พร้อมยกระดับภาคการเกษตร-อาหารโลก

ทำเนียบรัฐบาล  31 พ.ค.- นายกฯ แถลงวิสัยทัศน์ IGNITE AGRICULTURE ดันไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารของโลก ย้ำรัฐบาลใส่ใจมากกว่าใส่เงิน พร้อมดูแลเกษตรกรที่เป็นภาคส่วนใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้าน “ร.อ.ธรรมนัส” ประกาศ  2 มาตรการสร้างภูมิคุ้มกันยกระดับสินค้าเกษตร มั่นใจ 4 ปีเงินเข้ากระเป๋าเกษตรกร 3 เท่า


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงวิสัยทัศน์และแนวทางเพื่อขับเคลื่อน  IGNITE  THAILAND “จุดพลังรวมใจไทยต้องเป็นหนึ่งยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารของโลก “โดยมีคณะรัฐมนตรี หัวหน้าหัวหน้าส่วนราชการ ภาคส่วนต่างๆร่วมงาน โดยนายกรัฐมนตรี  แถลงวิสัยทัศน์ IGNITE Agriculture 2025 ปลุกพลังเกษตรกรไทยปลูกความยิ่งใหญ่ระดับโลกว่า นโยบายเรื่องการเกษตร เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะภาคเกษตรเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยประชากรไทยกว่าร้อยละ 40 เกี่ยวข้องกับภาคเกษตร

“รัฐบาลมีความพร้อมและมุ่งมั่นยกระดับภาคเกษตรกรรม ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำในภาคการผลิต จนไปถึงการแปรรูปส่งออกไปยังตลาดโลกตลอดห่วงโซ่ ด้วยนโยบายและมาตรการสำคัญ ทั้งมาตรการสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร เริ่มตั้งแต่ปัจจัยการผลิตทั้งดิน น้ำ ปุ๋ย และพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ผลิตสินค้าที่ราคาดีเป็นที่ต้องการของตลาด พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ข้าว มันสำปะหลัง และพืชอื่นๆ ที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างเต็มที่ มุ่งสู่ผลสำเร็จที่ตามมาคือภาคเกษตรเติบโต นำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร สรุปนโยบายการดำเนินงานมา ประชาชนคนไทยที่รับฟังมากกว่า 40% ของประเทศ ก็น่าจะมีความสบายใจ ว่ารัฐบาลนี้มีนโยบาย ที่ชัดเจน ซึ่ง 40% ของประชากรในประเทศไทยเกี่ยวกับภาคการเกษตร ซึ่งรัฐบาลนี้พูดมาหลายเรื่อง ล้วนแต่เป็นเรื่องที่โก้เก๋ วันนี้เรากลับมายืนจุดพื้นฐาน ของประชาชนคนไทย ทั้งนี้ เราเป็นประเทศที่ต้องพึ่งเกษตรกรรมอย่างมาก ไม่อยากพูดซ้ำกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวไว้ดีแล้วประเด็นสำคัญ 3 ด้านเรื่องความเข้มแข็งด้านการเกษตร เทคโนโลยี ความยั่งยืน

“สิ่งเหล่านี้มีหลายมิติ โดยเรื่องแรกความเป็นทางการเกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย พันธุ์พืชเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีการสำรวจดิน ไม่ใช่มาใส่ปุ๋ยมั่วๆไป ทั้งนี้ น้ำเป็นเรื่องสำคัญ หากไม่ท่วมไม่แล้ง เชื่อว่ารายได้ของประเทศนี้จะพุ่งขึ้นมหาศาล เราต้องดูแลบริหารจัดการน้ำให้ดี ทำให้เขาสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง เมื่อราคาข้าวดี การลงทุนรัฐบาล ที่ทำให้ น้ำไม่ท่วมไม่แล้ง เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงไปผลตอบแทนจะตกอยู่ที่ประเทศและคนไทย จึงต้องบริหารจัดการเรื่องน้ำให้ดีจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลใส่ใจและให้ความสำคัญเกษตรกรสูงสุด ไม่ใช่เชิญนักธุรกิจมาลงทุนอย่างเดียว รัฐบาลให้ความสำคัญเกษตรกรเยอะมาก รวมไปถึงการห้ามสินค้าเถื่อน โดยเฉพาะยางเถื่อนเข้ามา วันนี้ราคายางไม่ใช่ 3 กิโลกรัม 100 บาท แต่กิโลกรัมละ 100 บาท เกิดจากการที่รัฐบาลนี้ทุกภาคส่วนให้ความใส่ใจไม่ใช่แค่ใส่เงิน เราดูแลทุกคน  ไม่ให้มีสินค้าเถื่อนเข้ามา และอีกหลายเรื่องที่เราใส่ใจดูแล ซึ่งการใส่ใจมีค่ามากกว่าการใส่เงิน ขอให้ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้มั่นใจและสบายใจได้ว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่แค่ใส่เงินอย่างเดียว เราทุกคนในที่นี้จะใส่ใจดูแลพี่น้องเกษตรกรที่เป็นภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ


“รัฐบาลเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผลักดันการทำเกษตรแม่นยำ ซึ่งไม่ได้แต่มุ่งเฉพาะเรื่องการใช้เครื่องจักรกล หรือ โดรนทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังต้องรู้แนวโน้มตลาด และผลิตพืชสินค้าที่แนวโน้มดี เช่น ทิศทางพืชอาหารสัตว์ พืชที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น โกโก้ กาแฟ การบริหารจัดการสภาพดิน บริหารจัดการน้ำ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องเหมาะสม รู้สภาพอากาศ รวมไปถึงเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน จัดการกับปัญหา Climate Change อย่างประกันภัยให้แก่เกษตรกร รวมถึงเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูป การทำเกษตรแม่นยำ จะทำให้เราสามารถยกระดับสินค้าเกษตรและศักยภาพเกษตรกรไทยได้ และถัดมาที่รัฐบาลมุ่งให้เกิดการปฏิบัติจริง นั่นคือ มาตรการความยั่งยืน ไม่เผา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องตระหนัก และช่วยเหลือเกษตรกรให้ทำได้จริง การรณรงค์ลดเผาที่ก่อให้เกิดทั้ง PM2.5 ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเราสามารถดำเนินการได้จริง แต่ยังไม่เพียงพอ เราต้องมีมาตรการเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งยังช่วยภาคการเกษตรไทยลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า ที่จะทำให้เราไม่สามารถแข่งขันได้ในเรื่องของ Carbon Emission”   นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีมาตรการต่างๆ อีกมากมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญและพร้อมดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ต้องขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุกฝ่าย ที่ร่วมบูรณาการจนเกิดเป็นผลสำเร็จ    เพื่อนำพาภาคการเกษตรไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก และเชื่อมั่นว่าผลสำเร็จจากการพัฒนาภาคการเกษตร ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้ดี ปลดหนี้ มีภูมิคุ้มกันและสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ด้านร.อ.ธรรมนัส แถลงแนวทางยุทธศาสตร์ “IGNITE THAILAND จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก” ว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก ผลผลิตมีคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับ และภาคเกษตรยังสามารถเชื่อมโยงภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ในหลายมิติ ซึ่งภาคเกษตรต้องเผชิญกับปัญหานานับประการที่รอการแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรยังคงมีรายได้ต่ำเมื่อเทียบกับภาคการผลิตอื่น ๆ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญในการทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” พร้อมผลักดันเป้าหมายสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปี  ผ่านการขับเคลื่อนด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน และ 2. มาตรการยกระดับสินค้าเกษตรสู่การเพิ่มรายได้

“มาตรการสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน มุ่งเน้นเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกร โดยจะมีการดำเนินการในเรื่องต่างๆ ประกอบด้วย 1.ด้านปัจจัยการผลิต พันธุ์ ดิน ปุ๋ย น้ำพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ส่งเสริมการนำเทคนิคการปรับแต่งหรือแก้ไขยีน (Gene editing: GEd) ปรับเปลี่ยนชนิดพืชให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ (Agri-Map) ส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพและใหญ่ที่สุดในอาเซียน ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยแม่นยำ ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา และถูกวิธี เพิ่มพื้นที่ชลประทานเป็น 40 ล้านไร่ ภายในปี 2570 และการเพิ่มแหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน 2. ด้านเทคโนโลยี ส่งเสริมการนำเครื่องจักรกลการเกษตรมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แรงงานสูงวัย และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ส่งเสริมการทำเกษตรแม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพ 3.สร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน อาทิ การลดการเผาในพื้นที่เกษตร ส่งเสริมมาตรการจูงใจลดการเผาแบบมีเงื่อนไข และ การพักหนี้เกษตรกร และมาตรการประกันภัยการเกษตรโดยจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในระบบประกันภัยเพื่อช่วยประเมินความเสียหาย เช่น การใช้ดาวเทียม เครื่องวัดความเร็วลม  และเครื่องวัดความชื้นของอากาศ เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า มาตรการยกระดับสินค้าเกษตรสู่การเพิ่มรายได้ประกอบด้วยการดำเนินงานใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 สินค้าที่มีการผลิตมากกว่าความต้องการของตลาดภายในประเทศ ประกอบด้วย ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ลำไย ไก่ กุ้ง มุ่งเน้นนโยบายสร้างสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตกับความต้องการใช้ การควบคุมปริมาณการผลิตพร้อมสินค้าทางเลือก การสร้างมูลค่าเพิ่ม  การสร้างตลาดใหม่ และการส่งเสริมการตลาด กลุ่มที่ 2 สินค้าที่ตลาดมีความต้องการ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และทุเรียน มุ่งเน้นนโยบายการเพิ่มผลผลิตในประเทศ ทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อไร่และการขยายพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ตลอดจนการผลิตด้วยพันธุ์ดีคุณภาพสูง การเพิ่มช่องทาง และการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ และ กลุ่มที่ 3 สินค้าศักยภาพ ได้แก่  ถั่วเหลือง กาแฟ ชา โคเนื้อ และโคนม มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิต ทดแทนการนำเข้า จะสนับสนุนทั้งพันธุ์ดี เทคโนโลยีนวัตกรรมที่เหมาะสม และการเข้าถึงตลาด “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนทั้ง 2 มาตรการ เพื่อนำพาภาคเกษตรไทยสู่ “ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก” ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตความกินดีอยู่ดีของเกษตรกรไทย คนในภาคการเกษตรจะต้องมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปีนี้ ซึ่งในระยะเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเน้นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนภาคเกษตร ได้แก่ 1.การบริหารจัดการน้ำ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา  2.การประกันภัยข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยรัฐสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยร้อยละ 60 และ ธ.ก.ส. สนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ลูกค้าร้อยละ 40 เกษตรกรจะได้รับการชดเชยเมื่อได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 3. การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินมาตรการลดเผา 4ป 3R เป็นการดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง 4. การพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ และเร่งศึกษาการใช้เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing, GEd) 5. การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชที่ไม่เหมาะสมเป็นพืชชนิดอื่นที่ตลาดมีความต้องการ ได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ 6.ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน   เช่น มาตรฐาน GAP มาตรฐาน EUDR มาตรฐาน RSPO” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ