สาธารณรัฐอิตาลี 19 พ.ค.-นายกฯ เผยผลเยี่ยมชมสนามแข่ง F1 มั่นใจไทยพร้อมสร้างสนามแข่ง – เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน เร็วสุดปี 2027 เล็งใช้พื้นที่ใกล้อู่ตะเภาเชื่อสร้างรายได้มหาศาล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเยี่ยมชม สนามแข่งรถ Autodromo Enzo e Dino Ferrari (ออโตโดรโม่ เอ็นโซ่ อีดีโน่ เฟอร์รารี่) ที่เมืองโบโลญญา และพบกับผู้บริหารสนาม ซึ่งเป็นสนามที่เป็นประวัติศาสตร์ ว่า รัฐบาลไทยต้องการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวให้มีการแข่งขันกีฬาระดับโลก ซึ่งฟอร์มูลา 1 (F1) ใน 1 ปี จะมีการแข่งขันกว่า 20 สนามตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ไม่เคยจัดที่ไทย รัฐบาลจึงต้องการให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริหารบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และ นายกวิณ กาจนพาสน์ กรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด ที่เป็นผู้ได้รับการทำสัมปทานสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีที่ดินอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก ร่วมคณะมาด้วย หากได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งขัน จะใช้ที่ดินบริเวณอู่ตะเภา
“รัฐบาลให้ความมั่นใจว่าไทยมีความพร้อมสร้างสนามแข่งขันอย่างเร็วที่สุด ในปี 2027 หรืออย่างช้าที่สุดปี 2028 โดยมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อย่างเช่น เมื่อครั้งที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ก็มีบริษัทปีโตนาส เป็นผู้สนับสนุน เชื่อว่าทั้งผู้จัดและเราก็มีความต้องการให้จัดการแข่งขัน มั่นใจว่าภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีข่าวดี” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มั่นใจว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะได้รับการตอบรับจากผู้จัดเป็นอย่างดี และมีทีม RedBull และนักแข่งที่เป็นคนไทย ก็อยากจะเห็นสนามการแข่งขันในประเทศไทย ทั้งนี้ นอกจากจะมีการแข่งขันF1 แล้ว จะได้มีการจัดการแข่งขัน F2 ซึ่งเป็นลีกรองลงมาอีกด้วย ซึ่งจัดการแข่งขัน 3 วันเช่นเดียวกัน รวมถึงนักแข่งประเภทเยาวชนด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ประเมินว่าหากจัดการแข่งขันในไทยแล้วจะมีรายได้เข้าประเทศมากน้อยเพียงใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ แต่จากที่สังเกตเห็นในสนามตั๋วเข้าชมระดับวีไอพี ต่อคนราคาประมาณ 5,000-8,000 เหรียญสหรัฐ และยังมีรายได้จากช่องทางอื่น ทั้งผู้สนับสนุนหรือการเปิดบูธขายอาหาร
“ในมุมของเศรษฐกิจ ยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ทำให้เกิดการใช้จ่าย ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดกิจกรรมเสริมในช่วงเวลานั้นได้อีก รวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวได้หลายจังหวัด และเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกในทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล แต่ขณะนี้ยังมีรายละเอียดเชิงลึกที่จะต้องหารือกันอีก” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย