ย้ำความร่วมมือของเอเชียบนเวที Nikkei Forum

ญี่ปุ่น 24 พ.ค- นายกฯ เน้นย้ำความร่วมมือกันของเอเชียบนเวที Nikkei Forum สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนญี่ปุ่น เสนอ 3 แนวทางแก้ไขความท้าทาย มุ่งมั่นส่งเสริมการค้า-การลงทุน การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และดิจิทัล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พ.ค.) เวลาประมาณ 09.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง ณ โรงแรม Imperial กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 (the 29th Nikkei Forum Future of Asia) พร้อมกล่าวปาฐกถาภายใต้หัวข้อ “Asian Leadership in an Uncertain World” (การเป็นผู้นำของเอเชียในบริบทโลกที่มี ความผันผวน)

นายกรัฐมนตรี ยินดีกับการร่วมประชุม Nikkei Forum Future of Asia เป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยเดือนธันวาคมปีที่แล้วได้มาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น กำหนดเป็นทิศทางการทำงานในอนาคตร่วมกัน บนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเป็นหุ้นส่วนแบบใจถึงใจ “Heart-to-heart” กับญี่ปุ่นพันธมิตรที่เก่าแก่


ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายครั้งใหญ่ ตั้งแต่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ผลกระทบของโควิด-19 แต่มองว่าเป็นโอกาสสำหรับภูมิภาคที่จะมีบทบาท พร้อมนำเสนอความท้าทายเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือ 3 ประการ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยความท้าทายแรก ภูมิภาคเอเชียเปรียบเสมือนจุดสมดุล ในการดำเนินความร่วมมือกันเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ทั้งจากสถานการณ์ในเมียนมา ไต้หวัน หรือทะเลจีนใต้ ตลอดจนความความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง ซึ่งไทยสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ ในเมียนมาและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา และพันธมิตรอื่นๆ รวมถึงยกระดับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับชาวเมียนมาตามแนว ชายแดนของไทย สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า เอเชียสามารถเป็นผู้นำผ่านความพยายามร่วมกันและเสียงที่เป็นเอกภาพ เพราะเมื่อรวมกันแล้ว เสียงของเราจะดังที่สุด

สำหรับความท้าทายที่สอง มีหลายคนกล่าวว่าความร่วมมือพหุภาคีและโลกาภิวัฒน์กำลังลดลง มหาอำนาจแข่งขันกันเอง ซึ่งมองเห็นโอกาส ฟื้นคืนจิตวิญญาณของความร่วมมือ และโอกาส เสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค และระหว่างภูมิภาคที่เปิดกว้างและมองไปยังโลกภายนอก ซึ่งประเทศในเอเชียควรร่วมมือกันและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

ส่วนความท้าทายที่สาม โลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Internet of Things AI เทคโนโลยีทางการเงิน ควอนตัมคอมพิวเตอร์ บล็อกเชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวข้ามขอบเขต ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบด้วย ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์หรือ ความเสียหาย ต้องเตรียมคนให้พร้อม ต้องสร้างสมดุล ทั้งส่งเสริมการศึกษาในระบบ เพิ่มทักษะความรู้ด้านดิจิทัล รวมถึงออกกฎหมายและกฎระเบียบที่ส่งเสริมนวัตกรรม


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเสริมสร้างความยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับความท้าทายภายในเอเชีย ที่จะต้องอยู่ร่วมกัน และแสดงบทบาทนำในเวทีโลกต่อไป  ซึ่งภูมิภาคเอเชียเป็นผู้ผลิตและครัวของโลก มีความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีประชากรมากกว่า 4.78 พันล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก  โดยนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอถึงประเด็นความร่วมมือเร่งด่วน 3 ประการ คือการค้าและการลงทุน ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นรากฐานของสันติภาพและเสถียรภาพ ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางสังคมและมนุษย์ การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงส่งผลสำคัญ ทำให้ประชาชนสามารถเติบโตได้ โดยในอนาคต ภูมิภาคเอเชียควรส่งเสริมระบบการค้าแบบพหุภาคีร่วมกับ WTO พร้อมส่งเสริมสภาพแวดล้อมการค้าและการลงทุนที่เสรี เปิดกว้าง ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ โปร่งใส และครอบคลุมต่อไป ภูมิภาคเอเชียเดินทางมาไกลผ่านความร่วมมือทาง เศรษฐกิจระดับภูมิภาค เช่น RCEP ซึ่งสร้างขึ้นจากความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน+1 ที่มีอยู่กับพันธมิตร ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น ทำให้เกิดเป็น FTA ขนาดใหญ่ที่สุด และมี GDP รวมคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรโลก อย่างไรก็ดี ศักยภาพ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเอเชียที่สามารถเติบโตได้มากขึ้น โดยเชื่อว่าการเจรจา FTA ควรมีความสำคัญสูงสุด ต้องใช้เขตการค้าเสรีเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และตลาดสินค้าที่หลากหลาย ปัจจุบันไทยได้ลงนาม FTA 15 ฉบับกับ 19 ประเทศ โดยล่าสุดกับศรีลังกา และอีก 7 ความตกลงที่อยู่ระหว่างดำเนินการ รวมถึง EU และ EFTA ด้วย

ขณะเดียวกัน ไทยได้แสดงเจตจำนงร่วมเป็นสมาชิก OECD พร้อมขอบคุณญี่ปุ่นสำหรับการสนับสนุน และแสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่าง OECD กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนและยกระดับมาตรฐาน มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างระบบนิเวศในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกเพื่อรักษาและดึงดูดนักลงทุน

นายกรัฐมนตรี ยังนำเสนอการเปลี่ยนผ่านสีเขียว การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เป็นความรับผิดชอบของทุกคน โดยสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ที่บ้าน  ซึ่งในความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับแรกของประเทศไทยจะมีผลบังคับใช้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อดูแลการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศโดยรวมของประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะภาคพลังงานและการขนส่ง โดยไทยยินดีรับการลงทุนเพิ่มเติมในด้านไฮโดรเจนสีเขียว และเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึง การขยายตลาดคาร์บอนเครดิต ขณะที่ด้านการขนส่ง รัฐบาลกำลังเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางคมนาคมแห่งอนาคต และสร้างอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่ครอบคลุม โดยเป้าหมายแรกคือ การเพิ่มการผลิต EV ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ 30% ภายใน ปี ค.ศ. 2030 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) ของญี่ปุ่นในช่วงของการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยไทยให้ความสำคัญกับญี่ปุ่น และนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญมายาวนาน ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความร่วมมือของอาเซียน ในการใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศในอาเซียนอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Power Grid) ที่จะช่วย เพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค โดยประเทศไทยมีแนวทางจะเพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 50% ภายในปี ค.ศ. 2040 ภาคเอกชน และสถาบันการเงินเป็นส่วนสำคัญ สำหรับการสร้างระบบนิเวศ และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพลังงานสะอาดนี้ โดยควรจัดให้มีสิทธิประโยชน์ ทั้งด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษีให้เหมาะสม ซึ่งการเงินที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นแรงผลักดันหลักได้ โดยประเทศไทยได้ออกตราสารหนี้สีเขียว (Green bonds) ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2021 และจะมีการออกตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเพิ่มเติมในปีนี้ ซึ่งมีมูลค่า ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยินดีต้อนรับนักลงทุนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนภูมิภาคไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

ประการที่สาม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โลกที่เชื่อมต่อกันทางดิจิทัล ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อทางเศรษฐกิจดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังสร้างสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งใน ชีวิตประจำวัน โดยประเทศไทย ประชาชนที่มีความสนใจทางดิจิทัลได้เริ่มเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนผ่านนี้แล้ว โดยเป็นผลสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ระบบการชำระเงิน ผ่านคิวอาร์โค้ดขยายตัวรวดเร็ว แอปพลิเคชันส่ง อาหาร และการซื้อของออนไลน์ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยปัจจุบันระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนของไทยเชื่อมโยงกับหลายประเทศแล้ว ส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมถึงญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคน ไทย

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา CEO ของ Microsoft ประกาศแผนการลงทุนสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลและ AI ผ่าน Data Center ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย พร้อมด้วยโครงการอื่น ๆ ที่จะพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรรุ่น ใหม่ที่มีความสามารถด้านดิจิทัล และบุคลากรด้านเทคโนโลยีทั่วทั้งอาเซียน โดยถือเป็นการพัฒนาที่ล้ำหน้า และสำคัญต่ออุตสาหกรรมดิจิทัลที่มี เทคโนโลยีขั้นสูงและคลาวด์ที่กำลังเติบโต สิ่งนี้จะช่วยให้ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพมหาศาลทางเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ อาเซียนอยู่ระหว่างการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Framework Agreement: DEFA) ซึ่งหากเสร็จสิ้นจะกลายเป็นข้อตกลงระดับภูมิภาคฉบับแรกของโลก โดยคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ของภูมิภาคเป็นสองเท่า หรือ 2 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2030

“เชื่อมั่นว่า ทั้งสามประการข้างต้นจะนำภูมิภาคเอเชียเข้าใกล้โลกที่ปรารถนาที่จะเห็นมากยิ่งขึ้น โดยแต่ละประเทศต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน เพราะไม่มีใครสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้โดยลำพัง เวทีการประชุมอย่าง Nikkei Forum นี้ จึงควรประสานความร่วมมือ โดยนำภาครัฐและเอกชนมาหารือร่วมกันแบ่งปันความคิด แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และบทเรียนร่วมกัน เพราะทุกคนที่อยู่ในชุมชนธุรกิจเหล่านี้ล้วนอยู่เบื้องหลังการเติบโตของเอเชียอย่างแท้จริง”

นายกรัฐมนตรี กล่าว ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า เอเชียจะต้องรักษาบทบาทนำร่วมกัน เพื่อจุดประกายการเติบโต และฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจกันในระบบโลก ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแกร่งในยุค Asian Century ขณะนี้ถึงเวลาสู่การปฏิบัติ พร้อมขอให้มั่นใจว่าไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ไทยจะยืนเคียงข้างญี่ปุ่น.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : “คลิปเสียง” อาวุธทางการเมืองในกัมพูชา

กัมพูชา 19 มิ.ย. – กรณีคลิปเสียงที่นายฮุน เซน เปิดเผยออกมา หลายท่านคงสงสัยว่า เขาเคยใช้วิธีนี้กับใครอีกหรือไม่ รายงาน 9 ทันโลก วันนี้ พาไปติดตามการปล่อยคลิปเสียงในฐานะเครื่องมือทางการเมืองในกัมพูชา. – สำนักข่าวไทย

รทสช.มอบหมาย “พีระพันธุ์” นำมติพรรคคุยนายกฯ ก่อน

รทสช. 19 มิ.ย.- “รวมไทยสร้างชาติ” ยังไม่เผยมติพรรค มอบหมาย “พีระพันธุ์” นำมติคุยนายกฯ ก่อน หลังมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองเกือบ 2 ชม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล นายชื่นชอบ คงอุดม นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร เข้าร่วมประชุม ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย ติดภารกิจ ส่วนนายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วม ซึ่งทั้งนายเกรียงยศ และนายเกชา อยู่กลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค จากนั้นเวลา 19.00 น. นายพีรพันธุ์ เดินทางออกจากพรรค […]

มทภ.2 ลั่นทหารยังเป็นเสาหลักไม่เปลี่ยน มุ่งป้องกันประเทศทุกวิถีทาง

นครราชสีมา 19 มิ.ย. – ท่วมท้น! กำลังใจหลั่งไหลสู่ “พล.ท.บุญสิน” และทหารชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณ ลั่นทหารยังเป็นเสาหลักไม่เปลี่ยนแปลง มุ่งมั่นป้องกันประเทศชาติทุกวิถีทาง ขอให้ประชาชนไว้วางใจ ช่วงบ่ายวันนี้ (19 มิ.ย.68) ที่สโมสรร่วมเริงไชย กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา สถานศึกษาและบริษัทเอกชน นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมามอบให้กับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และส่งต่อธารน้ำใจไปยังทหารที่ประจำอยู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ นักเรียนจากโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย และโรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ ยังนำข้อความจากใจของนักเรียนที่เขียนให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 มามอบให้ด้วย ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณ และบอกว่าจะรีบนำสิ่งของไปมอบให้โดยเร็ว พร้อมยืนยันว่า กองทัพภาคที่ 2 ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฝ่ายบริหารก็แก้ปัญหาทางการเมือง ส่วนความมั่นคงของชาติ ทั้ง 3 เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งมั่นป้องกันประเทศชาติทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เสียดินแดน ขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจ สิ่งที่ตนพูดไปแล้วก็ตามนั้น. – สำนักข่าวไทย

“ชาติไทยพัฒนา” ยังไม่ถอนตัวร่วมรัฐบาล มองเป็นการสนทนา “อา-หลาน”

พรรคชาติ​ไทย​พัฒนา​ 19​ มิ.ย.-“วราวุธ” ประกาศชัด “ชาติไทยพัฒนา” ยังไม่ถอนตัว บอกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รัฐบาลต้องมีความมั่นคงทางอธิปไตย มองคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่าง “อา-หลาน” แต่ไม่รู้เจตนาคนปล่อย ขอคุยนายกฯ ก่อนเสนอที่ประชุมพรรคเคาะอีกครั้ง นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา​ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับ สส.​ของพรรค และประธานคณะกรรมการดำเนินงานของพรรค เกือบ 2 ชั่วโมง ว่า จากการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อคิดและข้อเสนอที่หลากหลาย แต่ทุกคนลงความเห็นในทางเดียวกันว่าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้และการตัดสินใจที่ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เนื่องจากเหตุเพิ่งเกิดเมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทำให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นตอนนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเชื่อว่าอธิปไตยของประเทศและความมั่นคงของประเทศคือสิ่งสำคัญที่สุดและไม่ควรตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง พรรคและสมาชิกพรรคจึงเห็นว่าควรสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงให้รัฐบาลทำให้เกิดความมั่นคงในอธิปไตยของประเทศ และได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคเป็นตัวแทนไปพูดคุยหารือกับนายกรัฐมนตรีในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและมีแนวทางอย่างไร หากได้ข้อมูลเพิ่มเติมและครบถ้วนแล้วจะนำมาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคต่อไป นายวราวุธ ยืนยันชัดเจนว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะยังไม่ถอนตัวจากรัฐบาล เพราะความเข้มแข็งของรัฐบาลที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับอธิปไตย เราได้ยินคลิปการพูดคุยสนทนา แต่ไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ในการปล่อยคลิปเสียงดังกล่าว แน่นอนในโลกโซเชียลอาจจะบอกว่าชัดขนาดนี้แล้วจะคิดอะไรอยู่อีก แต่การตัดสินใจทำงานในรัฐบาล และความมั่นคงของประเทศเราเอามาเสี่ยงไม่ได้การทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรรคชาติไทยพัฒนามองว่าเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อถามว่าจะให้รัฐบาลมากน้อยแค่ไหนนั้น นายวราวุธ กล่าวว่าทุกพรรคคงอยากจะหาทางออกให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุดเพราะความมั่นคงของประเทศไม่ควรตกอยู่ในความจำเสื่อม เชื่อว่าจะมีการพูดคุยกันโดยเร็ว เมื่อถามว่าการจับมือกับนายกฯ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ นายวรวุธ กล่าวว่า […]