“เอกนัฏ” ยันรวมไทยสร้างชาติ รักกันไม่แตกแยก

เพชรบุรี 12 พ.ค. – “เอกนัฏ” ยัน รวมไทยสร้างชาติ รักกันไม่แตกแยก พร้อมสนับสนุน “พีระพันธุ์” ล้านเปอร์เซ็นต์ โยนหัวหน้าพรรคคุยนายกฯ ปมโควตารัฐมนตรี พร้อมพิจารณาคนที่เหมาะสม ไม่รู้ข่าว “กฤษฎา” จ่อลาออกสมาชิก


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการสัมมนาพรรค สส.ว่า ตามปกติพรรครวมไทยสรัางชาติจะจัดสัมมนา เมื่อมีการปิดสมัยประชุมสภาฯ ทุกครั้ง เที่ยวนี้ปิดสมัยประชุมสภาฯ ชนกับข่วงสงกรานต์ และมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี จึงเลื่อนมาเป็นช่วงเวลานี้ บังเอิญกับที่เราเป็นเจ้าภาพ ครม.สัญจร จังหวัดเพชรบุรี เพราะมี สส.รวมไทยสร้างชาติ 2 คน เป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกันภายใน

ประเด็นสำคัญของการสัมมนาจะเป็นภารกิจของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แนวทางการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนให้กับพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยกับ สส.เพื่อให้ประชาสัมพันธ์


ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ว่างลง จากการที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออก จะไม่มีการหารือในที่ประชุมวันนี้ เพราะไม่ใช่การประชุม สส.แต่เป็นการสัมมนาที่มีการกำหนดไว้มาเป็นเดือนแล้ว เรื่องตำแหน่งต้องเริ่มต้นที่หัวหน้าพรรคไปคุยกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าโควตานี้ยังเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้กำหนดเงื่อนไขร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรกว่า จะต้องดูกระทรวงใด แต่เราประกาศว่าจะไม่เอามาตรา 112 และแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะให้ความไว้วางใจ ให้กระทรวงใดมารับผิดชอบ แต่ไม่ว่ากระทรวงใด เราทำหน้าที่เต็มที่ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นรัฐมนตรี ก็มีบทบาทสำคัญทำภารกิจหลายเรื่อง หลายปัญหาที่หมักหมมมานาน ได้สะสางโดยทันที

ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็หาคนได้แต่ต้องมีความรู้ หากรัฐบาลในภาพรวมลงตัว เราก็พร้อมจัดคนที่เหมาะสม อยู่ที่ประสบการณ์ และคุณสมบัติ ไม่ได้มีการแบ่งเป็นโควตาภาคหรือจังหวัด เราพิจารณาคนให้เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. เพราะนายกฤษฎา ก็ไม่ได้เป็น สส. แต่เราเห็นว่านายกฤษฎามีความเหมาะสม


ทั้งนี้อยู่ที่นายกฯ จะหยิบยื่นตำแหน่งให้ ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ไม่เหมือนกัน เพราะตำแหน่งนดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องหาคนที่เหมาะสม แต่รัฐมนตรีช่วยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้น ในการปรับ ครม.โควตาพรรครวมไทยสร้างชาตินิ่งแล้ว เราหาคนที่เหมาะสมอย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นผู้มีความเหมาะสม มีผลงานโดดเด่นชัดเจน จากการที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมาก่อน

พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีปัญหา บรรยากาศในพรรคไม่มีความแตกแยก ส่วนภาพที่ออกมาว่านายสุชาติ และตนเองแท็กทีมกัน ทุกคนแท็กทีมกันอยู่แล้ว ”มีพีระพันธุ์ต้องมีเอกนัฏ มีเอกนัฏต้องมีพีระพันธุ์“ เราทำงานเหมือนคน ๆ เดียวกัน แต่แบ่งหน้าที่กันทำ หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างกระแสให้กับพรรค

ตนเองเป็นเลขาธิการพรรค เป็นเหมือนแม่บ้านในการดูแลเอาใจใส่ สส.ภายในพรรค ทำให้ทุกคนมีความสามัคคีกลมเกลียวในการทำงาน ทุกคนทราบว่าพรรครวมไทยสร้างชาติสร้างตัวจากนักการเมืองหลายพรรค แต่วันนี้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนายสุชาติ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตนเองก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนจับมือกันทำเพื่อพรรคและส่วนรวม

นายเอกนัฏ ยืนยันว่าตลอดระยะเวลาของรัฐบาลนี้ นายพีระพันธุ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค ตนเองซัพพอร์ทให้ร้อยและล้านเปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้ตั้งตนเอง แต่ได้รับเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่ เรื่องคณะกรรมการบริหารพรรคเปลี่ยนได้ตามที่ประชุมใหญ่พรรค เพราะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค

ส่วนข่าวที่ว่านายกฤษฎา จะลาออกจากสมาชิกพรรคนั้น ยังไม่ทราบ เราทำพรรคมาก็มีคนที่มาร่วมลงแรงทำงานให้กับพรรค นายกฤษฎา มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่หลายคนเมื่อหมดภารกิจก็อาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ หรือบอร์ดธนาคารมีสิทธิที่จะลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อไปดำรงตำแหน่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม และองค์กรอื่น เนื่องจากกฎระเบียบกติกามีข้อจำกัดหลายที่ต้องเป็นกลาง ยกตัวอย่างนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ลาออกไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ส่วนจะไปอยู่ที่ไหน เป็นสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ได้พูดคุยให้กำลังใจกับนายกฤษฎา เพราะตนเองเสียดาย ท่านมีประสบการณ์ทำงานในกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งนโยบายการเงินการคลัง

กระทรวงการคลังต้องมีบุคคลที่มีประสบการณ์ เคยว่าราชการ เคยคุมกรมมาเกือบทุกกรม จึงถือเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล ไม่ว่าจะกี่ท่านที่ออกจากพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ก็พูดคุยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีโดยตลอด มีโอกาสทำงานเพื่อส่วนรวมก็พร้อมทำงานร่วมกันอีก ไม่ต้องอยู่ในสถานะทางการเมือง หรือลงเลือกตั้งด้วยกัน เพราะการเมืองอาจไม่ตรงรสนิยมของทุกคนเสมอไป

“ยืนยันว่าเดินหน้าทำพรรครวมไทยสร้างชาติต่อ ไม่มีปัญหาอะไร ต้องให้ความยุติธรรมกับเราบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ภายในพรรคทุกคนสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหารักใคร่กัน พร้อมขับเคลื่อนเดินหน้าไปกับกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย .-317-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ