เฉพาะ เม.ย. จับโกงออนไลน์กว่า 6 พันราย

ทำเนียบรัฐบาล 9 พ.ค.-รมต.ดีอี นำทีมหน่วยงานเกี่ยวข้องแถลงความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 30 วัน เฉพาะเดือน เม.ย.จับกุม ผู้กระทำความผิดกว่า 6 พันราย เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดือน มี.ค. เล็งออก พ.ร.ก.คืนเงินผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงออนไลน์


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นาย วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการกสทช. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และพล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ดำเนินการเร่งด่วน และต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบภายใน 30 วัน ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อดำเนินงาน โดยในเดือนเมษายน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดคดีออนไลน์ทุกประเภทได้ 6,624 ราย เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า จากช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 67  เว็บพนันออนไลน์ มีการจับกุม 3,667 คน เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า 366 คน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ทุกประเทศ 16,158 รายการ เพิ่มขึ้น 18 เท่าจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา


“ปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ 6,515 รายการ เพิ่มขึ้น 38.8 เท่า มาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้าเร่งอายัดเงินและตัดตอนการโอนเงินเดือนเมษายน สามารถระงับบัญชีม้า 7 แสนบัญชี  โดยธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี ศูนย์ aoc ระงับ 101,375 บัญชี และสำนักงาน ป.ป.ง. ปิดบัญชีไปแล้ว 325,586 บัญชี นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย กำหนดเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการนำเอาบัญชีเหล่านั้นไปกระทำความผิดเพิ่มเติม ส่วนการระงับซิมม้า และจึงต้องสงสัย ดำเนินการไปแล้ว 800,000 หมายเลข ระงับการโทรออกหมายเลขโทรศัพท์ที่ตรวจสอบเพราะว่ามีการโทรออก 100 ครั้งต่อวัน 36,641 เลขหมาย ส่วนเสาโทรคมนาคม สายโทรศัพท์ และสายอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กสทช. ร่วมกับ DSI สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม กวาดล้างและอบรมกำลังพลฝ่ายทหารให้กองทัพเข้าไปตรวจสอบได้ตามแนวชายแดนต่าง ๆ” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เฝ้าระวังชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายประธานผิดกฎหมาย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่หลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความสำคัญกับจังหวะที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก  ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศในการปราบปรามจับกุม โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งอาชญากรรมด้านอื่นๆ โดยในการประชุม ครม. ที่ผ่านมา(7 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี สั่งการเพิ่มเติมให้ดำเนินการต่อเนื่องในทุกประเด็น

“ส่วนการเร่งรัดคืนเงินผู้เสียหาย ได้มอบหมายให้ศูนย์ AOC ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น facebook X tiktok LINE ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการด้านการเงิน จะต้องมีมาตรการเพิ่มความรับผิดชอบกรณีผู้กระทำผิดใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน หากพบว่าไม่มีมาตรการป้องกันให้เพียงพอ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการป้องกันความเสียหาย อาจจะต้องประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์แบบเฉพาะเจาะจง เพราะการหลอกลวงการลงทุนมีสถิติที่สุด รวมทั้งการหลอกให้หารายได้ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะต้องเริ่มทำความเข้าใจกับประชาชน”  นายประเสริฐ กล่าว


ด้านปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ความร่วมมือด้านต่างประเทศ ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาทั่วกันในประเทศอาเซียน และจากการ ประชุมรัฐมนตรีดิจิทัลอาเซียน และตั้งคณะทำงานเพื่อจัดการปัญหานี้ และประเทศไทยเป็นประธานคณะทำงานนี้  พร้อมได้กำหนดแผนงานที่ทำให้สามารถรู้ถึงกลไก การหลอกลวง วิธีการป้องกันปัญหา ทำให้การจัดการด้านอาเซียนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น  ส่วนศูนย์AOC ซึ่งทำหน้าที่รับข้อมูลที่ประชาชนแจ้งเข้ามา  ซึ่งสามารถทำการอายัด บัญชีหลังได้รับแจ้ง สามารถอายัดได้โดยใช้เวลาไม่นาน  แต่สิ่งที่ได้ยกระดับ คือ ทำให้ศูนย์ AOC เป็นฐานข้อมูลกลางของตำรวจและธนาคาร และจะมีการนำระบบ ai เข้ามา เพื่อจะหาสาเหตุ เช่น ธนาคารไหนปล่อยให้มีบัญชีม้าเกินความจำเป็น และได้ตั้งทีมงานด้านกฎหมายขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการหลอกลวงในโซเซียล การเปิดบัญชีม้า เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในการโอนเงิน สามารถชี้ว่าความเสียหายเกิดจากใครได้บ้าง สำหรับอนุกรรมการด้านกฎหมายที่ตั้งขึ้นมา ภายใต้คณะกรรรมการ พรก. จะเน้นหนักเรื่องการคืนเงิน และได้มีการพูดคุยกับ ปปง. ว่า กฎหมายของปปง.อาจมีข้อจำกัด จึงจะทราบระบบที่สามารถที่จะทำให้ชี้ได้ว่าใครเป็นผู้เสียหายจากเม็ดเงินใด ซึ่งจะลดระยะเวลาในการคืนเงินของ ปปง.ได้ และการระงับยับยั้ง การโอนเงินผ่านระบบคริปโต ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่าจะแก้กฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ท.วรวัจน์ กล่าวว่า เรื่องของการจับกุม เราได้จับกุมไปกว่า 6,600 ราย ถือเป็นปริมาณที่สูง โดยแยกเป็นการจับกุมและการยึดทรัพย์ ซึ่งต้องร่วมมือกันกับ ปปง. ออกคำสั่งยึดอายัติทรัพย์ ช่วงที่ผ่านมายึดทรัพย์ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนเว็บพนันออนไลน์จับกุมได้กว่า 3,600 ราย ยึดทรัพย์ 528 ล้านบาท โดยเฉพาะหวยรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์ เจตนาของหน่วยงานราชการต้องการจับตัวการใหญ่ ได้มีการสั่งการทุกหน่วยให้มีการจับกุมให้ถึงต้นตอเครือข่าย

“สิ่งที่สำคัญศูนย์คือการยึดทรัพย์และเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหาย ซึ่งทางปปง. เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการนี้ ทั้งนี้ ต่อไปทุกหน่วยของทุกกองบัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติในภาพรวมเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด ส่วนการออกหมายจับเรื่องการหลอกลวงออนไลน์มีมากกว่า 5,000 หมาย และหมายแดงที่ผู้กระทำความผิดหลบหนีอยู่ต่างประเทศ จะระดมกวาดล้างทั้งหมด และร่วมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กสทช. ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะเสาสัญญาณรอบตะเข็บชายแดน และให้ทุกหน่วยระดมปิดกั้นทุกช่องทาง” พล.ต.ท.วรวัจน์ กล่าว

สำหรับการเร่งรัดคืนเงินเยียวยาผู้เสียหาย พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ปปง.มีระบบ SR 03 เมื่อผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งรายชื่อบัญชีม้าหรือผู้กระทำความผิดมาให้ปปง. ประกาศ ซึ่งประกาศไปแล้วกว่า 32,000 รายชื่อ ปิดบัญชีกว่า 300,000 บัญชี วันนี้เงินของคนร้ายอยู่ในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ เรามีข้อจำกัดในด้านกฎหมายเพราะกฎหมายฟอกเงินต้องให้ศาลสั่ง และคดีถึงที่สุด  เพื่อที่จะคืนเงินให้กับผู้ที่เสียหายได้  ซึ่งเร็วที่สุดคือสามปี

รองเลขาธิการปปง. กล่าวว่า จะยกร่างกฎหมาย เพื่ออนุญาตให้นำเงินที่ ปปง.อายัติกลับมาคืนผู้เสียหายให้เร็วขึ้น หลังจากนี้ ในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เราจะรับบัญชีมาจากศูนย์AOC เพื่อประกาศให้ธนาคารทราบและจำกัดธุรกรรม ทุกทาง ตั้งเป้าจะประกาศเดือนละ 15,000 รายชื่อ ซึ่งจากข้อมูลที่มี ค่าเฉลี่ยบัญีม้า 1 คน ประมาณ 9.77 บัญชี และจะปิดบัญชีม้าให้ได้ 100,000 บัญชีต่อเดือน  พร้อมฝากประชาชนที่อยากนำบัญชีไปขาย ถ้านำไปขายแล้วนอกจากจะถูกตำรวจดำเนินคดี และจะถูกปปง.ประกาศว่าเป็นบุคคลที่ที่มีความเสี่ยงสูงและธนาคารจะไม่ทำธุรกรรมเป็นเวลาสามปี

“ขออย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อยและไปขายบัญชี ขอบคุณกระทรวงดีอีที่เห็นความสำคัญ และสนับสนุนแก้ไขกฎหมาย เพื่อที่จะนำเงินที่ยึดมาได้  ให้ประชาชนได้รับเงินคืนไวขึ้น  ส่วนผู้เสียหายที่แจ้งความแล้วให้เก็บหลักฐานไว้ เมื่อแก้กฎหมายเสร็จ รัฐบาลจะประกาศให้ทราบ และนำข้อมูลนี้มาสรุปคัดแยก จะทำให้ได้รู้ว่าจะได้เงินจากคดีไหน เป็นจำนวนเงินเท่าไร เพื่อให้ทุกคนได้รับการเยียวยาเท่าเทียมกัน” พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า เรื่องเสาสัญญาณตามแนวตะเข็บชายแดนให้มีการส่งรายงานว่ามีกี่เสาที่หันหน้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และมีกำหนดให้รื้อถอน พร้อมจะขึ้นไปรื้อบางเสา รวมถึงการลากสายอินเตอร์เน็ต ที่อาจจะมีคนไม่หวังดีไปเช่าบ้านและเปิดสัญญานอินเตอร์เข้ามา 

ส่วนการออกกฎหมายเพื่อคืนเงินให้กับผู้เสียหาย รัฐจะออกเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) หรือพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) หรือกฎกระทรวง รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ปปง.พนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องทำสำนวนผ่านมติคณะกรรมการธุรกรรม ยื่นไปยังอัยการ เพื่อฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อรอคดีถึงที่สุด หากคู่ความไม่เห็นด้วยก็จะมีการอุทธรณ์ โดยทั่วไปใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งเห็นว่าหากเป็นเช่นนั้นจะนานเกินไป และจะเป็นกฎหมายใดก็ได้ที่ปปง.สนับสนุนได้ ซึ่งการคืนเงินควรอยู่ในหลักเดือน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อน อาจจะมีคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบรายงานศาล หากไม่มีใครขัดแย้งก็ให้คืนเงินผู้เสียหายได้เลย ปัจจุบันหลังสามารถดำเนินคดีได้ ทำให้เงินจากกลุ่มบัญชีม้าที่ยึดเงินเพิ่มขึ้น หากนำเงินตรงนี้คืนผู้เสียหายได้ ก็ควรจะกระทำให้ไวที่สุด

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่าจากการหารือเบื้องต้น เห็นว่าหากออกเป็น พรก. สามารถดำเนินการได้เร็วกว่า  และคืนเงินให้กับประชาชนได้เร็ว.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]