ทำเนียบรัฐบาล 7 พ.ค.-นายกฯ เผย มีแผนแบ่งงาน รองนายกฯ – รมต.ใหม่ แล้ว ไม่กังวลปชช.ให้คะแนนผลงานรัฐบาลน้อย ไม่ได้ขีดกรอบเวลาประเมิน KPI หลายเรื่องต้องใช้เวลา หนุน “พิชัย” คุยผู้ว่าฯ แบงก์ชาติแก้ขัดแย้ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้(7 พ.ค.) สวมชุดขาวลงจากตึกไทยคู่ฟ้ามายังสนามบริเวณสนามหญ้า เพื่อดูความพร้อมผังการถ่ายรูปคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้มีความเป็นห่วงสภาพอากาศ หากรัฐมนตรีมาจะได้รีบถ่ายภาพร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครม.วันนี้จะแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งตนมีแนวทางไว้เรียบร้อยแล้วถึงร้อยละ 95 โดยจะยึดหลักความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละบุคคลให้รับผิดชอบงาน หลังจากนี้จะพูดคุยกัน ซึ่งการประชุมวันนี้จะเน้นย้ำรัฐมนตรีเก่าที่มีงานช่วยเหลือประชาชนค้างอยู่ ต้องพูดคุยกันและช่วยเหลือประชาชนต่อไป จะเน้นย้ำนโยบายทุกเรื่องและตามที่ได้แถลงไว้กับรัฐสภา จุดมุ่งหมายหลักหลังปรับครม.แล้ว ผลงานต้องดีขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐมนตรีคนเก่าไม่ดี แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้องปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา
“ผมเห็นว่าประชาชนจะเชื่อมั่นครม.ชุดนี้ ต้องขึ้นอยู่กับผลงาน จึงขอความเป็นธรรมให้คณะรัฐมนตรีด้วยเพราะนโยบายบางอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่น เรื่องการลงทุน การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน สิทธิเสรีภาพ เพศสภาพ ซึ่งนโยบายเหล่านี้เชื่อว่าเริ่มต้นทำแล้ว “ นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนจะสบายใจขึ้นหรือไม่ หลังนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุก ๆ การเคลื่อนไหว หากช่วยลดความขัดแย้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม และสมควรที่จะทำ มั่นใจว่าถ้าทั้ง 2 ฝ่ายพยายามพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดี โดยจะนำมาซึ่งการสนับสนุนงานของรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีประชาชนให้คะแนนผลงานรัฐบาลตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา 6-7 คะแนน ซึ่งหลังจากปรับครม.จะขับเคลื่อนงานอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้คะแนนจากประชาชนถือเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง ซึ่งการที่มายยืนอยู่ตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ ที่จะจะต้องฟังเสียงสะท้อนเหล่านั้น ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึง 10 อยู่ดี จึงต้องพยายามทำงานต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยจะต้องมาพิจารณาว่า ส่วนไหนยังทำได้ไม่ดี หรือตรงไหนก็ที่อยู่ในการขับเคลื่อนตามระบบ ที่ต้องใช้เวลาทำงาน
“ขอความเป็นธรรมให้คณะทำงานด้วย ซึ่งระบบการทำงานของภาคส่วนราชการไม่ได้เป็นปัญหา เพราะถือว่าเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลเองก็พูดคุยกัน โดยเน้นเรื่องเนื้องานเป็นหลัก และเชื่อว่าทุกกระทรวง ทบวง กรม มีส่วนช่วยผลักดันงานของรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่ได้เป็นปัญหา แต่ปัญหาใหญ่ที่พบก็ต้องใช้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามถึงการตั้งตัวชี้วัด หรือ KPI รัฐมนตรีคนใหม่อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันว่าบางเรื่องต้องเสร็จภายในเวลาเท่าใด แต่อาจจะมีตัวแปรอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น ตัวชี้วัดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตนไม่ได้กำหนดว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยบางเรื่องอาจจะจบภายใน 2 สัปดาห์ แต่บางเรื่องอาจจะใช้เวลานานนับปี
“แต่ละเรื่องใช้เวลาแตกต่างกัน เช่น การลงทุน ที่จะจะต้องประสานงานกับทุกฝ่าย ซึ่งต้องเห็นใจฝ่ายที่จะเข้ามาลงทุนด้วย เพราะจะต้องใช้เวลาพิจารณาเป็นระยะเวลายาวนาน เพราะมีตัวเลขลงทุนถึงหลักแสนล้านบาท จึงต้องมีขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นว่าครม.ชุดใหม่ ให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
ส่วนช่วงเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมา ต้องเสริมการทำงานในด้านใดบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาสะสมยังมีอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม ปากท้องประชาชนประชาชน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยังคงต้องการความช่วยเหลือ.-317.-สำนักข่าวไทย