“เอกนัฏ” ยันรวมไทยสร้างชาติ รักกันไม่แตกแยก

เพชรบุรี 12 พ.ค. – “เอกนัฏ” ยัน รวมไทยสร้างชาติ รักกันไม่แตกแยก พร้อมสนับสนุน “พีระพันธุ์” ล้านเปอร์เซ็นต์ โยนหัวหน้าพรรคคุยนายกฯ ปมโควตารัฐมนตรี พร้อมพิจารณาคนที่เหมาะสม ไม่รู้ข่าว “กฤษฎา” จ่อลาออกสมาชิก


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการสัมมนาพรรค สส.ว่า ตามปกติพรรครวมไทยสรัางชาติจะจัดสัมมนา เมื่อมีการปิดสมัยประชุมสภาฯ ทุกครั้ง เที่ยวนี้ปิดสมัยประชุมสภาฯ ชนกับข่วงสงกรานต์ และมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี จึงเลื่อนมาเป็นช่วงเวลานี้ บังเอิญกับที่เราเป็นเจ้าภาพ ครม.สัญจร จังหวัดเพชรบุรี เพราะมี สส.รวมไทยสร้างชาติ 2 คน เป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกันภายใน

ประเด็นสำคัญของการสัมมนาจะเป็นภารกิจของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แนวทางการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนให้กับพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยกับ สส.เพื่อให้ประชาสัมพันธ์


ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ว่างลง จากการที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออก จะไม่มีการหารือในที่ประชุมวันนี้ เพราะไม่ใช่การประชุม สส.แต่เป็นการสัมมนาที่มีการกำหนดไว้มาเป็นเดือนแล้ว เรื่องตำแหน่งต้องเริ่มต้นที่หัวหน้าพรรคไปคุยกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าโควตานี้ยังเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้กำหนดเงื่อนไขร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรกว่า จะต้องดูกระทรวงใด แต่เราประกาศว่าจะไม่เอามาตรา 112 และแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะให้ความไว้วางใจ ให้กระทรวงใดมารับผิดชอบ แต่ไม่ว่ากระทรวงใด เราทำหน้าที่เต็มที่ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นรัฐมนตรี ก็มีบทบาทสำคัญทำภารกิจหลายเรื่อง หลายปัญหาที่หมักหมมมานาน ได้สะสางโดยทันที

ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็หาคนได้แต่ต้องมีความรู้ หากรัฐบาลในภาพรวมลงตัว เราก็พร้อมจัดคนที่เหมาะสม อยู่ที่ประสบการณ์ และคุณสมบัติ ไม่ได้มีการแบ่งเป็นโควตาภาคหรือจังหวัด เราพิจารณาคนให้เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. เพราะนายกฤษฎา ก็ไม่ได้เป็น สส. แต่เราเห็นว่านายกฤษฎามีความเหมาะสม


ทั้งนี้อยู่ที่นายกฯ จะหยิบยื่นตำแหน่งให้ ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ไม่เหมือนกัน เพราะตำแหน่งนดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องหาคนที่เหมาะสม แต่รัฐมนตรีช่วยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้น ในการปรับ ครม.โควตาพรรครวมไทยสร้างชาตินิ่งแล้ว เราหาคนที่เหมาะสมอย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นผู้มีความเหมาะสม มีผลงานโดดเด่นชัดเจน จากการที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมาก่อน

พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีปัญหา บรรยากาศในพรรคไม่มีความแตกแยก ส่วนภาพที่ออกมาว่านายสุชาติ และตนเองแท็กทีมกัน ทุกคนแท็กทีมกันอยู่แล้ว ”มีพีระพันธุ์ต้องมีเอกนัฏ มีเอกนัฏต้องมีพีระพันธุ์“ เราทำงานเหมือนคน ๆ เดียวกัน แต่แบ่งหน้าที่กันทำ หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างกระแสให้กับพรรค

ตนเองเป็นเลขาธิการพรรค เป็นเหมือนแม่บ้านในการดูแลเอาใจใส่ สส.ภายในพรรค ทำให้ทุกคนมีความสามัคคีกลมเกลียวในการทำงาน ทุกคนทราบว่าพรรครวมไทยสร้างชาติสร้างตัวจากนักการเมืองหลายพรรค แต่วันนี้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนายสุชาติ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตนเองก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนจับมือกันทำเพื่อพรรคและส่วนรวม

นายเอกนัฏ ยืนยันว่าตลอดระยะเวลาของรัฐบาลนี้ นายพีระพันธุ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค ตนเองซัพพอร์ทให้ร้อยและล้านเปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้ตั้งตนเอง แต่ได้รับเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่ เรื่องคณะกรรมการบริหารพรรคเปลี่ยนได้ตามที่ประชุมใหญ่พรรค เพราะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค

ส่วนข่าวที่ว่านายกฤษฎา จะลาออกจากสมาชิกพรรคนั้น ยังไม่ทราบ เราทำพรรคมาก็มีคนที่มาร่วมลงแรงทำงานให้กับพรรค นายกฤษฎา มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่หลายคนเมื่อหมดภารกิจก็อาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ หรือบอร์ดธนาคารมีสิทธิที่จะลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อไปดำรงตำแหน่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม และองค์กรอื่น เนื่องจากกฎระเบียบกติกามีข้อจำกัดหลายที่ต้องเป็นกลาง ยกตัวอย่างนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ลาออกไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ส่วนจะไปอยู่ที่ไหน เป็นสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ได้พูดคุยให้กำลังใจกับนายกฤษฎา เพราะตนเองเสียดาย ท่านมีประสบการณ์ทำงานในกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งนโยบายการเงินการคลัง

กระทรวงการคลังต้องมีบุคคลที่มีประสบการณ์ เคยว่าราชการ เคยคุมกรมมาเกือบทุกกรม จึงถือเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล ไม่ว่าจะกี่ท่านที่ออกจากพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ก็พูดคุยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีโดยตลอด มีโอกาสทำงานเพื่อส่วนรวมก็พร้อมทำงานร่วมกันอีก ไม่ต้องอยู่ในสถานะทางการเมือง หรือลงเลือกตั้งด้วยกัน เพราะการเมืองอาจไม่ตรงรสนิยมของทุกคนเสมอไป

“ยืนยันว่าเดินหน้าทำพรรครวมไทยสร้างชาติต่อ ไม่มีปัญหาอะไร ต้องให้ความยุติธรรมกับเราบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ภายในพรรคทุกคนสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหารักใคร่กัน พร้อมขับเคลื่อนเดินหน้าไปกับกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย .-317-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]