ครม. รับทราบแผนจัดหาลิขสิทธิ์ยิงสดโอลิมปิก-พาราลิมปิก

ทำเนียบ 11 มิ.ย.- ครม. รับทราบการดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากกองทุน กทปส. ในสำนักงาน กสทช.


นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. รับทราบการดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กองทุน กทปส.) ในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ในวงเงินงบประมาณ จำนวน 435,000,000 บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ

การดำเนินการเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน2567 มีมติเห็นชอบในหลักการให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการจัดหาลิขสิทธิ์เพื่อการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันกีฬา 2 รายการดังกล่าว จำนวน 435,000,000 บาท รวมภาษีที่เกี่ยวข้องจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ และให้ กกท. เสนอเรื่องการดำเนินการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมอบหมายการดำเนินการต่อไป และเมื่อ กกท. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาลิขสิทธิ์เพื่อการถ่ายทอดสดฯ เรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการตามประกาศแนบท้ายของสำนักงาน กสทช. อย่างเคร่งครัด เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนรวมถึงผู้ด้อยโอกาสได้มีโอกาสเข้าถึงการรับชมและร่วมส่งกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยผ่านการถ่ายทอดสดครั้งนี้


ดังนั้น กกท. ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณฯ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ มติคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 เห็นชอบในหลักการดำเนินการจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้ง 2 รายการดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามให้กำลังใจนักกีฬาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เนื่องด้วยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้การสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญหลายรายการ อาทิเช่น การแข่งขันวอลเลย์บอล รายการ Volleyball Nations League 2024 Finals และการแข่งขันกีฬาเอเซียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ซึ่งส่งผลให้มีงบประมาณไม่เพียงพอในการสนับสนุนการจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา 2 รายการดังกล่าวได้ และขอให้ กกท. ดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงาน กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และหากไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว หรือได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วน กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าว ของกองทุน กทปส. ในสำนักงาน กสทช. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องเพื่อให้คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาการขอรับการสนับสนุนต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินการเผยแพร่ผลการแข่งขันของนักกีฬาแต่ละประเทศในรูปแบบการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้รับชม เชียร์ และเป็นกำลังใจให้นักกีฬา ถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุนกีฬาชาติที่สำคัญอีกทางหนึ่ง และจะสามารถสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของนักกีฬาตัวแทนของแต่ละประเทศได้ การถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้ง 2 รายการผ่านสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ในระบบดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนและเยาวชน รวมถึงผู้ด้อยโอกาสได้มีโอกาสรับชมเชียร์และให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยผ่านการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาดังกล่าวกันได้อย่างทั่วถึง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ขอรับสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ในสำนักงาน กสทช. ในวงเงินงบประมาณ จำนวน 435,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์และค่าดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาดังกล่าว ทั้งนี้ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณฝรั่งเศส จะจัดขึ้น ณ วันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม และวันที่ 28 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567 โดยหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบในข้อมูลแล้ว กกท. ต้องดำเนินการดังนี้


1) เสนอเรื่องพร้อมมติคณะรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการให้คณะกรรมการบริหาร กสทช. และคณะกรรมการบริหาร กองทุน กทปส. รับทราบและดำเนินการพิจารณาเรื่องการขอสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จำนวน 435,000,000 บาท

2) กกท. ดำเนินการประสานรายละเอียดกับผู้ถือลิขสิทธิ์ และผู้บริหารจัดการลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้ง 2 รายการดังกล่าว อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อดำเนินการร่างสัญญา รวมถึงเสนอรายละเอียดการร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็น ก่อนลงนามสัญญาและในกระบวนทั้งหมดในข้างต้นจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]

“อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย

สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.- “อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย ชี้เป็นหัวใจระบบเศรษฐกิจ บอกเคยเป็น Banker มาก่อน ระบุความเห็นเอกชนเป็นประโยชน์ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือดันไทยก้าวสู้ศูนย์กลางอาเซียน-ภูมิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่า วันนี้ตนและทีมงานเศรษฐกิจต้องขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ตั้งใจมาพบกับทุกท่านหลังจากที่มีความชัดเจน ในการจัดตั้งรัฐบาล และตนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ในการคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของตน ซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และวันนี้มีความจำเป็นต้องพบปะ สถาบันหลัก ทางเศรษฐกิจโดยสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะตนก็ออกจากวงการนี้ไปนาน เมื่อไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่เป็นมืออาชีพ […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ (22 ก.ย. 68) คาดว่าในช่วงวันที่ […]

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย