละหลักพันคน ถ้าจะมีลดก็เพราะรอสมาชิกรายปีที่จะกลับมาต่ออายุ แต่ในภาพรวมระยะยาวแล้วสมาชิกพรรคก้าวไกลมีแต่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะเสียสมาธิ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่ทำงานหรือเปลี่ยนนโยบายไป เรายังดูแลคนตัวเล็กตัวน้อย แรงงาน เกษตรกร หรือคนที่อาจจะมีเสียงไม่ดังพอในสังคมของเรา
พรรคก้าวไกลพร้อมสู้เต็มที่ในเรื่องหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง ความยุติธรรมต้องสามารถอธิบายหลักเกณฑ์และเหตุผลตามข้อเท็จจริงของเราได้ ซึ่งเชื่อว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่แล้วในมิติการต่อสู้ทางกฎหมายทั้งหมด และถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตนเชื่อว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลจะเป็นผลดีต่อสังคมไทยมากกว่าไม่มี และต้นทุนในการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลแน่ๆ
“การมีประชุมแบบนี้ในทุกจังหวัดทุกภาค นี่คือโครงสร้างของพรรคที่ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรค เราก็ยังคงไปต่อได้ มีคนถามเราตลอดเวลาว่าทำไมต้องทำให้กระบวนการมันยุ่งยากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่มันคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคเราแข็งแรง แม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำร้าย แต่รากฐานของพรรคคือสิ่งที่จะทำให้เราไปต่อได้ อยากจะตีหัวผมตีไปเลย หัวเดิมอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวใหม่ที่เก่งกว่ามาแทน เพราะรากฐานของเราคือประชาชน คือสมาชิกพรรค นั่นทำให้เราไม่หวั่นไหวและยังเข้มแข็ง รากของเราลงลึกไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องผลัดใบออก แต่รากมันแข็งแรง เต็มไปด้วยสารอาหาร คือความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรพวกเราไปต่อได้แน่นอน ผมฟันธง” นายพิธา กล่าว.-312-สำนักข่าวไทย