รัฐสภา 19 เม.ย.-“วันนอร์” ขอบุคคลกรสภา สามัคคี ไม่หนุนคนนอกแทรกแซง รับ เสียใจยุคนี้ มีเรื่องฟ้องร้องเยอะ ไม่มองพวกกันเองเป็นมิตร ย้ำปรับ ครม. ไม่เกี่ยวตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่ระเบียบต้องรักษาไว้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ สถาบันนิติบัญญัติเพื่อประชาชน ในกิจกรรม สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการ สังกัดรัฐสภา ปีงบประมาณปี 2567 โดยระบุว่า สถาบันนิติบัญญัติเป็นสถาบันที่สำคัญในระบอบการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในสถาบันสูงสุดที่สำคัญในการปกครองประเทศ การหันกลับมามองตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เดินไปข้างหน้า หมุนไปข้างหน้า ซึ่งเราจำเป็นที่จะใช้ทรัพยากรทางด้านงบประมาณและบุคลากรในรัฐสภาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คนข้างนอกกำหนดเราไม่ได้ เพราะหากให้คนข้างนอกกำหนดไม่มีทางมั่นคงและยั่งยืน เราต้องรู้จักตัวเราเองว่ามาได้อย่างไร จะเดินไปทางไหนอย่างไร
“เราต้องทำแบบคนมีสติ คือ ต้องการมาปฏิรูป ไม่ใช่ปฏิวัติ ทำอย่างมีสติ ทำอย่างรอบคอบ ทำให้เป็นที่ยอมรับ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่อ้างกฎหมาย ระบอบระเบียบแล้วไม่ทำ ก็อยากให้มาคิดย้อนว่ากฎหมาย ก็มนุษย์เป็นคนสร้าง เมื่อถึงเวลาก็สามารถแก้ได้ และถ้ากฎหมายมีอุปสรรค คนอยากทำงาน ก้าวหน้า ต้องปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้าคนขี้เกียจ ไม่อยากพัฒนา ก็จะไม่ทำ เพราะไม่อยากถูกตำหนิ ไม่อยากถูกฟ้อง อยากอยู่สบายๆ แต่หากทำอย่างสุจริต และทำเพื่อประชาชน เชื่อว่าไม่มีอะไรทำเราได้ และ ถ้าเป็นการทำเพื่อประชาชนจะมีโอกาสผิดน้อยมาก แต่หากทำเพื่อตัวเอง ลบเลี่ยงๆ ก็ไม้พ้น”นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนเข้ามาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรในยุคนี้ค่อนข้างเสียใจ ที่สภามีเรื่องฟ้องร้องกันเยอะ ซึ่งไม่ควรจะเกิด เพราะสภาขาดความสามัคคี ไม่มองพวกเรากันเองเป็นมิตร แต่ไปเชื่อคนข้างนอกยั่วยุ เราจึงปกป้องตัวเองไม่ได้ และถามว่าคนข้างนอกช่วยอะไรเราได้ พร้อมย้ำว่าตนเสียใจและไม่สนับสนุนวิธีการเช่นนี้ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด
ทั้งนี้สถาบันนิติบัญญัติในอดีตทำงานร่วมกันเรื่อยมา ตราบใดที่ผู้บริหารปรองดองกันก็จะทำงานด้วยความสุข แต่หากไม่มีความสามัคคี ก็จะไม่มีความปกติสุข ตนเสียดาย เพราะบุคลากรทั้งสองสภามีความรู้ความสามารถทำงานด้วยความรักความทุ่มเท เชื่อว่าจะไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวย้ำ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ตนได้พูดไปชัดเจนแล้วว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นคนละเรื่องกัน พร้อมย้อนถึงการดำรงตำแหน่งประธานสภาเมื่อปี 2539 ที่เมื่อมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนประธานสภาฯตาม แต่ในปี 2540 ตนสมัครใจจะลาออกเอง เพราะมองว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากขณะนั้นต้องไปรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคการเมือง
“ตนไม่ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ แต่ระเบียบต้องรักษาไว้ ไม่ควรให้ใคร หรือพรรคการเมืองใดมาแทรกแซง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตนขอถามว่าเรากำลังจะเอาประชาธิปไตยถอยหลังไปอีกหรือ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังให้กำลังใจบุคคลากกรทุกคน ขอทำเพื่อบ้านของเรา หากเราไม่ทำ ใครจะทำ เรามีบ้านที่ใหญ่โต เราต้องสง่างามทั้งกายภาพ และกฎหมาย ข้อบังคับ วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน เพื่อคนข้างหน้าที่จะมาอยู่แทนเรา ทำเพื่อประชาชน พร้อมขอร้องว่าให้มีความสามัคคี ความรักเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับโลกนี้ แต่มนุษย์เองต่างหากที่มีกิเลสทำให้โลก ขาดความรักความสามัคคีสามัคคี และไม่น่าอยู่ สงครามและการทะเลาะเบาะแว้งเกิดจาก กิเลสไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ สามัคคีคือพลัง แต่ความแตกแยกคือความล่มสลาย.-312 .-สำนักข่าวไทย