ก้าวไกล 4 มิ.ย.-ก้าวไกล ยืนกรานแถลงแนวทางสู้คดี 9 มิ.ย.ตามนัด แม้ศาลปราม ยันไม่ใช่การกดดันศาล-ชี้นำการเมือง พร้อมเชื่อ “งูเห่า” แค่ข่าวลือ มั่นใจสมาชิกมีอุดมการณ์
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำชี้แจงพรรคก้าวไกล ถูกร้องยุบพรรค นัดพิจารณาต่อ 12 มิ.ย. และเตือนคู่งดแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดี ว่าทางพรรคเห็นถึงความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วที่มีการแสดงความเห็นผ่านเพรส แต่ยืนยันจะเดินหน้าแถลงวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ตามี่นัดหมายเช่นเดิม และเรายืนยันกับทั้งประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่า การแถลงในวันที่ 9นี้ ไม่ได้ไปกดดันศาลหรือชี้นำความเห็นใคร แต่เป็นเพียงแค่พยายามยืนยันและอธิบายพี่น้องประชาชน ที่อาจจะมีคำถามถึงแนวทางในการต่อสู้คดีของพรรค รวมถึงเอกสารที่จะใช้นำมาประกอบการแสดงก็ไม่ใช่เอกสารลับอะไร แต่เป็นเอกสารที่เราได้ยื่นให้กับศาลรัฐธรรมนูญในส่วนของการชี้แจงของพรรคก้าวไกล จึงยืนยันว่า เดินหน้าต่อ และยืนยันไม่มีวัตถุประสงค์ในการไปกดดันหรือชี้นำสังคมในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เป็นการเปิดเผยแนวทางการต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา
ส่วนจะมีการวางแผนแนวทางการต่อสู้อย่างไรนั้น ขอให้รอพร้อมกันในวันที่ 9 แต่ขั้นตอนกระบวนการในวันที่ 12 มิ.ย.ไม่ได้เป็นการอ่านคำวินิจฉัย แต่เป็นเพียงการนัดประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างที่พรรคก้าวไกลได้เคยสื่อสารไว้ว่า อยากเห็นกระบวนการมีการไต่สวนข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมดังนั้นในวันที่ 12 ก็อาจจะเห็นคำตอบ หรือแนวทางจากศาลรัฐธรรมนูญ ชัดเจนขึ้นว่าจะมีการไต่สวนหรือไม่อย่างไร กรอบระยะเวลาจะเป็นเช่นไร
ส่วนที่มีข่าวว่ามีกระบวนการจ้องยุบพรรคก้าวไกลนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องแยกในแต่ละกรณี ซึ่งในส่วนคดีของพรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่าจะทำเต็มที่เพื่อต่อสู้คดีดังกล่าว เพราะเรา มองว่าผลลัพธ์ของคดีดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อแค่ชะตากรรม ของภาคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคดีที่สร้างบรรทัดฐานกับการเมืองไทยในอนาคตเช่นเดียวกันดังนั้นเราทำเต็มที่ในการต่อสู้คดีและปกป้องพรรค คือต่อสู้และหวัง ถึงสถานการณ์ หรือฉากทัศน์ที่ดีที่สุดแต่ก็แน่นอน แต่แน่นอนเราต้องมีแผนรับมือกับทุกฉากทัศน์ รวมถึงฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดด้วยเช่นกัน
เมื่อถามย้ำว่ามีการตั้งพรรคสำรองและรับสถานการณ์”งูเห่า”ไว้หรือยังหากพรรคถูกยุบนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่าหลายคนจะถามถึงเรื่องพรรคสำรอง แต่อย่างที่ตนเรียนเอาไว้ว่าเป้าหมายเฉพาะหน้าตอนนี้คือ การต่อสู้เพื่อปกป้องพรรคก้าวไกลและบุคลากรของพรรคก้าวไกล ดังนั้นตนก็ต้องพูดเหมือนเดิมว่ามีแผนรองรับทุกฉากทัศน์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลงในรายละเอียดของแผนฉากทัศน์ใดฉากทัศน์หนึ่งจนกว่ามันจะเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการปกป้องพรรคและในวันที่ 9 ก็จะเห็นถึงแนวทางในการพยายามที่จะปกป้องพรรคอย่างชัดเจนขึ้น ส่วนข่าวลือเรื่องของ “งูเห่า”ก็ขอยืนยันว่าเท่าที่เห็นจากรายงานในข่าวทั้งหมดยังเป็นแค่ข่าวลือ และเป็นเพียงแค่กระแสยังไม่เห็นว่ามีข้อมูลและหลักฐานอะไร เราทุกคนในพรรคก้าวไกลก็จะเดินหน้ากันต่ออย่างเป็นเอกภาพ ตนเชื่อว่าเพื่อนๆในพรรคก้าวไกลก็รู้ดีและจำได้ดีว่าในวันที่แต่ละคนเดินเข้ามาในพรรคก้าวไกลเพื่อ และยื่นใบสมัครลงสมัครรับเลือกตั้ง สมัครเป็นสมาชิก มายืนยัน ดังนั้นยังยืนยันคำเดิมว่า ยังเชื่อมั่นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรค ก็เชื่อว่าอุดมการณ์และความฝันนั้นก็เป็นเป้าหมายที่เรา เดินหน้าต่อร่วมกันและเชื่อว่าเพื่อนๆในพรรคคก้าวไกลก็รู้ดีถึงความคาดหวังที่ประชาชนให้ไว้กับเรา ผ่านการเลือกตั้งเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา และเราทุกคน ก็จะทำงานโดยซื่อตรง ต่อความคาดหวังและความไว้วางใจที่ประชาชน ให้กับเรามา
“ยืนยันว่าจะแถลงข่าวต่อและยืนยันด้วย เช่นกันว่าสิ่งที่เราจะแถลง ไม่ได้เป็นการไปกดดันศาลหรือว่าชี้นำทางใดทางหนึ่งแต่เป็นการอธิบายแนวทางต่อสู้คดีตามเอกสารที่เราได้ยื่นให้กับศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผมคิดว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีนี้เป็นคดีที่พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ผมเองก็ถูกถามหลายรอบและตอบอะไรที่ไม่สามารถตอบได้โดยลงในรายละเอียดว่าแนวทางการต่อสู้คดีเป็นเช่นไร ดังนั้นผมคิดว่าเพื่อให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่สนใจได้หายสงสัยและมีชุดข้อมูลที่ครบถ้วนก็เลยคิดว่าแนวทางที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการแถลง เปิดเผยเอกสารที่เราใช้ในการต่อสู้คดี เพื่อให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่ได้อ่านแล้ววิเคราะห์กันต่อ” นายพริษฐ์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทุกคนในพรรคยืนตามแนวทางที่ตนได้พูดไว้ และ ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติในวันที่ 18 มิ.ย.และการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่รัฐบาล ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีเวลาเต็มที่ในการจัดทำ และนอกจากจะตรวจสอบว่าการจัดสรรงบประมาณคุ้มค่ากับพี่น้องประชาชนหรือไม่ สิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามจะทำ จะต้องตอบสังคมให้ได้ด้วยเหมือนกันว่า ถ้ามาอยู่ในตำแหน่งที่รัฐบาลอยู่ ณ เวลานี้เราจะทำงบประมาณแบบไหนที่ตอบโจทย์มากกว่า ดังนั้น นอกจากการตรวจสอบงบประมาณแล้วการอภิปรายในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างให้ ประชาชนได้เห็นว่าในอนาคตหากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะมีแนวทางในการบริหารเงินของพี่น้องประชาชนอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.-312.-สำนักข่าวไทย