“เฉลิมชัย” ปลุกขวัญลูกพรรค ฟื้น ปชป. กลับมายืนหนึ่ง

กรุงเทพฯ 27 เม.ย. – “เฉลิมชัย” ปลุกขวัญลูกพรรค ฟื้น ปชป. กลับมายืนหนึ่ง ลั่นพรรคต้องมีเอกภาพรัฐบาลถึงจะกลัว รับปากจะไม่ทำให้พรรคเสียหายทั้งต่อหน้าและลับหลัง


วันที่ 27 เม.ย. 2567 เวลา 12.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ประจำปี 2567 โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดการประชุมว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันทำให้ที่ประชุมเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น ยืนยันว่าความเห็นของสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค จะนำไปพิจารณาพูดคุยกัน และจะพยายามปรับปรุงทำให้พรรคทันสมัยให้ทันกับสถานการณ์ของโลก และสถานการณ์ของบ้านเมือง และนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลิอกตั้ง กกต.ได้มีรับรองกรรมการบริหารพรรคชุดนี้มาจนขณะนี้ระยะเวลาเกือยบ 4 เดือนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมากก.บห.ได้มีการปรชุมและทำงานแข่งกับเวลา แต่ตนได้พูดคุยกับ กก.บห. และ สส. ว่าวันนี้ประชาธิปัตย์ยืนหยัดด้วยหลักการและอุดมการณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง

“ผมพูดโดยไม่อายฟ้าอายดินว่าไม่เคยทำผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง และยังยึดมั่นในความเป็นประชาธิปัตย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ขอบอกกับทุกคนว่าวันนี้การฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์คือหน้าที่ของพวกเราทุกคน” นายเฉลิมชัย กล่าว


นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า เมื่อตนเข้ามารับหน้าที่เป็นพัวหน้าพรรคได้มีการตั้งศูนย์เทคโนโลยี่และนวตกรรมเพื่อการสื่อสาร เพราะเห็นว่าเรื่องการใช้เทคโนโลยีเราไม่ทันเขา จึงถือเป็นเรื่องแรกที่ตนตัดสินใจตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้นมา เราจึงเป็นพรรคการเมืองแรกและเป็นพรรคแรกของประเทศไทยที่สามารถสมัครสมาชิกพรรคทางโซเชียลมีเดีย และทางโทรศัพท์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าประชาธิปัตย์ปรับตัวแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่นี่เป็นก้าวแรกที่จะทำให้เขารู้ว่าเราจะกลับมาอีกครั้งหนี่ง ไม่เหมือนกับหลายๆคนที่ไม่ทำงานแล้วด้อยค่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนไม่รู้ว่าทำไมบ้านหลังนี้ไม่เคยมีอะไรให้เขาติดค้างบ้างเลยหรือ เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่ตนอยากให้ภาพความเป็นพรรคประชาธิปัตย์คือความมีเอกภาพในพรรค ตนขอยืนยันกับสมาชิกทั่วประเทศจะไม่มีวันทำผิดทั้งต่อหน้าและลับหลังเด็ดขาด ตนมั่นใจว่าตนเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า เราได้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อต้องการกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเชิญอดีตสส. ผู้บริหารพรรค และคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันทำงาน เพื่อที่จะได้สูตรเพื่อเป็นตัวกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนพรรค ซึ่งสิ่งที่จะตามมาคือเราต้องให้ความสำคัญกับสมาชิกพรรค ที่ต้องมีความเสมอภาคกัน ไม่ใช่ให้ความสำคัญเฉพาะวันที่มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว โดยคณะทำงานจะได้เดินทางไปดูแลสมาชิก สาขาพรรค ในทั่วประเทศ และจะพยายามให้มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น นอกจากมีปริมาณแล้วจะต้องมีคุณภาพด้วย และอย่าลืมว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้เพราะมีสมาชิกพรรคและสาขาพรรคที่เข้มแข็ง แต่สถานการณ์และเวลาเปลี่ยนไปคนอาจจะมองว่าเราให้ความสำคัญเฉพาะด้านบน แต่ภาคพื้นดินก็มีความสำคัญ ดังนั้นเราจึงต้องทำควบคู่กันไป

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีคณะกรรมการการเมือง ซึ่งตนจะต้องไปเรียนให้ผู้อาวุโสของพรรคให้มาช่วยกันวิเคราะห์และกำหนดแนวทางขับเคลื่อนพรรคด้วย รวมถึงคณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม พรรคก็ต้องมีความชัดเจน เพราะวันนี้เศรษฐกิจกับคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมเราไม่รู้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน เราจึงต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องขับเคลื่อนทั้งหมด หลังจากที่ทุกคนมอบให้ตนเป็นหัวหน้าพรรค โดยจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่รีบก้าว แต่จะยึดหลักการและกฎหมายเป็นหลัก นอกจากนั้นยังจะมีคณะทำงานด้านวิชาการเข้ามาเสริมการทำงานของ สส. ด้วย


“ผมมั่นใจว่าทั้งชีวิตผมมอบให้ประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ผมต้องการเห็นพรรคกลับมาแป็นเสาหลักของบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างหนึ่งของพรรคคือความซี่อสัตย์สุจริต ผมยึดหลักนี้มาทั้งชีวิต และขอบอกกับทุกคนว่าถ้าเราไม่มีหลักนี้อยู่ก็ไม่มีพรคประชาธิปัตย์อยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ ยืนยันว่า กก.บห. และ สส. ทำงานอย่างเต็มที่ ระยะเวลาทางการเมืองวันนี้อยู่ที่การคำนวณจังหวะ และเวลา ถ้าอีก 6 เดือนเลือกตั้ง หากวันนี้เราไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ แต่ผมยังเชื่อว่าถ้าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก 6 เดือนก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าในระบอบประชาธิปไตยอยู่อีก 3 ปี เพราะฉะนั้นระยะเวลาที่เหลืออยู่ สิ่งที่ผมอยากเห็นและเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องเผชิญและเดินไปข้างหน้าได้คือความมีเอกภาพของพรรค เพราะนี่คือพลังที่แท้จริงของประชาธิปัตย์ ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลไหนไม่กลัวประชาธิปัตย์ ถ้าเรามีความเป็นเอกภาพ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามพูดมาตลอด และทุกการตัดสินใจจะยึดสถาบันและองค์กรเป็นหลัก ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัว ไม่เอาความสุขส่วนบุคคลมาตัวเกี่ยวข้อง”นายเฉลิมชัย กล่าว .-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากน็อตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]