นายกฯ ผลักดันการใช้ Cloud ในไทย เพิ่มความสะดวกทุกภาคส่วน

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 30 พ.ค.-นายกฯ เปิดงาน“AWS Summit in Bangkok” ผลักดันการใช้เทคโนโลยี Cloud ในไทย อำนวยความสะดวกทุกภาคส่วน ยินดี AWS มีแผนลงทุนสร้าง Data Center ในไทย มูลค่ากว่า 190,000 ล้านบาท ภายในปี 2037

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กล่าวเปิดงาน “AWS Summit in Bangkok” จัดโดย Amazon Web Services บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Cloud Computing โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ความพร้อมด้านเทคโนโลยี และทิศทางการเจริญเติบโตของ Digital Economy ในประเทศไทย โดยปัจจุบัน คนไทยจำนวนหลายหมื่นคนได้ร่วมทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Ecosystem ของ AWS ด้วย ซึ่งทุกคนต่างมีศักยภาพ ทักษะ และองค์ความรู้ เป็นหนึ่งในศักยภาพของประเทศไทยที่พร้อมจะถูกปลดปล่อยออกมา


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Cloud โดย Cloud เป็นหนึ่งใน Breakthrough Technology ที่มาช่วยลดต้นทุนของการทำงานได้มหาศาล เพิ่ม Speed-to-market ของการ Deploy workflow ใหม่ๆ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทีมงาน Productive มากขึ้น ผลลัพธ์ของลูกค้าก็จะได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นไปด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะปรับปรุงระบบงานของราชการให้ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Agenda สำคัญที่กำลังผลักดันในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2566 และมีมติให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) ที่จะลดภาระเงินลงทุนในระบบ IT ของภาครัฐ โดยเปลี่ยนไปใช้ Cloud มากขึ้น พร้อมคาดหวังว่า เมื่อระบบงานราชการดีขึ้นแล้ว ราชการและประชาชนจะสามารถติดต่อสื่อสาร ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชน ประชาชน ลดค่าใช้จ่าย ลดความยุ่งยาก ในการติดต่อกับราชการในอนาคต

“ก่อนที่จะดำรงตำแหน่นายกรัฐมนตรี สมัยอยู่ในภาคเอกชน ก็มีประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Cloud  และเมื่อเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว การปรับปรุงระบบราชการให้ทันสมัยเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญ และยืนยันในการคงไว้ซึ่งความชอบธรรม บริสุทธิ์และสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลคาดหวังว่า เมื่อระบบดีขึ้นแล้วประชาชนจะสามารถติดต่อสื่อสารทำงานร่วมกันอย่างดีขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชนสามารถรับการบริการ ประชาชนลดค่าใช้จ่าย และลดความยุ่งยากในการติดต่อกับระบบราชการ และแม้จะเป็นเฟสแรก เชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้เชื่อว่าระบบราชการจะทันสมัยมากขึ้น ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจะถูกแก้ไขออกไป“ นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันระบบ Cloud ได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของระบบเทคโนโลยีที่สำคัญในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร การท่องเที่ยว การทำ Marketing ภาคการศึกษา รวมไปถึงเทคโนโลยีล่าสุด Generative AI (Artificial Intelligence) ซึ่งขณะนี้ ในหลาย ๆ ภาคส่วน รวมถึงทีมงานหลังบ้านของราชการ ได้เริ่มนำ Generative AI มาใช้ประโยชน์ในการทำงานแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าในระยะยาว จะมีการขยับขยายการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถยก Productivity Curve ให้กับทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มี Data Center ที่มีขนาดใหญ่ช่วยประมวลผล และระบบ Internet ที่แข็งแกร่ง จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการลงทุน Data Center ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคโนโลยี Cloud Computing

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ AWS มีแผนลงทุนสร้าง Data Center ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 190,000 ล้านบาท ภายในปี 2037 โดยปีที่ผ่านมา AWS นำเงินเข้ามาในไทยแล้วกว่า 11,600 ล้านบาท พร้อมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะได้ใช้ AWS Thailand Region อย่างเต็มตัวในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งการลงทุนของ AWS นอกจากจะทำให้ไทยมี Cloud ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยแล้ว ยังสะท้อนว่า บริษัท Technology ระดับโลกเห็นศักยภาพ และเชื่อมั่นว่าจะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

โดยรัฐบาลกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอื่น ๆ คู่ขนานไปกับการดึงดูด Data Center เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นศูนย์กลาง Digital Economy และ Technology ทั้งการดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรม Technology ในระดับต้นน้ำ เช่น การผลิต Semiconductor ไปจนถึงปลายน้ำ เช่น อุตสาหกรรม Smart Electronics และส่งเสริมการเพิ่มทักษะของ talent ซึ่งปัจจุบัน AWS ให้การฝึกอบรมคนไทยไปกว่า 50,000 คน และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้นำ AWS Academy เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร สร้าง Digital Literacy ในนิสิต นักศึกษา ถือเป็นความร่วมมือ Partnership ที่ดีระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา


ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยืนยันที่จะสนับสนุนความร่วมมือในลักษณะ win-win เช่นนี้ และเชื่อมั่นว่าการลงทุนและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของทั้ง AWS และทุกภาคส่วนในประเทศไทยจะยกระดับ Digital Literacy ให้กับคนไทย ทำประเทศไทยให้เป็น “บ้าน” อีกหลังนึงของ AWS และนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว พร้อมหวังว่าจะได้เห็นความร่วมมือที่มากยิ่งขึ้นสร้าง Digital Ecosystem ในประเทศไทยให้เติบโตไปพร้อมกัน เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ Ignite Thailand ด้าน Technology Hub เกิดขึ้นได้จริง

ขณะที่นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Director AWS ประเทศไทย ประกาศความพร้อมของการตั้ง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2025 โดยคาดการณ์จำนวนการลงทุนกว่า 1.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2037 ซึ่งที่ผ่านมา AWS ได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการทางด้าน Cloud และการลงทุนในด้านการให้บริการส่งตรงฐานข้อมูลจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ด้วย รวมถึงมุ่งมั่นในการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI และ Cloud ในไทย เพื่อให้บุคลากรและองค์กรต่าง ๆ สามารถใช้บริการในประเทศไทย ได้อย่างความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สำหรับงาน AWS Summit in Bangkok เป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมประจำปี AWS Global Summit โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,500 คน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนักธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำของไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน Cloud Computing และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ ผ่านงานสัมมนากว่า 30 หัวข้อ และบูธจัดแสดงเทคโนโลยีอีก 29 บูธ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย