ตาก วันนี้ ( 26 เม.ย.) “รองนายกฯ สมศักดิ์” ลุยบ้านขุนแม่เหว่ย ร่วมสถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ลำดับที่ 22 ยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและกฎหมาย พร้อมสั่ง สทนช. เร่งวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำช่วยกลุ่มชาติพันธุ์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง พร้อมด้วยนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และคณะลงพื้นที่บ้านขุนแม่เหว่ย (แม่ปอคี) อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้นายสมศักดิ์ต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด เพื่อเปิดงานการสถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ บ้านขุนแม่เหว่ย (แม่ปอคี) เนื่องจากระยะทางการเข้าพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก พร้อมทั้งยังร่วมเป็นสักขีพยานในการลงบันทึกความเข้าใจร่วมกับ 22 หน่วยงาน เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมกันนี้ยังได้มีการลงพื้นที่ ติดตามระบบโทรมาตรอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล สถานการณ์น้ำ แผนการจัดการน้ำ เตือนอุทกภัยน้ำหลาก
นายสมศักดิ์ เผยว่ามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนและพบปะพี่น้อง กลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง การร่วมสถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์บ้านขุนแม่เหว่ย เป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ลำดับที่ 22 ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ในฐานะของตัวแทนรัฐบาลขอยืนยันว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างมาก นายกฯ ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิต การยอมรับความหลากหลายทางอัตลักษณ์ ความเสมอภาคเท่าเทียมและสิทธิพื้นฐานที่กลุ่มชาติพันธุ์จะได้รับ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าในส่วนเรื่องของกฎหมาย รัฐบาลได้ผลักดันพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งรัฐบาลได้เสนอร่างดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยที่ประชุมมีมติ 414 เสียงและรับหลักการในวาระหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญร่วมกับร่างกฎหมายจากภาคประชาชนและพรรคการเมืองรวมเป็น 5 ฉบับ นี่ก็ทำให้เห็นว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับพี่น้องทุกท่าน และหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว
“ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกัน อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และอยากเห็นกลุ่มชาติพันธุ์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ มีที่ดินทำกิน ดังนั้นทุกท่านต้องให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ เดินหน้าให้ชุมชนสร้างประโยชน์ในพื้นที่และให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการในพื้นที่ตัวเอง การสถาปนาในวันนี้จะช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และที่สำคัญที่สุด คือการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และผมยังหวังว่าอีกไม่นานนี้หากทุกท่านร่วมมือกันเราจะมีเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตชาติพันธุ์ ในระดับที่ 23 ต่อไปครับ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า บ้านขุนแม่เหว่ย เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ มากว่า 425 ปี เวลานี้มีประชากร 276 คน 51 หลังคาเรือน มีพื้นที่ 8,386 ไร่ ทำภาคเกษตรหมุนเวียนเป็นส่วนมาก ดังนั้นเวลานี้รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรี ที่มีนายกฯ เศรษฐาเป็นผู้นำ ได้เห็นชอบโครงการโคแสนล้าน เพื่อต้องการให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เสริมและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันพื้นที่นี้มีความเหมาะสมในการทำปศุสัตว์ เพราะโคไม่ไปทำลายต้นไม้ ดังนั้นจะประสานให้กองทุนหมู่บ้านทำความเข้าใจถ่ายทอดความรู้ให้แก่พี่น้องบ้านขุนแม่เหว่ย ว่าจะเข้าร่วมโครงการได้แบบใดบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่โครงการโคแสนล้านได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากพี่น้องชาวชาติพันธุ์เพราะมองว่าเป็นโอกาส พร้อมกันนี้รองนายกฯยังได้มอบเชือกวัดน้ำหนักโคให้เป็นที่ระลึกอีกด้วย .- สำนักข่าวไทย