กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลชื่นชม จนท.ทุกฝ่ายร่วมบูรณาการลุยปราบยาเสพติดรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปลอดภัย
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการทบทวนกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษ และวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีมติแก้กฎกระทรวง ให้ผู้ที่เสพ หรือครอบครองยาบ้า 1 เม็ดก็มีความผิด พร้อมทั้งออกแนวคิดนโยบาย “1 ผู้เสพ ขยายผล 1 ผู้ขาย และขยายต่อเป็น 1 ผู้ผลิต” เพื่อนำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์ผู้ผลิต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ตระหนักถึงปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยาบ้าที่เป็นยาเสพติดหลักที่แพร่ระบาดในไทยที่มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 80 ของการใช้ยาเสพติดในประเทศ ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสังคมเป็นมูลค่ามากมายมหาศาล รวมถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตของผู้เสพ ผู้ติดยาบ้า และครอบครัว คนใกล้ชิดชุมชน
น.ส.เกณิกา กล่าวว่า รัฐบาลขอชื่นชมการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมยาเสพติด ซึ่งล่าสุด กกล.สุรศักดิ์มนตรี โดยทหารพรานที่ 2110 ทพ.21 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ตรวจยึดยาบ้า ที่ลักลอบข้ามโขง จ.หนองคาย 333,800 เม็ด รวมถึงการกวาดล้างยาบ้า 6,000,000 เม็ดที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการเป็นการบูรณาการร่วมกันหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 )และ พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผบ.กกล.ผาเมือง พ.อ.ณฑี ทิมเสน ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 บก.ปส.3 รวมถึงเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
“รัฐบาลขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ช่วยกันดำเนินภารกิจที่สำคัญนี้อย่างเข้มแข็ง และขอกำชับทุกฝ่ายให้เดินหน้ากวาดล้างและปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมมา นำมาซึ่งความปลอดภัยและความสงบสุขของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่าจะสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย ไม่ต้องหวาดระแวง หรือเดือดร้อนรำคาญจากการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ซึ่งรัฐบาลจะบูรณาการการทำงานระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างไร้รอยต่อ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเข้มแข็งต่อไป” น.ส.เกณิกา ระบุ.-316.-สำนักข่าวไทย