เพื่อไทยขอรอผลศึกษา กมธ.นิรโทษกรรม เรื่อง 112

รัฐสภา 6 มิ.ย.-“วิสุทธิ์” ยันเพื่อไทยขอรอผลศึกษา กมธ.นิรโทษกรรมเรื่อง 112 ก่อนตัดสินใจ ลั่นไม่กังวลแม้โยง “ทักษิณ” ย้ำไม่มีผล ต่อเสถียรภาพรัฐบาล เชื่อ “เศรษฐา” ตั้ง “วิษณุ” คิดดีแล้ว มั่นใจไม่มีคลื่นใต้น้ำ บอกกระบวนการ 3 ล้มเป็นแค่จินตนาการ

นายวิสุทธิ์ ​ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ในการนิรโทษกรรมให้กับคดี 112 ว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในสภา ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา ดังนั้น จึงต้องรอฟังก่อนว่าคณะกรรมาธิการที่มาจากทุกพรรคการเมืองว่าอย่างไร และเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานและไม่มีอะไรน่ากังวล แต่หลายคนพยายามหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อพาดพิงถึงบางคน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นผลการศึกษาเลยไม่ควรตีตนไปก่อนไข้


สำหรับกรณีที่มีคนจับตาเพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนคดีมาตรา 112 ด้วยนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องที่นายทักษิณ จะต้องกังวล เพราะถ้ากังวลคงไม่กลับมา แต่ตนเชื่อมั่นว่านายทักษิณ มั่นใจในพยานหลักฐานทางคดีจึงกลับมา ซึ่งตนและพรรคเพื่อไทยก็ไม่กังวล

ส่วนนอกจากนี้ยังมีข่าวดีอื่นๆ รุมเร้า รวมถึงคดีของนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีด้วย จะสั่นคลอนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่นั้น ประธานวิป กล่าวว่า ไม่มีผลต่อเสถียรภาพอะไรของรัฐบาลทั้งนั้นไม่ว่าคดีอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะกรณีของ นายกรัฐมนตรีเพราะก่อนตั้งนายพิชิต ก็ได้ปรึกษากฤษฎีกาแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรน่าหนักใจและในพรรคก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ และในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่มีรายงานข่าวว่ามีความวิตกกังวลเรื่องการตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น ซึ่งตนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมพรรคขอยืนยันว่าไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ แต่กลับมีการไปมโน ว่าหัวหน้าพรรคขอพูดซึ่งยืนยันว่าไม่มี เพียงแต่ตนประธานในที่ประชุมได้เชิญหัวหน้าพรรคพูด เรื่องความรักความสามัคคี และสิ่งที่พูด ทุกคนประทับใจถึงขั้นปรบมือกันทั้งพรรค คือสิ่งที่หัวหน้าพรรคพูดว่า ครอบครัวจะโดนอะไรมาก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่จะทำไม่ใช่เรื่องแค่แค้นมีแต่การแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน ขอให้สสทุกคนออกไปรับฟังปัญหา และนำมาเสนอ เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ยืนยันไม่มีใครพูดถึงขั้นว่าจะทำให้พรรคแตก และหลังจากที่หัวหน้าพรรคพูดก็ไม่มี สส.คนใดถามแม้แต่คนเดียว ดังนั้นยืนยันว่าไม่มีใครติดใจเรื่องที่นายกรัฐมนตรี ตั้งนายวิษณุ เป็นที่ปรึกษา เพราะมอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีไปแล้ว จึงมีอำนาจในการตัดสินใจ คงคิดดีและคิดถูกแล้วและคงปรึกษาหลายๆคนแล้วด้วย พร้อมย้ำว่า หากมีคนที่มีความสามารถมาเป็นที่ปรึกษาจะไม่ดีได้อย่างไร ตนคิดว่าต้องตั้งอีกเป็นร้อยด้วยซ้ำ ซึ่งนายวิษณุ อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย การเมืองมีการเปลี่ยนข้างบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะต้องมาตีตราว่าคนนั้นคนนี้อยู่พรรคนี้มาก่อน หรืออยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้มาก่อนหากคิดเช่นนี้ประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ตนคิดว่าวันนี้ใครจะใส่เสื้อสีไหนก็ไม่สำคัญ ดังนั้นเราต้องเดินไปข้างหน้า


ส่วนมีความมั่นใจต่อการต่อสู้คดีที่มีที่มีนายวิษณุ มาเป็นที่ปรึกษานั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายวิษณุ อยู่มานาน ต้นมาเป็น สส.ครั้งแรกเมื่อปี 44 ก็เห็นนายวิษณุมาเป็นเลขาครม.แล้ว และมาเป็นรองนายกในสมัยที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง “วิษณุ” อยู่กับนายกฯ มาทุกสมัย ถ้าไม่มีฝีมือจริงคงอยู่ไม่ได้ขนาดนั้น ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นขออย่ากังวล

นายวิสุทธิ์ ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนตัวนายกฯ จะทำอย่างไร โดยบอกเพียงว่าเรื่องยังไม่เกิดแต่เชื่อว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีใครกังวล

ส่วนที่มีรายงานกระบวนการ 3 ล้ม นั้นนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ล้มนั่นล้มนี่มีคนจินตนาการกันเยอะแยะ ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้มาเหยียบพรรคตนแต่รู้มากกว่าตนอีก ซึ่งตนเป็นประธาน สส.ยังไม่รู้เท่า ถือเป็นการจินตนาการเรื่องนั้นเรื่องนี้ว่าจะมีคนถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคนเหล่านี้คิดแต่เรื่องไม่สร้างสรรค์ ความเกลียดชังอะไรกันนักหนาและสงสัยว่าในใจมีความเกลียดชังอะไรกันนักหนา ขอให้เลิกได้แล้วเพราะประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า ประชาชนต้องรอดเศรษฐกิจต้องดี ส่วนเรื่องที่จะล้มคนนั้นคนนี้เป็นความคิดที่อาฆาตมาดร้าย ขอให้ไปฟังธรรมะบ้าง จิตใจจะได้แจ่มใส ซึ่งตนเองไม่อยากให้มีใครล้มหายตายจากหรือมีเรื่องมีราวอะไรทั้งนั้น


เมื่อถามยามว่า สส. ในพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีคลื่นใต้น้ำใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ในพรรคเพื่อไทยทุกคนเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรีและตนยังไม่เคยได้ยินซึ่งตนเปิดใจฟัง สส.ทุกคน มีแต่ให้กำลังใจเห็นว่านายกทำงานหนักมาก มีแต่เป็นห่วงสุขภาพ นายกรัฐมนตรีและดีใจที่ทุ่มเทเอาใจใส่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนซึ่งปัญหาเก่าหมักหมมมานาน พวกเราไม่ได้ว่าอะไร หรือคิดล้มอะไร มีแต่คิดจะส่งเสริม ให้นายกฯ เดินไปข้างหน้าและทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองรอด.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]