นายกฯ เผยการลงทุนหลักแสนล้านต้องใช้เวลา

อิตาลี 21 พ.ค.-นายกฯ สรุปภาพรวมภารกิจอิตาลี เข้าใจคนเร่งหวังผล แต่การลงทุนหลักแสนล้านต้องใช้เวลา ยันไม่นานเท่าสร้างกรุงโรม ย้ำหลายอย่างเกิดขึ้นแล้ว

(21 พ.ค.67) เวลา 11.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังได้หาคือกับบริษัทบริษัท บาริลลา ฟราเตลลี (Barilla G.e.R. Fratelli S.p.A.) และบริษัท Eni (เอนี่) เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (20 พ.ค.67) ว่า บริษัท บาริลลา ฟราเตลลี เป็นบริษัททำเส้นพาสต้า ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี และต้องการขยายการลงทุนไปที่ประเทศไทย แทนที่จะขายแค่เส้นพาสต้าหรือว่าอาหารสำเร็จรูป โดยบริษัทดังกล่าวมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ดี มีทักษะที่เหมาะสม โดย BOI ก็ให้การสนับสนุน อยากจะให้นำสิ่งเหล่านี้เป็นฐานการผลิต และกระจายไปยังประเทศในอาเซียน ตนจึงได้แนะนำบริษัทดังกล่าวไปว่าหากไม่เกี่ยวกับหมู ก็อยากให้มาตั้งโรงงานที่ไทยเพื่อผลิตสินค้าฮาลาล ซึ่งบริษัท Barilla ก็ให้ความสนใจพร้อมกับให้คำแนะนำว่าอาหารฮาลาลมีตลาดใหญ่อยู่ที่ทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่สามารถมารองรับได้ โดยจะต้องหาพาร์ทเนอร์ให้กับทางบริษัท ที่พยายามคุยอยู่ 2-3 บริษัท และเร่งหาโดยเร็ว เพื่อจะได้มาซื้อวัสดุของไทย


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้พูดคุยกับผู้บริหาร บริษัท Eni (เอนี่) ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมเคมีที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่ง ซึ่งได้ทำการค้าขายกับ ประเทศไทยอยู่แล้ว กับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และมีการซื้อก๊าซจากบริษัทนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการขุดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่ง หากประเทศไทยแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA)ได้ บริษัทดังกล่าวก็สนใจที่จะเข้าร่วมการลงทุน และเข้ามามีส่วนร่วมในการขุดเจาะหาก๊าซธรรมชาติ และความตั้งใจของตนเองก็อยากให้บริษัท Eni มาตั้งบริษัทที่ไทยด้วยเช่นเดียวกับบริษัท Barilla ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี นอกจากนี้จะมีการจัดทำเรื่องน้ำมันเครื่องบินที่ทำจาก Biofil ด้วย ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็อยากจะมาตั้งโรงงานแต่อยู่ในช่วงระหว่างจัดทำข้อมูล หากมีความคุ้มค่า และเหมาะสมก็จะมาตั้งโรงงานที่ไทย

ส่วนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เข้าหารือกับผู้บริหารบริษัท Bvlgari ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้มาฝึกงานที่นี่เป็นเวลา2 ปี ระหว่างปี 2010-2011 รัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับงานฝีมือจึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ที่มีความชำนาญ ให้คนไทยได้มีส่วนร่วม และเข้ามาฝึกงานที่นี่ เพราะประเทศไทยก็มีอุตสาหกรรมอัญมณีที่มีชื่อเสียง และบริษัท Bvlgari เองก็ได้ซื้อหินที่มีค่า เช่น พลอยจากประเทศไทย และมีตัวแทนตัวแทนจำหน่ายที่เป็นคนไทย


นอกจากนี้เป็นปีที่ครบรอบ 140 ปีและจะมีการออกโชว์ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเข้าใจว่าคนไทยถูกเชิญมาร่วมงานหลายคน

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังพูดถึงภาพรวมการเดินทางมาเยือนสาธารณรัฐอิตาลีและพบปะกับนักธุรกิจหลายบริษัทว่า หลายสิ่งที่จะได้กลับไปประเทศไทยก็คือเรื่อง การแลกเปลี่ยน และการลงทุนข้ามชาติจากทั้งสองฝ่าย เพราะอิตาลีมีความชำนาญเรื่องการออกแบบการดีไซน์ และแฟชั่นต่าง ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้ายันเครื่องเพชร ซึ่งเป็นสินค้าไฮเอนด์ ที่มีความชำนาญมาก ประเทศไทยก็อยากจะมีการแลกเปลี่ยนในเรื่องนี้ อุตสาหกรรมการออกแบบก็ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ แต่เราไม่สามารถยกระดับให้มีมูลค่าสูงเทียบเท่าเขาได้ อย่างเช่นสินค้าของ Bvlgari เพียงหนึ่งชิ้น ซึ่งชิ้นเดียวมีมูลค่า 40 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงมาก เพราะมีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอนตั้งแต่ การเลือกวัตถุดิบและการเจียระไน

ในขณะที่เรื่องการค้าขายข้ามชาติ เช่นเรื่องอุตสาหกรรมด้านกลาโหม ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์เยอะมาก และจะต้องไปหารือกับนายกรัฐมนตรีของอิตาลีในรูปแบบ Four eyes ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของการทหาร พลังงานอาหาร การออกแบบ และดีไซน์


ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียอมรับว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอเพราะมีสำนวนสุภาษิตที่ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่ในใจก็ไม่ได้อยากให้นานเท่ากับการสร้างกรุงโรม และในหลายเรื่องที่รัฐบาลไปติดต่อพูดคุยก็มีความคิดที่อยากจะให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งหลายเรื่องได้ทำต่อจากรัฐบาลที่แล้วมา และรัฐบาลนี้ก็เข้ามาสานต่อซึ่งหลายเรื่องเราอาจจะทำได้ทันที แต่อีกหลายเรื่องก็ต้องรอเวลาบ้าง เพราะการลงทุนหนึ่งครั้ง หลักหมื่นล้าน แสนล้านก็ต้องดูให้รอบครอบในหลายๆ เรื่องหลายๆ มิติ เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็จะผลักดันอย่างเต็มที่และมีการพูดคุยกับทีมงานว่าหลังจากนี้จะต้องติดตามงาน ซึ่งเรื่องการลงทุนต้องใช้เวลา ในขณะที่หลายเรื่องก็เริ่มเห็นแล้ว เช่น Microsoft ที่ประกาศว่าจะเข้ามาลงทุน

โดยเข้าใจว่ามีเสียงที่แสดงความเป็นห่วงว่าจะสามารถทำได้รวดเร็วขนาดไหน แต่สิ่งที่ตนได้เตรียมมาได้ทำทุกอย่างครบหมดแล้ว แต่เรื่องของผลลัพธ์ เราก็มีความทะเยอทะยาน ที่อยากจะได้เยอะ เพราะหลายๆ บริษัทที่จะเข้ามาลงทุนก็บอกว่าขอดูจำนวน และความคุ้มค่าก่อน จึงได้แนะนำไปว่าให้มาสร้างสำนักงานในไทยก่อน จะเป็นไข่ก่อนไก่หรือไก่ก่อนไข่ หากนำคนมานั่งทำงานในประเทศไทยได้ ก็อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตามเรื่องการต่อรอง นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]