นัดฟังคำพิพากษาคดีเพิกถอนระเบียบเลือกสว.ศุกร์นี้

ศาลปกครอง 21 พ.ค.-ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอองค์คณะเพิกถอน  5  ปัญหา ระเบียบแนะนำตัว สว. ชี้ไม่สอดคล้องสังคม เลือกปฏิบัติ จำกัดสิทธิเสรีภาพเกินเหตุ นัดฟังคำพิพากษา 24 พ.ค.นี้


ศาลปกครองกลางออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท และนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพวก ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนระเบียบกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.)​ 2567 โดยตุลาการเจ้าของสำนวนได้อ่านสรุปข้อเท็จจริง​ที่ได้จากการไต่สวนให้คู่กรณีฟัง ซึ่งคู่กรณีไม่ประสงค์แถลงปิดคดี จากนั้นองค์คณะได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะ แถลงความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยขององค์คณะ

โดยตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่า คดีพิพาทนี้อยู่ในอำนาจที่ศาลปกครองจะพิจารณาวินิจฉัย และผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประสงค์จะลงสมัครสว. จึงเป็นผู้ที่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีได้ ส่วนระเบียบกกต.ที่ผู้ฟ้องคดีขอให้เพิกถอนประกอบด้วยข้อ 5,7,8,11 (2)(5) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ข้อ 5 ที่กำหนดว่าให้ผู้ประสงค์ที่จะสมัครรับเลือกเป็น สว.สามารถแนะนำตัวตามระเบียบนี้ได้ นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เห็นว่า พ.ร.ป.​ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.มาตรา 36 ซึ่งเป็นฐานอำนาจที่กกต.ใช้ออกระเบียบดังกล่าว ไม่ได้ให้อำนาจกกต. ออกระเบียบมาบังคับใช้กับผู้ที่ประสงค์จะลงสมัคร ถ้าบังคับจะต้องกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง การออกระเบียบข้อดังกล่าว จึงเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด


ข้อ 7 ที่กำหนดให้ผู้สมัครใช้เอกสารแนะนำตัวมีขนาดไม่เกิน A4 ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว รูปถ่ายผู้สมัคร​ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน​ หรือประสบการณ์การทำงานในกลุ่มที่ลงสมัครเท่านั้นไม่เกิน 2 หน้า เห็นว่าการแนะนำตัวของผู้สมัคร นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้สมัคร ยังจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่จะได้ผู้ที่มาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย การที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 21 กำหนดห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร โดยกำหนดให้ภายใน 5 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการรับสมัคร ให้ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ถึงแยกเป็นรายกลุ่ม ทุกกลุ่มในเขตอำเภอ อย่างน้อยต้องระบุอาชีพ อายุผู้สมัคร เพื่อให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป แต่ประชาชนจะทราบเพียงอาชีพและข้อความแนะนำตัวผู้สมัครเท่านั้น โดยเป็นประวัติการศึกษา การทำงานไม่เกิน 5 บรรทัดบนกระดาษ​ขนาด A4 เท่านั้น แม้จะมีความเสมอภาค ไม่เพิ่มภาระเกินสมควรแก่เหตุ แต่การที่ผู้สมัครไม่รู้จักกัน การกำหนดใช้เอกสารไม่เกิน 2 หน้า ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เป็นการตัดโอกาสการแนะนำตัวของผู้สมัคร และประชาชนที่จะทราบข้อมูล จึงเห็นว่าระเบียบข้อ 7 โดยเฉพาะข้อความว่า  “ไม่เกิน 2 หน้าและในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น”  ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ข้อ 8 ที่ให้ผู้สมัครแนะนำตัวผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครตามข้อ 7 และเผยแพร่ต่อผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าข้อความในข้อ 7 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้เพิกถอนข้อความตามข้อ 7 ในข้อ 8 ส่วนข้อ 11 (2) ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน​สื่อโฆษณา นักร้องพิธีกรใช้ความสามารถหรือวิชาชีพดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อการแนะนำตัวนั้น เห็นว่าผู้สมัครในกลุ่มอื่นอาจจะใช้วิชาชีพของตนในการเอื้อประโยชน์ให้ได้รับเลือก สว.ได้ การที่กกต.ออกระเบียบจำกัดเฉพาะ 2 กลุ่มนี้ จึงไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ของความเท่าเทียม และเป็นการจำกัดสิทธิ​เสรีภาพ​เกินกว่าเหตุ เป็นการเลือกปฏิบัติ 

สำหรับข้อ 11 (3) ที่ห้ามผู้สมัครแจกเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำตัวโดยวิธีการวาง โปรยหรือติดประกาศในที่สาธารณะ เห็นว่าการที่กกต.กำหนดวิธีการแนะนำตัว ให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์    โดยประชาชนสามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่ได้กำหนดวิธีการแนะนำตัวอื่น เช่น การติดป้ายหรือวางเอกสาร ทำให้ผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครที่ไม่มีความพร้อมที่จะแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์ สามารถดำเนินการโดยวิธีการ​อื่นได้ การกำหนดของกกต. จึงเป็นการสร้างภาระเกินพอสมควรให้กับผู้สมัคร    ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมเป็นการเลือกปฏิบัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อ 11 (5)​ ที่ห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุ โทรทัศน์​ วิทยุกระจายเสียง   สื่อสิ่งพิมพ์และห้ามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้น เห็น​ว่า​ข้อกำหนดดังกล่าวบังคับใช้กับผู้สมัครทุกกลุ่มอาชีพ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว


ตุลาการผู้แถลงคดี จึงเห็นว่าองค์คณะควรพิจารณาสั่งเพิกถอนระเบียบดังกล่าวในข้อ 5, 7 เฉพาะข้อความที่ระบุว่า “ในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น และไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับแรก และข้อความที่ระบุว่า “ไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบฉบับที่ 2” ข้อ  8 ข้อ  11 (2) (3) โดยนับแต่ระเบียบดังกล่าว​มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งคู่กรณีว่าองค์คณะจะประชุมพิจารณาและจัดทำคำพิพากษา โดยนัดคู่กรณีฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 พ.ค.เวลา 13.00 น.-314.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัวลูกเรือไทย

4 ลูกเรือประมงไทยได้รับการปล่อยตัวแล้ว

4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวเอาไว้ ในฐานความผิดเข้าไปทำประมงรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้รับการปล่อยตัวกลับถึงไทยแล้วที่จังหวัดระนอง ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวที่มารอรับ

ส่องความเสียหายแผ่นดินไหวเขย่าภาคเหนือ

แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของแผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เขย่าหลายจังหวัดทางภาคเหนือ แม้จะผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่หลายคนยังไม่หายจากความหวาดกลัว และทำให้เห็นความเสียหายในหลายพื้นที่ชัดเจนขึ้น

ช่วยตึกถล่ม

เกาะติดภารกิจช่วยเหลือผู้ติดค้างตึกถล่ม

เกาะติดภารกิจช่วยเหลือผู้ติดค้างภายในอาคาร สตง. ที่พังถล่มลงมาระหว่างการก่อสร้าง ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ยืนยันยังพบสัญญาณชีพผู้รอดชีวิต

ในหลวงทรงรับคนไข้

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะนายกรัฐมนตรีเยี่ยมผู้บาดเจ็บ แพทย์แจงอาการดีขึ้นแล้ว