รัฐสภา 25 เม.ย.-กมธ.ความมั่นคงฯ จ่อลงพื้นที่แม่สอด 12-14 พ.ค.นี้ เสนอตั้งผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขเมียนมา พร้อมทำบัตรกำหนดสถานะให้ผู้หนีภัย
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม ติดตามสถานการณ์สู้รบในเมียนมา กับผลกระทบต่อความมั่นคงและชายแดนไทย หลังเมื่อช่วงเช้าเชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพไทย และภาคประชาชน เข้าร่วมด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวชื่นชมฝ่ายความมั่นคง กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ทั้งทิศทางของกระทรวงการต่างประเทศมีความก้าวหน้าอย่างเป็นลำดับ โดยปัญหาระยะสั้นเร่งด่วน จะต้องนำแนวทางมาตรฐานการปฎิบัติงาน (SOP) ฉบับใหม่เป็นวาระเร่งด่วน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัยที่จะทะลักเข้าไทยหลักแสนคน ซึ่งจะต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาล ทั้งยังต้องส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาเราเห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (Humanitarian aid) ไปยังพื้นที่ภายในของเมียนมา ครอบคลุมพี่น้องประชาชน 20,000 คน เราจะต้องร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อให้ปฏิบัติการยั่งยืนมากขึ้น ป้องกันไม่ให้ทะลักผู้หนีภัยข้ามแดนเข้าไทย ทำให้ไทยต้องดูแลคนจำนวนมากทั้งเชิงพื้นที่ และปริมาณ
ส่วนสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การทะลักเข้าไทยของผู้หนีภัย เกิดจากการสู้รบโจมตีทางอากาศยาน ไทยต้องพูดคุยกับรัฐบาลทหารเมียนมา เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบว่ามีน้ำมันที่ซื้อขายจากไทยประมาณ 15% ถูกใช้ในการโจมตีทางอากาศ ซึ่งไทยสามารถใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพ เจรจากับทหารเมียนมาได้ เพราะสอดคล้องกับหลักปฏิบัติของ G7 ที่ระบุไว้ว่า ไม่ควรมีการขายน้ำมันให้กับทหารเมียนมา
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอระยะกลาง คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเจรจากับทุกฝ่าย ไทยมีความท้าทายหลายเรื่องนอกเหนือปัญหาการสู้รบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ยังมีปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จึงจำเป็นต้องพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหา
“หากดูตัวเลขผู้หนีภัยอาจมีเพียงหลักพันคน แต่หากนับจากรัฐประหารในเมียนมา จะพบทั้งผู้หนีภัยการสู้รบ และผู้หนีภัยทางเศรษฐกิจจำนวนมากมากมายมหาศาลนับล้านคน โดยเราได้ข้อมูลจากภาคประชาสังคมว่า คนเหล่านี้จ่ายส่วยให้ภาครัฐ เราควรนำคนพวกนี้มาอยู่บนดิน โดยใช้กลไกออกบัตร กำหนดสถานะรหัสพิเศษ เป็นกลไกทางทะเบียนเพื่อติดตามบุคคลที่เข้ามา”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานและคณะอนุกรรมาธิการ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีปฏิบัติการบางอย่างที่ให้ไทยเป็นฐานในการฟอกเงินของเครือข่ายการซื้ออาวุธที่ใช้ในปฏิบัติการเมียนมา พร้อมทั้งจัดตั้งกลไกความร่วมมือระหว่างชายแดนแทนศูนย์ประสานงานชายแดนเดิม ที่ไม่มีตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาในพื้นที่แล้ว ส่วนข้อเสนอระยะยาว ไทยต้องพูดคุยถึงอนาคตเมียนมา และเข้าไปมีบทบาทในการเป็นผู้อำนวยการความสะดวกสร้างสันติภาพช่วยเหลือประชาชนเมียนมา เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไทยไม่จำเป็นต้องรอให้เมียนมาเป็นผู้เริ่มต้นร้องขอให้เป็นตัวกลางเจรจา ไทยมีศักยภาพที่จะพูดคุยกับทุกฝ่าย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวพันกับไทย ไทยควรเป็นผู้ประสานงานเพื่อให้เกิดสันติภาพในเมียนมาภายใต้พื้นฐานต้องไม่แทรกแซงกิจการของชาติอื่น โดยในวันที่ 12-14 พ.ค.67 คณะกรรธิการจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยจะพูดคุยกับทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นการทำงานคนละกลไกกับที่รองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ไปแล้ว แต่มีจุดหมายเดียวกันคืออยากเห็นไทยเข้าไปมีบทบาทสร้างสันติสุขในเมียนมา โดยไม่ได้เป็นการแทรกแซง และยังรักษาผลประโยชน์คนไทยไว้.-317.-สำนักข่าวไทย