โฆษกรัฐบาล ลั่นข้าว 10 ปีไม่เน่าแน่นอน ฟาดนักวิจารณ์อย่าด้อยค่า

กาญจนบุรี 11 พ.ค.-“ชัย” โฆษกรัฐบาล ฟาดนักวิจารณ์อย่าด้อยค่าข้าว 10 ปี วอนนำผลตรวจสอบที่เป็นทางการมายืนยันดีกว่าการใช้วาทกรรมลวงโลกข้าวเน่าผ่านโซเชียล ชี้มีขบวนการทำลายกันทางการเมือง กลัวความจริงปรากฏ หลังขายข้าวไปก่อนหน้านี้ราคาถูก แต่รัฐบาลนี้ขายได้กิโลละ 15 บาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีที่มีผลวิจัยออกมาว่าข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่า ว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้ว่าจ้างให้ทีดีอาร์ไอ ทำการวิจัยตรวจคุณภาพข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ เมื่อปี 2548 หลังสีเป็นข้าวสารแล้ว ข้าวเก็บไว้ 3 ปี 4 เดือน พบว่ามีการเสื่อมเรื่องราคา และคุณภาพ 2.71 เปอร์เซ็นต์ และเสื่อมปริมาณ 0.72 เปอร์เซ็นต์ เสียหายรวม 3.43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในรายงานหน้าที่ 26 ย่อหน้าสุดท้ายของทีดีอาร์ไอ ในรายการหน้าต่อไปจึงให้แนวทางว่า ข้าวที่เก็บไว้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็นศูนย์ หากอายุไม่เกิน 2 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ และหาก 3 ปีให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ อายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไปให้ค่าเสื่อมเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่ายุคที่มีการจำนำข้าว เมื่อตรวจว่าบัญชีขาดทุนเท่าไหร่ โดยนับจากสตอก เมื่อปี 2546 มีข้าวล๊อตนั้น 6 ล้านตัน อายุ 1 ปี คณะกรรมการบัญชีฯ เข้าไปตัดค่าเสื่อม จาก 14,600 บาทต่อตัน เหลือ 12,030 บาทต่อตัน ตัดลงไป 4,000 กว่าบาทภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งไม่มีที่ไหนทำ โดยที่ ป.ป.ช.ในยุคนั้น ยึดถือรายงานของทีดีอาร์ไอเป็นหลักในการเอาผิด แต่เวลามีการตัดค่าเสื่อมข้าว ผิดไปจากหลักวิชาการโดยสิ้นเชิง ไม่มีการออกมารับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นการที่บอกว่าข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่าหรือไม่ ต้องบอกว่าผิดจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลักวิชาการที่ไหนบอก และข้าวในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เก็บไว้มีอายุนานมากๆเป็น 10 ปี ก็มีนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หากจะเอาไปกิน ไม่ใช่ว่าเอาไปอีกแล้วจะกินทันที ผู้ประมูลจะมีการปรับปรุงคุณภาพข้าว


สำหรับกรณีที่หลายคนบอกว่าข้าวแบบนี้กินไม่ได้นั้น นายชัย ชี้แจงว่า คนเรามีฐานะกำลังซื้อไม่เหมือนกัน รสนิยมไม่เหมือนกัน คนที่มีฐานะอาจไม่กินข้าวแบบนี้ จะเลือกกินข้าวที่ใหม่และสดกว่า แต่คนกว่า 7 พันล้านคนในโลกนี้ เลือกกินข้าวแบบนี้ก็มีมาก และพ่อค้าข้าวก็มีตลาดแบบนี้อยู่ในมือ

“ฉะนั้นวาทกรรมที่บอกว่า ข้าว 3 ปี เป็นข้าวเน่า ขอเรียนว่าเป็นวาทกรรมที่มุ่งหวังจะด้อยค่า” นายชัย กล่าว


เมื่อถามว่า 10 ปีคุณค่าของข้าวยังรับประทานได้หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า 10 ปี คุณภาพของข้าวย่อมไม่เท่ากับข้าวใหม่ 1-2 ปี คุณค่าก็ยอมลดไปตามส่วน แต่ไม่ใช่ข้าวเน่าแน่นอน ข้าวทุกเม็ดที่อยู่ในโกดังถือเป็นสมบัติของประเทศ เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน ถ้ายังมีราคาอยู่ สามารถผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ และสามารถขายออกไปให้ตลาดที่เขาพร้อมจะบริโภค ซึ่งมีข่าวว่าพ่อค้าที่เป็น 1 ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ไปร่วมพิสูจน์ที่จังหวัดสุรินทร์ ยินดีจะซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งปีที่แล้วบริษัทดังกล่าว ส่งออกไป 5 แสนตัน โดยพร้อมที่จะเหมาข้าวของเรา แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องเปิดให้ประมูล

เมื่อถามว่าหากเอาไปแล้ว ไปเจือปนกับข้าวใหม่ สารก่อมะเร็งที่ตรวจพบจะมีผลต่อคนกินหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า เรื่องสารตกค้างที่เป็นข่าวออกมาในโซเชียลไม่มีการยืนยัน ว่าที่เป็นหลอดทดสอบ เป็นข้าวที่มาจากโกดังที่จังหวัดสุรินทร์หรือไม่ และการตรวจที่ไม่ชัดเจน ว่าตัวอย่างข้าวนั้นเป็นข้าวจากที่ไหน ไม่รู้ ไม่มีการแจ้ง ตรวจแล้วเจอในระดับเท่าไหร่ ที่บอกว่าพอสซิทิฟน่าจะ 20 พีพีบี คือไม่ได้ตรวจจริง สารอะฟลาท็อปซินที่ปลอดภัยคือไม่เกิน 20 พีพีบี ซึ่งการจะบอกว่าการรมควัน ไม่ได้รมควันทุกวัน ที่บอกว่าข้าวล็อตนี้เก็บมา 10 ปี รมควันไป 20 ครั้ง เฉลี่ยเท่ากับ 6 เดือนต่อครั้ง โดยปกติการรมควันแค่เดือนเดียว สารก็ละเหยไปหมดแล้ว

สารที่นำมาใช้ก็ต้องผ่านองค์การอาหารและยาว่าสารเหล่านี้มีความปลอดภัย ข่าวแบบนี้ทำให้ประชาชนที่รับข่าวสารเกิดความตกใจเพราะไม่รู้ข้อมูลดังกล่าว ยืนยันว่าไม่จริง ผิดไปจากหลักและวิชาการ แต่กลับใช้จินตนาการ


เมื่อถามว่า รองศาสดาจารย์ดอกเตอร์ วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบตัวอย่างข้าวดังกล่าว จากจังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีสารก่อมะเร็งที่อันตราย ในระดับ 20 พีพีบี รัฐบาลรับได้หรือไม่ หากตรวจรับพบจริงตามที่อาจารย์อ๊อดเปิดเผยมา นายชัย กล่าวว่า รัฐบาลรับได้ แต่ขอเพียงว่าใช่แน่หรือไม่ ไม่ใช่เอาข้าวที่อื่นแล้วมาอุปโลกว่าเป็นข้าวที่จังหวัดสุรินทร์ ที่สำคัญต้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจ ซึ่งอธิบดี ออกมายืนยันแล้ว ว่ายังไม่มีใครนำข้าวมาตรวจอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ข้าวดังกล่าวเอามาได้อย่างไร ก็ไม่ใช่อยู่ๆจะเดินไปแล้วหยิบเอาข้าวดังกล่าวออกมาได้เลย ซึ่งต้องมีกระบวนการ และตรวจเจอเท่าไหร่ตรวจด้วยวิธีการไหน จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยยืนยันว่าใช่ข้าวล็อตนี้หรือไม่ และในโซเชียลก็ไม่ได้บอกว่าไปตรวจสอบที่แล็บไหน ผู้ตรวจสอบเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือหรือไม่ อยากจะขอรายงานที่เป็นทางการมายืนยันกับรัฐบาลด้วย อย่างไรก็ตามตนยังไม่เห็น สิ่งที่อาจารย์อ๊อดตรวจสอบ เป็นแค่การพูดต่อๆกันมา ฉะนั้นจึงอยากให้อาจารย์อ๊อดนำของจริงออกมา เปิดเผยให้เป็นเรื่องราว คลิปที่ปล่อยทางโซเชียลถือว่าคลุมเครือ ทำไมไม่ทำให้ชัดเจน

เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ส่งข้าวให้หน่วยงาน ภาครัฐที่น่าเชื่อถือตรวจสอบแล้วหรือยัง นายชัย กล่าวว่า อยู่ระหว่างขั้นตอน ทั้งนี้ข้าวล็อตนี้เราต้องการจะเปิดประมูล ตามขั้นตอน หากใครสนใจที่จะประมูลก็มาดู และนำตัวอย่างไปปรับปรุงคุณภาพ ว่าสามารถส่งออก หรือไปทำอะไรได้ และสามารถมาขอตัวอย่างไปได้ และถ้าใครต้องการจะซื้อจริงๆ และขอให้รัฐบาลตรวจสอบ เราก็พร้อมที่จะตรวจสอบให้

“แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่ นำตัวอย่างข้าวมาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใช้จินตนาการเอา หากข้าวล็อตนี้ไม่ได้เน่าจริง ยังบริโภคได้ แม้คุณภาพจะไม่เท่าเดิม ลดลงบ้าง แต่มันก็ขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท และกินได้ ผลที่ออกมาจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า คนที่โจมตีเรื่องข้าวเน่าตลอดในประวัติศาสตร์ 10 ปีที่ผ่านมา สังคมก็คิดว่าข้าวเน่าหมด มันจะเริ่มหางโผล่ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกโจมตีมาตลอด 10 ปี ขอฝากสื่อมวลชนช่วยไปสอบว่าก่อนหน้านี้วาทกรรมข้าวเน่า มีผลทำให้ข้าวอายุ 2-3 ปีถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ ถ้าข้าวชุด 10 ปีขายในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมได้ และข้าว 2-3 ปีขายได้ในราคา 8-10 บาท ต้องลองไปขุดคุ้ยกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” นายชัยกล่าว

เมื่อถามว่าแสดงมองว่าเป็นการนำการเมืองมาครอบเรื่องข้าวใช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ในทางกลับกันมีคนกล่าวหาว่าเป็นการฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล ตนจึงคิดว่าการพยายามออกมาด้อยค่าข้าวชุดนี้ เป็นการพยามกลบเกลื่อนลวงโลก หลอกลวง คนมา 10 ปีหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้ระบายข้าวชุดนี้สำเร็จหรือไม่ ขัดขวางเพื่ออะไร เพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า คนที่เคยร่วมอยู่ในขบวนการนั้นอาจจะกลัวความจริงปรากฏ ทั้งนี้เนื่องจากสังคมอยากรู้ความจริง จะมีความขอความร่วมมือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบ ที่ผ่านมายืนยันว่า ข้าวที่ผ่านมา 25 ล้านตัน 250 ล้านกระสอบ ถูกขายไปแล้วมากกว่า 240 ล้านกระสอบ ไม่เคยมีปัญหาแม้แต่ครั้งเดียว แล้วที่ผ่านมาข้าวเกิน 10 ปีก็มีคนซื้อ ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่าเป็นข้าวเน่า อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดจะฟ้องนักวิชาการหรือสื่อที่ออกมา ทำให้เรื่องข้าว 10 ปีของรัฐบาลเกิดความเสียหาย แต่ขอให้ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดีกว่า

นายชัย ยังกล่าวว่า ตนไม่กลัวเพราะพูดความจริง รัฐบาลแถลงตามข้อเท็จจริง แต่ก็มีคนมโนสร้างเรื่อง เพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไป และมีออฟชั่นว่า สร้างเงื่อนไขข้าวเน่าขายให้คนบริโภคเห็นแก่เงินหรือเปล่า มีเชื้อราสร้างข้อโต้แย้งทุกอย่าง ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่พยายามกลบเกลื่อนคำโกหก คำโกง มาตลอด 10 ปี และเห็นว่าเป็นการสร้างวาทกรรมทำลายกันในทางการเมือง และเปิดช่องให้ พรรคพวกได้ข้าวมาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ขอสื่อช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบตรงนี้ด้วย.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”