โฆษกรัฐบาล ลั่นข้าว 10 ปีไม่เน่าแน่นอน ฟาดนักวิจารณ์อย่าด้อยค่า

กาญจนบุรี 11 พ.ค.-“ชัย” โฆษกรัฐบาล ฟาดนักวิจารณ์อย่าด้อยค่าข้าว 10 ปี วอนนำผลตรวจสอบที่เป็นทางการมายืนยันดีกว่าการใช้วาทกรรมลวงโลกข้าวเน่าผ่านโซเชียล ชี้มีขบวนการทำลายกันทางการเมือง กลัวความจริงปรากฏ หลังขายข้าวไปก่อนหน้านี้ราคาถูก แต่รัฐบาลนี้ขายได้กิโลละ 15 บาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีที่มีผลวิจัยออกมาว่าข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่า ว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้ว่าจ้างให้ทีดีอาร์ไอ ทำการวิจัยตรวจคุณภาพข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ เมื่อปี 2548 หลังสีเป็นข้าวสารแล้ว ข้าวเก็บไว้ 3 ปี 4 เดือน พบว่ามีการเสื่อมเรื่องราคา และคุณภาพ 2.71 เปอร์เซ็นต์ และเสื่อมปริมาณ 0.72 เปอร์เซ็นต์ เสียหายรวม 3.43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในรายงานหน้าที่ 26 ย่อหน้าสุดท้ายของทีดีอาร์ไอ ในรายการหน้าต่อไปจึงให้แนวทางว่า ข้าวที่เก็บไว้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็นศูนย์ หากอายุไม่เกิน 2 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ และหาก 3 ปีให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ อายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไปให้ค่าเสื่อมเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่ายุคที่มีการจำนำข้าว เมื่อตรวจว่าบัญชีขาดทุนเท่าไหร่ โดยนับจากสตอก เมื่อปี 2546 มีข้าวล๊อตนั้น 6 ล้านตัน อายุ 1 ปี คณะกรรมการบัญชีฯ เข้าไปตัดค่าเสื่อม จาก 14,600 บาทต่อตัน เหลือ 12,030 บาทต่อตัน ตัดลงไป 4,000 กว่าบาทภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งไม่มีที่ไหนทำ โดยที่ ป.ป.ช.ในยุคนั้น ยึดถือรายงานของทีดีอาร์ไอเป็นหลักในการเอาผิด แต่เวลามีการตัดค่าเสื่อมข้าว ผิดไปจากหลักวิชาการโดยสิ้นเชิง ไม่มีการออกมารับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นการที่บอกว่าข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่าหรือไม่ ต้องบอกว่าผิดจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลักวิชาการที่ไหนบอก และข้าวในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เก็บไว้มีอายุนานมากๆเป็น 10 ปี ก็มีนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หากจะเอาไปกิน ไม่ใช่ว่าเอาไปอีกแล้วจะกินทันที ผู้ประมูลจะมีการปรับปรุงคุณภาพข้าว


สำหรับกรณีที่หลายคนบอกว่าข้าวแบบนี้กินไม่ได้นั้น นายชัย ชี้แจงว่า คนเรามีฐานะกำลังซื้อไม่เหมือนกัน รสนิยมไม่เหมือนกัน คนที่มีฐานะอาจไม่กินข้าวแบบนี้ จะเลือกกินข้าวที่ใหม่และสดกว่า แต่คนกว่า 7 พันล้านคนในโลกนี้ เลือกกินข้าวแบบนี้ก็มีมาก และพ่อค้าข้าวก็มีตลาดแบบนี้อยู่ในมือ

“ฉะนั้นวาทกรรมที่บอกว่า ข้าว 3 ปี เป็นข้าวเน่า ขอเรียนว่าเป็นวาทกรรมที่มุ่งหวังจะด้อยค่า” นายชัย กล่าว


เมื่อถามว่า 10 ปีคุณค่าของข้าวยังรับประทานได้หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า 10 ปี คุณภาพของข้าวย่อมไม่เท่ากับข้าวใหม่ 1-2 ปี คุณค่าก็ยอมลดไปตามส่วน แต่ไม่ใช่ข้าวเน่าแน่นอน ข้าวทุกเม็ดที่อยู่ในโกดังถือเป็นสมบัติของประเทศ เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน ถ้ายังมีราคาอยู่ สามารถผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ และสามารถขายออกไปให้ตลาดที่เขาพร้อมจะบริโภค ซึ่งมีข่าวว่าพ่อค้าที่เป็น 1 ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ไปร่วมพิสูจน์ที่จังหวัดสุรินทร์ ยินดีจะซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งปีที่แล้วบริษัทดังกล่าว ส่งออกไป 5 แสนตัน โดยพร้อมที่จะเหมาข้าวของเรา แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องเปิดให้ประมูล

เมื่อถามว่าหากเอาไปแล้ว ไปเจือปนกับข้าวใหม่ สารก่อมะเร็งที่ตรวจพบจะมีผลต่อคนกินหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า เรื่องสารตกค้างที่เป็นข่าวออกมาในโซเชียลไม่มีการยืนยัน ว่าที่เป็นหลอดทดสอบ เป็นข้าวที่มาจากโกดังที่จังหวัดสุรินทร์หรือไม่ และการตรวจที่ไม่ชัดเจน ว่าตัวอย่างข้าวนั้นเป็นข้าวจากที่ไหน ไม่รู้ ไม่มีการแจ้ง ตรวจแล้วเจอในระดับเท่าไหร่ ที่บอกว่าพอสซิทิฟน่าจะ 20 พีพีบี คือไม่ได้ตรวจจริง สารอะฟลาท็อปซินที่ปลอดภัยคือไม่เกิน 20 พีพีบี ซึ่งการจะบอกว่าการรมควัน ไม่ได้รมควันทุกวัน ที่บอกว่าข้าวล็อตนี้เก็บมา 10 ปี รมควันไป 20 ครั้ง เฉลี่ยเท่ากับ 6 เดือนต่อครั้ง โดยปกติการรมควันแค่เดือนเดียว สารก็ละเหยไปหมดแล้ว

สารที่นำมาใช้ก็ต้องผ่านองค์การอาหารและยาว่าสารเหล่านี้มีความปลอดภัย ข่าวแบบนี้ทำให้ประชาชนที่รับข่าวสารเกิดความตกใจเพราะไม่รู้ข้อมูลดังกล่าว ยืนยันว่าไม่จริง ผิดไปจากหลักและวิชาการ แต่กลับใช้จินตนาการ


เมื่อถามว่า รองศาสดาจารย์ดอกเตอร์ วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบตัวอย่างข้าวดังกล่าว จากจังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีสารก่อมะเร็งที่อันตราย ในระดับ 20 พีพีบี รัฐบาลรับได้หรือไม่ หากตรวจรับพบจริงตามที่อาจารย์อ๊อดเปิดเผยมา นายชัย กล่าวว่า รัฐบาลรับได้ แต่ขอเพียงว่าใช่แน่หรือไม่ ไม่ใช่เอาข้าวที่อื่นแล้วมาอุปโลกว่าเป็นข้าวที่จังหวัดสุรินทร์ ที่สำคัญต้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจ ซึ่งอธิบดี ออกมายืนยันแล้ว ว่ายังไม่มีใครนำข้าวมาตรวจอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ข้าวดังกล่าวเอามาได้อย่างไร ก็ไม่ใช่อยู่ๆจะเดินไปแล้วหยิบเอาข้าวดังกล่าวออกมาได้เลย ซึ่งต้องมีกระบวนการ และตรวจเจอเท่าไหร่ตรวจด้วยวิธีการไหน จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยยืนยันว่าใช่ข้าวล็อตนี้หรือไม่ และในโซเชียลก็ไม่ได้บอกว่าไปตรวจสอบที่แล็บไหน ผู้ตรวจสอบเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือหรือไม่ อยากจะขอรายงานที่เป็นทางการมายืนยันกับรัฐบาลด้วย อย่างไรก็ตามตนยังไม่เห็น สิ่งที่อาจารย์อ๊อดตรวจสอบ เป็นแค่การพูดต่อๆกันมา ฉะนั้นจึงอยากให้อาจารย์อ๊อดนำของจริงออกมา เปิดเผยให้เป็นเรื่องราว คลิปที่ปล่อยทางโซเชียลถือว่าคลุมเครือ ทำไมไม่ทำให้ชัดเจน

เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ส่งข้าวให้หน่วยงาน ภาครัฐที่น่าเชื่อถือตรวจสอบแล้วหรือยัง นายชัย กล่าวว่า อยู่ระหว่างขั้นตอน ทั้งนี้ข้าวล็อตนี้เราต้องการจะเปิดประมูล ตามขั้นตอน หากใครสนใจที่จะประมูลก็มาดู และนำตัวอย่างไปปรับปรุงคุณภาพ ว่าสามารถส่งออก หรือไปทำอะไรได้ และสามารถมาขอตัวอย่างไปได้ และถ้าใครต้องการจะซื้อจริงๆ และขอให้รัฐบาลตรวจสอบ เราก็พร้อมที่จะตรวจสอบให้

“แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่ นำตัวอย่างข้าวมาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใช้จินตนาการเอา หากข้าวล็อตนี้ไม่ได้เน่าจริง ยังบริโภคได้ แม้คุณภาพจะไม่เท่าเดิม ลดลงบ้าง แต่มันก็ขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท และกินได้ ผลที่ออกมาจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า คนที่โจมตีเรื่องข้าวเน่าตลอดในประวัติศาสตร์ 10 ปีที่ผ่านมา สังคมก็คิดว่าข้าวเน่าหมด มันจะเริ่มหางโผล่ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกโจมตีมาตลอด 10 ปี ขอฝากสื่อมวลชนช่วยไปสอบว่าก่อนหน้านี้วาทกรรมข้าวเน่า มีผลทำให้ข้าวอายุ 2-3 ปีถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ ถ้าข้าวชุด 10 ปีขายในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมได้ และข้าว 2-3 ปีขายได้ในราคา 8-10 บาท ต้องลองไปขุดคุ้ยกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” นายชัยกล่าว

เมื่อถามว่าแสดงมองว่าเป็นการนำการเมืองมาครอบเรื่องข้าวใช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ในทางกลับกันมีคนกล่าวหาว่าเป็นการฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล ตนจึงคิดว่าการพยายามออกมาด้อยค่าข้าวชุดนี้ เป็นการพยามกลบเกลื่อนลวงโลก หลอกลวง คนมา 10 ปีหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้ระบายข้าวชุดนี้สำเร็จหรือไม่ ขัดขวางเพื่ออะไร เพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า คนที่เคยร่วมอยู่ในขบวนการนั้นอาจจะกลัวความจริงปรากฏ ทั้งนี้เนื่องจากสังคมอยากรู้ความจริง จะมีความขอความร่วมมือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบ ที่ผ่านมายืนยันว่า ข้าวที่ผ่านมา 25 ล้านตัน 250 ล้านกระสอบ ถูกขายไปแล้วมากกว่า 240 ล้านกระสอบ ไม่เคยมีปัญหาแม้แต่ครั้งเดียว แล้วที่ผ่านมาข้าวเกิน 10 ปีก็มีคนซื้อ ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่าเป็นข้าวเน่า อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดจะฟ้องนักวิชาการหรือสื่อที่ออกมา ทำให้เรื่องข้าว 10 ปีของรัฐบาลเกิดความเสียหาย แต่ขอให้ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดีกว่า

นายชัย ยังกล่าวว่า ตนไม่กลัวเพราะพูดความจริง รัฐบาลแถลงตามข้อเท็จจริง แต่ก็มีคนมโนสร้างเรื่อง เพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไป และมีออฟชั่นว่า สร้างเงื่อนไขข้าวเน่าขายให้คนบริโภคเห็นแก่เงินหรือเปล่า มีเชื้อราสร้างข้อโต้แย้งทุกอย่าง ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่พยายามกลบเกลื่อนคำโกหก คำโกง มาตลอด 10 ปี และเห็นว่าเป็นการสร้างวาทกรรมทำลายกันในทางการเมือง และเปิดช่องให้ พรรคพวกได้ข้าวมาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ขอสื่อช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบตรงนี้ด้วย.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย