กกต. 27 พ.ค.-ผู้สมัคร สว.ภาคประชาชน จี้ กกต.ต้องไม่อุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนระเบียบแนะนำตัว พร้อมออกระเบียบใหม่ที่ไม่จำกัดสิทธิ แฉพบความผิดปกติสมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มที่ชุมพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สมัคร สว.และภาคประชาชน Senate for Change นำโดย นางสาวนารากร ติยายน นพ.ไพโรจน์ สว่างตระกูล นายธีรชาติ ก่อตระกูล นางสาวชลณัฏฐ์ โกยกุล และนายทวีป วานิชย์หานนท์ ยื่นข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนระเบียบ กกต. 5 ข้อ ทำให้การแนะนำตัวจะไม่มีข้อจำกัด โดยที่ไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางภายใน 30 วัน ตามอำนาจกกต.
นางสาวนารากร กล่าวว่าขอให้กกต. ยืนยันอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุดว่าจะไม่อุทธรณ์คำเพิกถอนของศาลปกครองกลาง เพื่อให้ผู้สมัครสามารถเลือกได้ว่าสามารถแนะนำตัวได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด และให้ผู้เลือกสามารถนำตัวได้อย่างปราศจากความหวัดกลัวและเสมอภาคเท่าเทียม โดยที่กกต.มีอำนาจสั่งยกเลิกระเบียบฉบับเดิมให้สิ้นผลไปได้หรือจะออกกฎระเบียบการแนะนำตัวฉบับใหม่โดยต้องไม่จำกัดเนื้อหาในการแนะนำตัวและสิทธิในการรับรู้ของประชาชน
นางสาวนารากร ยังเรียกร้องให้กกต.ประกาศสถานที่เลือกระดับอำเภอโดยเร็ว และเป็นสถานที่ที่เป็นที่รู้จักสามารถเดินทางได้โดยสะดวก ให้ความชัดเจนแนวปฏิบัติและการเลือกจะต้องทำอย่างไรโดยผู้สมัครจะต้องทำอะไรไปบ้างและใช้เวลาในการเลือกนานเท่าไหร่ และต้องเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถสังเกตการณ์การเลือก สว.ได้ตลอดกระบวนการและเปิดให้ผู้สมัคร สว.สามารถทักท้วงกระบวนการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีกระบวนการตรวจสอบที่รวดเร็ว
ด้านนพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่าประชาชนควรมีสิทธิมีอำนาจอธิปไตยตามที่ศาลปกครองกลางกล่าวไว้ว่า เป็นอำนาจของปวงชนชาวไทยในการเข้าไปตรวจสอบหรือสังเกตการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ได้ประมาณการผู้สมัคร สว.ไว้ที่100,000 คนขึ้นไป ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 40,000 คน ในจำนวนนี้ยังมีการจัดตั้งมา ซึ่งความเป็นจริงตัวเลขจะหลงเหลืออยู่เท่าไร ยังไม่สามารถคาดเดาได้ ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ
นายธีรชาติ กล่าวว่าด้วยกฎระเบียบ และการแนะนำตัว อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้มีผู้มาสมัคร สว.น้อย ซึ่งกฎการแนะนำตัวถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถควบคุมการสื่อสารเฉพาะกลุ่ม เพราะปัจจุบันนี้มีสื่อออนไลน์ และทุกคนเป็นเจ้าของสื่อได้ และหากการเลือกครั้งนี้ไม่โปร่งใส ผลเหล่านั้นก็จะตกอยู่กับประชาชน จึงอยากให้เปิดเผยและโปร่งใส่มากที่สุด และให้ประชาชนมีสิทธิรู้จักกับผู้สมัคร สว. ขณะที่นายทวีป กล่าวว่าพบข้อมูลการสมัคร สว.กลุ่มที่ 8 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาฯ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน ที่จังหวัดชุมพร พบความผิดปกติอยู่ประมาณ 9 คน พากันมาสมัครในวันท้าย ๆ และไม่ได้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน แต่ทำอาชีพเจ้าของโฮมสเตย์ ค้าเหล็กไหล ค้าไม้ล้มลุก และ อปพร.จึงขอให้ กกต.เร่งตรวจสอบ.สำนักข่าวไทย