“สว.สมชาย” ยืนยันยื่นศาล รธน.สอย “เศรษฐา” ไร้ใบสั่ง

รัฐสภา 27 พ.ค.-“สว.สมชาย” ยืนยันยื่นศาล รธน.สอย “เศรษฐา” ไร้ใบสั่ง – มั่นใจนายกฯ รู้อยู่แล้ว “พิชิต” ขาดคุณสมบัติ ลุ้นฟันอาญาต่อดาบ 2 เมินไม่กลัวถูก “ทักษิณ” เช็กบิลย้อนหลัง

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะ 1 ใน 40 สว.ที่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการดังกล่าว โดยยืนยันว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลังใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบรายชื่อที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี และรู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต มีปัญหาในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามจากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้วที่ไม่ได้ทูลเกล้าฯ ชื่อของนายพิชิต แต่ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการเลือกถามบางประเด็นในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ต่อกฤษฎีกา ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบต่อการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี และเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดคุณสมบัติต่อการเป็นรัฐมนตรี


ส่วนที่มีการวิเคราะห์มีใบสั่งทางการเมืองเพื่อเตือนจากกลุ่มอำนาจเก่าว่ารัฐบาลอย่าล้ำเส้นนั้น นายสมชาย มองว่า เป็นการวิเคราะห์ที่เกินเลยไปของสื่อมวลชน แต่ สว.ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบมาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครสั่ง และต้องการเห็น กกต. และ สส.ฝ่ายค้านทำหน้าที่ เพื่อไม่ต้องให้ สว.ต้องดำเนินการเอง หรือข้อวิจารณ์ที่ สว.พยายามปิดสวิตช์นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ สว.ก็ต้องทำหน้าที่ และแม้จะต้องรอ สว.ชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ สว.ปัจจุบัน ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน ยกเว้นการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี

นายสมชาย ยังยืนยันว่า ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สว.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และมีการตรวจทานเอกสารถึง 14 ครั้ง ซึ่งหากเปรียบเป็นข้าวก็ซาวถึง 14 น้ำ เพราะ กกต. และฝ่ายค้าน ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ก็มีความพยายามจากบุคคลในรัฐบาล ติดต่อประสาน สว.อย่าร่วมลงชื่อ พร้อมปิดผนึกเอกสารลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ สว.และครอบครัวถูกคุมคามเหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เช่น โยกย้ายลูกหลาน สว.ที่เป็นข้าราชการ หรือเข้าไปตรวจสอบภาษีธุรกิจของเครือญาติ สว.


ส่วนกรณีกังวลจะถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุรับรู้ใครเป็นผู้บงการเช็กบิลตามหลังหรือไม่นั้น นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังใด ๆ และดำเนินการตามหน้าที่ เพื่อบ้านเมืองตรงไปตรงมา และต่างคนต่างทำหน้าที่ ดังนั้น รัฐบาลควรจะไปแก้ไขข้อกล่าวหา และนายทักษิณ ควรกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นนายกรัฐมนตรีเงา ก็อาจจะมีความผิดข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการครอบงำ แทรกแซงได้

นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่า สว.ได้ยื่นไปตามรูปแบบ แต่ก็เคารพมติศาลรัฐธรรมศาลธรรมนูญ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เชื่อว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แม้จะอยู่ใต้บัญชาการของนายกรัฐมนตรี แต่ก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะตามคำร้องของ สว.นั้น ก็ได้แนบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปด้วย และเชื่อว่า หากจะมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายได้ และหากศาลรัฐธรรมนูญให้ผู้ร้องไปร่วมการไต่สวนด้วย ตนเองก็มีความพร้อม และคาดว่า คดีนี้ศาลจะใช้เวลาพิจารณาราว 2 เดือน

ส่วนผลของคดีนอกจากการพ้นจากตำแหน่งแล้ว จะยังมีทางออกอื่นอีก เช่น การตักเตือนได้หรือไม่นั้น นายสมชาย มองว่า คดีดังกล่าว สามารถเทียบเคียงได้กับคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เพราะนายเศรษฐา รู้ หรือเคยรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ แต่ยังนำความขึ้นกราบบังคมทูลแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้น หากศาลวินิจฉัยว่าผิด ก็จะต้องพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี และคดีอาญา ก็อาจจะเป็นไปตามลักษณะคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์


ส่วนกรณีที่มีทนายคนหนึ่งกล่าวหา สว.มีการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น นายสมชาย ชี้แจงว่า สว.จะหารือกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ เนื่องจาก เป็นการทำลายความน่าเชื่อของ สว.ทั้งที่ทนายคนดังกล่าว ไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายแต่อย่างใด และ สว.ที่ร่วมลงชื่อก็มีวุฒิภาวะ ไม่ยินยอมให้ใครปลอมแปลงลายเซ็น นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับได้มีการปรึกษาหารือกับนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี เพราะนายวิษณุ เป็นนักกฎหมายที่เก่ง ซึ่งอาจให้คำแนะนำได้ แต่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่า จะเป็นในเรื่องคดีดังกล่าวหรือไม่.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

มติวุฒิสภาเดินหน้าโหวตองค์กรอิสระ-สว.เสียงข้างน้อย วอล์กเอาต์วุ่น

รัฐสภา 30 พ.ค.- ตามคาด! “วุฒิสภา” เดินหน้าโหวตตั้งองค์กรอิสระ-ตุลาการศาล รธน. แม้ยอมให้ถกญัตติชะลอนานกว่า 3 ชั่วโมง ด้าน สว.เสียงข้างน้อย วอล์กเอาต์ไม่ขอร่วมสังฆกรรม พร้อมให้เหตุผลขัดกันแห่งผลประโยชน์ สว.กว่า 100 คนถูกกล่าวหาฮั้ว ขู่หากเดินหน้าเสี่ยงถูกร้องจริยธรรม ขณะที่ “ฉัตรวรรษ” โต้ ยังเป็น สว. ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อ ซัด “ดีเอสไอ” ดำเนินการโดยมิชอบ การประชุมวุฒิสภาวันนี้มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าในการระเบียบวาระเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561) ซึ่งเป็นการประชุมลับ ขอให้สว.ใช้บัตรลงคะแนนของตัวเอง ไม่สามารถออกเสียงด้วยวาจาแทนได้ แต่ขอหารือหยิบยกเรื่องด่วนที่ 5.ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อการพิจารณาเรื่องให้ความเห็นชอบ คือเรื่องด่วนชอให้ ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่ามีคำตัดสินในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องขณะนี้ ที่เสนอโดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นายเทวฤทธิ์ กล่าวว่าต้องขอบคุณสมาชิกและวิปวุฒิที่ใจกว้างให้เลื่อนญัตตินี้ขึ้นมา และระบุว่าตนเข้าใจและเห็นใจเพื่อนสว.ทุกคนที่โดนเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยเห็นกระบวนการไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น […]

กกต.ออกหมายเรียกอีก 22 สว. แจงคดีฮั้ว

กทม. 30 พ.ค.- หมายเรียก สว.ฮั้ว ลอต 5 ออกแล้ว คณะกรรมการสืบสวนฯ กกต. เรียกอีก 22 สว.แจง รวมเรียกทั้งหมด 127 คน มีรายงานแจ้งว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เรียกสมาชิกวุฒิสภา เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 22 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย 1.นางจุฑารัตน์ นิลเปรม 2.นางเจียระไน ตั้งกีรติ 3.นางมยุรี โพธิแสน 4.น.ส.จารุณี ฤกษ์ปราณี 5.น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ 6. นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ 7.นายธนภัทร ตวงวิไล 8.น.ส.ภาวนา ว่องอมรนิธิ 9.นายกัมพล สุภาแพ่ง 10.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 11.นายอัครวินท์ ขำขุด 12.นางธารณี ปรีดาสันติ์ 13.นางรจนา เพิ่มพูน […]

ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาชายแดน

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาพิพาทชายแดน ยันทหาร 2 ฝ่ายถอนกำลังจากจุดปะทะช่องบกแล้ว วอนประชาชนรับฟังข้อมูลสื่อหลัก ขอเชื่อมั่นทหารปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว กองทัพบก ออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 1.ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยหรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ 2.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น […]

ทบ.จ่อออกแถลงการณ์ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.- ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว […]