เฉพาะ เม.ย. จับโกงออนไลน์กว่า 6 พันราย

ทำเนียบรัฐบาล 9 พ.ค.-รมต.ดีอี นำทีมหน่วยงานเกี่ยวข้องแถลงความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 30 วัน เฉพาะเดือน เม.ย.จับกุม ผู้กระทำความผิดกว่า 6 พันราย เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดือน มี.ค. เล็งออก พ.ร.ก.คืนเงินผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงออนไลน์


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นาย วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการกสทช. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และพล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ดำเนินการเร่งด่วน และต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบภายใน 30 วัน ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อดำเนินงาน โดยในเดือนเมษายน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดคดีออนไลน์ทุกประเภทได้ 6,624 ราย เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า จากช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 67  เว็บพนันออนไลน์ มีการจับกุม 3,667 คน เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า 366 คน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ทุกประเทศ 16,158 รายการ เพิ่มขึ้น 18 เท่าจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา


“ปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ 6,515 รายการ เพิ่มขึ้น 38.8 เท่า มาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้าเร่งอายัดเงินและตัดตอนการโอนเงินเดือนเมษายน สามารถระงับบัญชีม้า 7 แสนบัญชี  โดยธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี ศูนย์ aoc ระงับ 101,375 บัญชี และสำนักงาน ป.ป.ง. ปิดบัญชีไปแล้ว 325,586 บัญชี นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย กำหนดเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการนำเอาบัญชีเหล่านั้นไปกระทำความผิดเพิ่มเติม ส่วนการระงับซิมม้า และจึงต้องสงสัย ดำเนินการไปแล้ว 800,000 หมายเลข ระงับการโทรออกหมายเลขโทรศัพท์ที่ตรวจสอบเพราะว่ามีการโทรออก 100 ครั้งต่อวัน 36,641 เลขหมาย ส่วนเสาโทรคมนาคม สายโทรศัพท์ และสายอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กสทช. ร่วมกับ DSI สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม กวาดล้างและอบรมกำลังพลฝ่ายทหารให้กองทัพเข้าไปตรวจสอบได้ตามแนวชายแดนต่าง ๆ” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เฝ้าระวังชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายประธานผิดกฎหมาย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่หลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความสำคัญกับจังหวะที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก  ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศในการปราบปรามจับกุม โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งอาชญากรรมด้านอื่นๆ โดยในการประชุม ครม. ที่ผ่านมา(7 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี สั่งการเพิ่มเติมให้ดำเนินการต่อเนื่องในทุกประเด็น

“ส่วนการเร่งรัดคืนเงินผู้เสียหาย ได้มอบหมายให้ศูนย์ AOC ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น facebook X tiktok LINE ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการด้านการเงิน จะต้องมีมาตรการเพิ่มความรับผิดชอบกรณีผู้กระทำผิดใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน หากพบว่าไม่มีมาตรการป้องกันให้เพียงพอ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการป้องกันความเสียหาย อาจจะต้องประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์แบบเฉพาะเจาะจง เพราะการหลอกลวงการลงทุนมีสถิติที่สุด รวมทั้งการหลอกให้หารายได้ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะต้องเริ่มทำความเข้าใจกับประชาชน”  นายประเสริฐ กล่าว


ด้านปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ความร่วมมือด้านต่างประเทศ ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาทั่วกันในประเทศอาเซียน และจากการ ประชุมรัฐมนตรีดิจิทัลอาเซียน และตั้งคณะทำงานเพื่อจัดการปัญหานี้ และประเทศไทยเป็นประธานคณะทำงานนี้  พร้อมได้กำหนดแผนงานที่ทำให้สามารถรู้ถึงกลไก การหลอกลวง วิธีการป้องกันปัญหา ทำให้การจัดการด้านอาเซียนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น  ส่วนศูนย์AOC ซึ่งทำหน้าที่รับข้อมูลที่ประชาชนแจ้งเข้ามา  ซึ่งสามารถทำการอายัด บัญชีหลังได้รับแจ้ง สามารถอายัดได้โดยใช้เวลาไม่นาน  แต่สิ่งที่ได้ยกระดับ คือ ทำให้ศูนย์ AOC เป็นฐานข้อมูลกลางของตำรวจและธนาคาร และจะมีการนำระบบ ai เข้ามา เพื่อจะหาสาเหตุ เช่น ธนาคารไหนปล่อยให้มีบัญชีม้าเกินความจำเป็น และได้ตั้งทีมงานด้านกฎหมายขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการหลอกลวงในโซเซียล การเปิดบัญชีม้า เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในการโอนเงิน สามารถชี้ว่าความเสียหายเกิดจากใครได้บ้าง สำหรับอนุกรรมการด้านกฎหมายที่ตั้งขึ้นมา ภายใต้คณะกรรรมการ พรก. จะเน้นหนักเรื่องการคืนเงิน และได้มีการพูดคุยกับ ปปง. ว่า กฎหมายของปปง.อาจมีข้อจำกัด จึงจะทราบระบบที่สามารถที่จะทำให้ชี้ได้ว่าใครเป็นผู้เสียหายจากเม็ดเงินใด ซึ่งจะลดระยะเวลาในการคืนเงินของ ปปง.ได้ และการระงับยับยั้ง การโอนเงินผ่านระบบคริปโต ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่าจะแก้กฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ท.วรวัจน์ กล่าวว่า เรื่องของการจับกุม เราได้จับกุมไปกว่า 6,600 ราย ถือเป็นปริมาณที่สูง โดยแยกเป็นการจับกุมและการยึดทรัพย์ ซึ่งต้องร่วมมือกันกับ ปปง. ออกคำสั่งยึดอายัติทรัพย์ ช่วงที่ผ่านมายึดทรัพย์ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนเว็บพนันออนไลน์จับกุมได้กว่า 3,600 ราย ยึดทรัพย์ 528 ล้านบาท โดยเฉพาะหวยรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์ เจตนาของหน่วยงานราชการต้องการจับตัวการใหญ่ ได้มีการสั่งการทุกหน่วยให้มีการจับกุมให้ถึงต้นตอเครือข่าย

“สิ่งที่สำคัญศูนย์คือการยึดทรัพย์และเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหาย ซึ่งทางปปง. เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการนี้ ทั้งนี้ ต่อไปทุกหน่วยของทุกกองบัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติในภาพรวมเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด ส่วนการออกหมายจับเรื่องการหลอกลวงออนไลน์มีมากกว่า 5,000 หมาย และหมายแดงที่ผู้กระทำความผิดหลบหนีอยู่ต่างประเทศ จะระดมกวาดล้างทั้งหมด และร่วมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กสทช. ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะเสาสัญญาณรอบตะเข็บชายแดน และให้ทุกหน่วยระดมปิดกั้นทุกช่องทาง” พล.ต.ท.วรวัจน์ กล่าว

สำหรับการเร่งรัดคืนเงินเยียวยาผู้เสียหาย พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ปปง.มีระบบ SR 03 เมื่อผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งรายชื่อบัญชีม้าหรือผู้กระทำความผิดมาให้ปปง. ประกาศ ซึ่งประกาศไปแล้วกว่า 32,000 รายชื่อ ปิดบัญชีกว่า 300,000 บัญชี วันนี้เงินของคนร้ายอยู่ในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ เรามีข้อจำกัดในด้านกฎหมายเพราะกฎหมายฟอกเงินต้องให้ศาลสั่ง และคดีถึงที่สุด  เพื่อที่จะคืนเงินให้กับผู้ที่เสียหายได้  ซึ่งเร็วที่สุดคือสามปี

รองเลขาธิการปปง. กล่าวว่า จะยกร่างกฎหมาย เพื่ออนุญาตให้นำเงินที่ ปปง.อายัติกลับมาคืนผู้เสียหายให้เร็วขึ้น หลังจากนี้ ในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เราจะรับบัญชีมาจากศูนย์AOC เพื่อประกาศให้ธนาคารทราบและจำกัดธุรกรรม ทุกทาง ตั้งเป้าจะประกาศเดือนละ 15,000 รายชื่อ ซึ่งจากข้อมูลที่มี ค่าเฉลี่ยบัญีม้า 1 คน ประมาณ 9.77 บัญชี และจะปิดบัญชีม้าให้ได้ 100,000 บัญชีต่อเดือน  พร้อมฝากประชาชนที่อยากนำบัญชีไปขาย ถ้านำไปขายแล้วนอกจากจะถูกตำรวจดำเนินคดี และจะถูกปปง.ประกาศว่าเป็นบุคคลที่ที่มีความเสี่ยงสูงและธนาคารจะไม่ทำธุรกรรมเป็นเวลาสามปี

“ขออย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อยและไปขายบัญชี ขอบคุณกระทรวงดีอีที่เห็นความสำคัญ และสนับสนุนแก้ไขกฎหมาย เพื่อที่จะนำเงินที่ยึดมาได้  ให้ประชาชนได้รับเงินคืนไวขึ้น  ส่วนผู้เสียหายที่แจ้งความแล้วให้เก็บหลักฐานไว้ เมื่อแก้กฎหมายเสร็จ รัฐบาลจะประกาศให้ทราบ และนำข้อมูลนี้มาสรุปคัดแยก จะทำให้ได้รู้ว่าจะได้เงินจากคดีไหน เป็นจำนวนเงินเท่าไร เพื่อให้ทุกคนได้รับการเยียวยาเท่าเทียมกัน” พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า เรื่องเสาสัญญาณตามแนวตะเข็บชายแดนให้มีการส่งรายงานว่ามีกี่เสาที่หันหน้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และมีกำหนดให้รื้อถอน พร้อมจะขึ้นไปรื้อบางเสา รวมถึงการลากสายอินเตอร์เน็ต ที่อาจจะมีคนไม่หวังดีไปเช่าบ้านและเปิดสัญญานอินเตอร์เข้ามา 

ส่วนการออกกฎหมายเพื่อคืนเงินให้กับผู้เสียหาย รัฐจะออกเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) หรือพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) หรือกฎกระทรวง รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ปปง.พนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องทำสำนวนผ่านมติคณะกรรมการธุรกรรม ยื่นไปยังอัยการ เพื่อฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อรอคดีถึงที่สุด หากคู่ความไม่เห็นด้วยก็จะมีการอุทธรณ์ โดยทั่วไปใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งเห็นว่าหากเป็นเช่นนั้นจะนานเกินไป และจะเป็นกฎหมายใดก็ได้ที่ปปง.สนับสนุนได้ ซึ่งการคืนเงินควรอยู่ในหลักเดือน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อน อาจจะมีคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบรายงานศาล หากไม่มีใครขัดแย้งก็ให้คืนเงินผู้เสียหายได้เลย ปัจจุบันหลังสามารถดำเนินคดีได้ ทำให้เงินจากกลุ่มบัญชีม้าที่ยึดเงินเพิ่มขึ้น หากนำเงินตรงนี้คืนผู้เสียหายได้ ก็ควรจะกระทำให้ไวที่สุด

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่าจากการหารือเบื้องต้น เห็นว่าหากออกเป็น พรก. สามารถดำเนินการได้เร็วกว่า  และคืนเงินให้กับประชาชนได้เร็ว.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]