อิตาลี 19 พ.ค.-“จิราพร” ติดตามภารกิจนายกฯ เยือนต่างประเทศครั้งแรก ชมนายกฯ จับประเด็นได้ไว ทำหน้าที่บนโต๊ะเจรจาได้ดี เชื่อมั่นนำไทยกลับเข้าสู่จอเรดาร์โลก พร้อมร่วมมือด้านแฟชั่น นำผ้าไทยเสนอตลาดโลก
(18 พ.ค.67) เวลา 14.00 น. (เวลาท้องถิ่นเมืองปาร์มา ประเทศอิตาลี ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถือเป็นการติดตามนายกรัฐมนตรีเดินทางมาต่างประเทศครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากเปลี่ยนบทบาทจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
โดยเป็นโอกาสดีของประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขยายโอกาส ดึงการค้าการลงทุนของต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย การมาครั้งนี้ได้เห็นการทำงานของนายกฯ เห็นการเจรจาระหว่างผู้นำไทย-ฝรั่งเศส และการเจรจาระหว่างผู้นำกับแบรนด์ระดับโลก เป็นการตอกย้ำว่า การเดินทางมาต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทยที่ห่างหายจากจอเรดาร์ของโลกมานาน
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า การเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นโอกาสในการสื่อสารการดำเนินนโยบายของรัฐบาลให้แต่ละประเทศ และแต่ละบริษัทเข้าใจ เพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุน ถือเป็นการสร้างโอกาสสำหรับประชาชนคนไทยทุกคน จากการส่งออกสินค้าไทย สามารถสร้างงานสร้างอาชีพในประเทศไทย ดังนั้น การนำเสนอการดำเนินนโยบาย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ถือว่าสื่อมวลชนเป็นส่วนสำคัญในการนำเสนอความตั้งใจของนายกฯ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจการมาเยือนต่างประเทศ
ขณะที่การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เห็นสไตล์การทำงานของนายกฯ ซึ่งท่านเป็นคนเข้าใจเนื้อหา จับประเด็นได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาทำความเข้าใจในเวลาสั้นเพียง 2-3 นาที เมื่ออยู่บนโต๊ะเจรจาสามารถพูดถึงเนื้อหาได้เลย และต่อยอดการเจรจาได้อย่างทันท่วงที สามารถพูดคุยได้อย่างราบรื่น
ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างการหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ จนนำไปสู่การหารือแบบสองต่อสอง หรือ four eyes ทำให้บรรยากาศการพูดคุยกันเพื่อเจริญความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เป็นไปอย่างดีมาก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจจะส่งเสริมผ้าไทยให้ไประดับโลก จึงได้นำผ้าขาวม้ามาออกแบบและตัดเย็บด้วยฝีมือช่างไทย เพื่อใส่ร่วมทริปนี้ จะเห็นว่าเป็นสูทที่ใช้ได้ในหลายโอกาส โดยประเทศอิตาลี ถือเป็นผู้นำด้านแฟชั่น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะต่อยอดความร่วมมือด้านองค์ความรู้แฟชั่น โดยเฉพาะการผลักดันให้ดีไซเนอร์ที่มีศักยภาพของไทยได้มีโอกาสมาเรียนรู้กับบริษัทระดับโลกในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย OFOS : One Family One Soft Power สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับทุกครอบครัว.-315.-สำนักข่าวไทย