“สว.สมชาย” ยืนยันยื่นศาล รธน.สอย “เศรษฐา” ไร้ใบสั่ง

รัฐสภา 27 พ.ค.-“สว.สมชาย” ยืนยันยื่นศาล รธน.สอย “เศรษฐา” ไร้ใบสั่ง – มั่นใจนายกฯ รู้อยู่แล้ว “พิชิต” ขาดคุณสมบัติ ลุ้นฟันอาญาต่อดาบ 2 เมินไม่กลัวถูก “ทักษิณ” เช็กบิลย้อนหลัง

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะ 1 ใน 40 สว.ที่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการดังกล่าว โดยยืนยันว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลังใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบรายชื่อที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี และรู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต มีปัญหาในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามจากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้วที่ไม่ได้ทูลเกล้าฯ ชื่อของนายพิชิต แต่ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการเลือกถามบางประเด็นในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ต่อกฤษฎีกา ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบต่อการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี และเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดคุณสมบัติต่อการเป็นรัฐมนตรี


ส่วนที่มีการวิเคราะห์มีใบสั่งทางการเมืองเพื่อเตือนจากกลุ่มอำนาจเก่าว่ารัฐบาลอย่าล้ำเส้นนั้น นายสมชาย มองว่า เป็นการวิเคราะห์ที่เกินเลยไปของสื่อมวลชน แต่ สว.ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบมาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครสั่ง และต้องการเห็น กกต. และ สส.ฝ่ายค้านทำหน้าที่ เพื่อไม่ต้องให้ สว.ต้องดำเนินการเอง หรือข้อวิจารณ์ที่ สว.พยายามปิดสวิตช์นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ สว.ก็ต้องทำหน้าที่ และแม้จะต้องรอ สว.ชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ สว.ปัจจุบัน ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน ยกเว้นการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี

นายสมชาย ยังยืนยันว่า ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สว.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และมีการตรวจทานเอกสารถึง 14 ครั้ง ซึ่งหากเปรียบเป็นข้าวก็ซาวถึง 14 น้ำ เพราะ กกต. และฝ่ายค้าน ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ก็มีความพยายามจากบุคคลในรัฐบาล ติดต่อประสาน สว.อย่าร่วมลงชื่อ พร้อมปิดผนึกเอกสารลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ สว.และครอบครัวถูกคุมคามเหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เช่น โยกย้ายลูกหลาน สว.ที่เป็นข้าราชการ หรือเข้าไปตรวจสอบภาษีธุรกิจของเครือญาติ สว.


ส่วนกรณีกังวลจะถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุรับรู้ใครเป็นผู้บงการเช็กบิลตามหลังหรือไม่นั้น นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังใด ๆ และดำเนินการตามหน้าที่ เพื่อบ้านเมืองตรงไปตรงมา และต่างคนต่างทำหน้าที่ ดังนั้น รัฐบาลควรจะไปแก้ไขข้อกล่าวหา และนายทักษิณ ควรกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นนายกรัฐมนตรีเงา ก็อาจจะมีความผิดข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการครอบงำ แทรกแซงได้

นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่า สว.ได้ยื่นไปตามรูปแบบ แต่ก็เคารพมติศาลรัฐธรรมศาลธรรมนูญ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เชื่อว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แม้จะอยู่ใต้บัญชาการของนายกรัฐมนตรี แต่ก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะตามคำร้องของ สว.นั้น ก็ได้แนบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปด้วย และเชื่อว่า หากจะมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายได้ และหากศาลรัฐธรรมนูญให้ผู้ร้องไปร่วมการไต่สวนด้วย ตนเองก็มีความพร้อม และคาดว่า คดีนี้ศาลจะใช้เวลาพิจารณาราว 2 เดือน

ส่วนผลของคดีนอกจากการพ้นจากตำแหน่งแล้ว จะยังมีทางออกอื่นอีก เช่น การตักเตือนได้หรือไม่นั้น นายสมชาย มองว่า คดีดังกล่าว สามารถเทียบเคียงได้กับคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เพราะนายเศรษฐา รู้ หรือเคยรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ แต่ยังนำความขึ้นกราบบังคมทูลแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้น หากศาลวินิจฉัยว่าผิด ก็จะต้องพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี และคดีอาญา ก็อาจจะเป็นไปตามลักษณะคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์


ส่วนกรณีที่มีทนายคนหนึ่งกล่าวหา สว.มีการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น นายสมชาย ชี้แจงว่า สว.จะหารือกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ เนื่องจาก เป็นการทำลายความน่าเชื่อของ สว.ทั้งที่ทนายคนดังกล่าว ไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายแต่อย่างใด และ สว.ที่ร่วมลงชื่อก็มีวุฒิภาวะ ไม่ยินยอมให้ใครปลอมแปลงลายเซ็น นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับได้มีการปรึกษาหารือกับนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี เพราะนายวิษณุ เป็นนักกฎหมายที่เก่ง ซึ่งอาจให้คำแนะนำได้ แต่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่า จะเป็นในเรื่องคดีดังกล่าวหรือไม่.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย