ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร สว.

ศาลปกครอง  24 พ.ค.-ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร สว. ของ กกต. ผู้สมัครสามารถติดประกาศแนะนำตัวออกสื่อสาธารณะให้ประชาชนรู้จักได้ ชี้เป็นการออกระเบียบไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567   ในส่วนข้อ 3  ข้อ7  ทั้งฉบับแรก และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม   ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27  เม.ย.67  ถึง  15 พ.ค.67  และข้อ 11 (2) และ (3)   โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ   ในคดีที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท ยื่นฟ้อง กกต.  และคดีที่นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพวกรวม  6 ราย ยื่นฟ้อง กกต. และ ประธาน กกต.  ร้องขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567  เนื่องจากเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้


โดยศาลให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้ สว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย    มีหน้าที่สำคัญหลายประการ และมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับใช้กับทุกคนในราชอาณาจักรไทย  ดังนั้นการทำหน้าที่ของ สว.ย่อมมีผลกระทบต่อประชาชนชาวไทย  จึงควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ  แม้ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง  สว. 2561 กำหนดให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเอง  ไม่ได้ให้ประชาชนมีสิทธิเลือก สว. แต่รัฐธรรมนูญได้มีการรับรองเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็นการพูด การเห็น การคิด การเขียน การโฆษณา การสื่อความหมายอื่นๆ การที่ กกต. ออกกระเบียบดังกล่าวด้วยการจำกัดข้อมูลประวัติและประสบการณ์ของผู้สมัคร    รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้สมัคร  สว.สามารถแนะนำตัวเฉพาะกับผู้สมัคร สว.ด้วยกันเท่านั้น  และการห้ามผู้สมัครในสายอาชีพสื่อมวลชน  และศิลปินนักแสดง  ใช้ความสามารถในวิชาชีพของตัวเองเพื่อประโยชน์ในการแนะนำนั้น  จึงเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้สมัคร สว.เกินกว่าเหตุ   และถือว่าไม่เป็นการรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล   หรือเพื่อรักษาศีลธรรมอันดีของประชาชน ระเบียบนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ  

ส่วนระเบียบข้อ 11 (5) ที่กำหนดห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี   หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึง การให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน นั้น ศาลเห็นว่า ระเบียบข้อนี้เป็นการห้ามเฉพาะผู้สมัคร  สว. ไม่ได้เป็นการห้ามสื่อมวลชน จึงไม่อาจมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อในการนำเสนอข่าวสารแต่อย่างใด 


จึงพิพากษาให้เพิกถอนระเบียบ  กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567    ในส่วนข้อ 3  ข้อ7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม  ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27  เม.ย.67  ถึง  15 พ.ค.67     และข้อ 11 (2) และ (3)  โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ 

นายชล คีรีกูณฑ์   ทนายความของนายพนัส ทัศนียานนท์ กล่าวว่า   วันนี้ศาลปกครองยืนยันชัดว่าสมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยไม่ว่าจะบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญก็ตาม เพราะว่า สว. มีอำนาจในการพิจารณากฏหมายต่างๆ   รวมถึงเลือกผู้แทนขององค์กรอิสระ หน้าที่จึงกระทบกับประชาชนทุกคน ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลของ สว.    จึงเป็นเรื่องของการเพิกถอนข้อกำหนดข้อ  3 ที่เป็นเรื่องของการเเนะนำตัวจะเกิดขึ้นได้กับ สว.ด้วยกันเท่านั้น   เป็นเรื่องไม่ชอบด้วกฎหมาย รวมถึงข้อกำหนดข้อ 7  ทั้งฉบับเก่าเเละใหม่ ซึ่งเป็นการจำกัดเสรีภาพเเสดงความคิดเห็น การเขียนโฆษณาในรูปเเบบต่างๆ   

ในส่วนข้อ  8 ศาลเพิกถอนเฉพาะฉบับเก่าเพราะฉบับใหม่อนุญาตให้เผยเเพร่ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เเล้ว  จึงชอบด้วยกฎหมาย  ในส่วนข้อ 11 ซึ่งเป็นเรื่องของการเพิกถอนเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของสื่อมวลชนที่อาจจะให้ประโยชน์เเก่ตนเอง     เนื่องจากศาลมองว่า ในโลกความเป็นจริงไม่เฉพาะกลุ่มอาชีพสื่อมวลชนเท่านั้น    กลุ่มอาชีพอื่นๆ ก็มีอิทธิพลเเละเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้  ส่วนเรื่องการโปรยใบปลิว ศาลก็มองว่าบางคนเข้าถึงสื่อโซเชียลไม่ได้  ก็สามารถใช้โปรยใบปลิวเเทนได้ เป็นเรื่องความเท่าเทียม  เเต่ในเรื่องการสัมภาษณ์สื่อมวลชน ศาลยังมองมาตรการที่จำเป็น   เพราะผู้สมัครบางคนอาจจะมีอิทธิพลสามารถเข้าถึงสื่อได้มากกว่าผู้สมัครอื่น    


ทั้งนี้ ถ้า กกต. อุทธรณ์  กกต. ต้องคิดเรื่องนี้ด้วยว่าสุดท้ายแล้วเราอาจจะต้องเลือกตั้ง สว. ใหม่หรือไม่   หรือเราจะทำอย่างไรกันต่อ   

เมื่อถามว่าเป็นความรับผิดชอบของ กกต.ทางกฎหมายหรือไม่ อาจจะไม่ใช่แต่ถ้าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม กกต. ต้องรับผิดชอบเต็มๆ   เราไม่ได้ต้องการล้มการเลือกตั้ง เราต้องการเเค่เรื่องระเบียบกระบวนการในการเเนะนำตัว.-314 ภาพ พีรบูรณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ฮอกกี้ไทย

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพจีน

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพ “จีน” เย็นนี้ หลังเดินทางถึงนครฮาร์บิน ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9

ระเบิดปัตตานี

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 จ.ปัตตานี ตำรวจเจ็บ 4 นาย

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านเผยเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติทุกวัน คาดคนร้ายเฝ้าสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่อง

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง