ซูเปอร์โพล เผยผลการศึกษา “รุกฆาต แก๊งคอลฯ”

กรุงเทพฯ 16 เม.ย. – ซูเปอร์โพล เผยผลการศึกษาแผน “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” ชู กสทช. – กระทรวง DE เจ้าภาพหลัก ชี้ 3 เดือนที่แล้ว มิจฉาชีพโจรไซเบอร์อาละวาด ดูดเงินประชาชนรวม 1.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารอายัดบัญชีได้เพียง 11 ล้านบาท จี้แบงก์ชาติ-เอกชน รับผิดชอบ แนะนายกฯ เศรษฐา กวดขันกระตุ้นธนาคารพาณิชย์ตื่นตัวรักษาเงินประชาชนให้รวดเร็วขึ้น


ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน และผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 15เมษายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริง และแนวทางแก้ไข ดังนี้

ข้อเท็จจริง : ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพออนไลน์ กำลังเดินหน้าสร้างความเดือดร้อนในหมู่ประชาชนทั่วประเทศโดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคดีมิจฉาชีพออนไลน์เกิดขึ้นร่วม 5 แสนคดี แบ่งกลุ่มประเภทและความเสียหายออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มหลอกลวงแบบเป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท (2) กลุ่มหลอกลวงแบบไม่เป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 5.5 พันล้านบาท (3) กลุ่มข่มขู่ให้กลัว สร้างความเสียหายกว่า 7.9 พันล้านบาท (4) กลุ่มโจรไซเบอร์กระทำต่อระบบ สร้างความเสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท และ (5)กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์อื่น ๆ สร้างความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท


ล่าสุด พบอีก ความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์ที่เข้ามาดูดเงินของประชาชนในช่วง 3เดือนที่ผ่านมาเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารอายัดบัญชีของมิจฉาชีพได้ทันเพียง 11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.7 เท่านั้นที่ธนาคารต่าง ๆ สามารถรักษาเงินของประชาชนเอาไว้ได้ซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 1 แสดงให้เห็นว่า มิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์เอาเงินของประชาชนออกไปได้สำเร็จสูงถึงร้อยละ 99.3 ของมูลค่าเงินทั้งหมดที่ประชาชนฝากไว้กับธนาคาร ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่ธนาคารผู้รับฝากเงินของประชาชน สอดคล้องกับผลสำรวจของซูเปอร์โพลที่ค้นพบความคิดเห็นของประชาชนว่า ผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดคือ ธนาคาร รองลงมาคือ มิจฉาชีพออนไลน์ อันดับสามคือ ตัวประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเอง อันดับสี่คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และอันดับห้าคือ ตำรวจ

ตำรวจจึงไม่ใช่แพะรับบาปเพียงลำพัง แต่ผู้ที่ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบแถวหน้าด้วยคือ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ควรหันหน้ามาช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอเงินของประชานไหลออกไปเพราะเงินเหล่านั้นคือ หยาดเหงื่อแรงกาย หยดน้ำตาของคนหาเช้ากินค่ำ และตำรวจกับเหยื่อ ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่แล้ว ยิ่งเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่า หน้างานที่ล้นมือของตำรวจมีคดีมิจฉาชีพออนไลน์ร่วม 5 แสนคดีแต่มีพนักงานสอบสวนทำคดีออนไลน์เพียงหลักร้อย หลักพันเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใช้ระบบเทคโนโลยี คน กลไก และการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขเร่งด่วน

ทางแก้ไข: จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดจัดการกับมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบให้เกิดผลงานภายใน 30 วัน สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพออนไลน์ และล่าสุดกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับกรมศุลกากร สามารถตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์-เว็บพนันออนไลน์ ยึดอุปกรณ์ของกลางได้กว่า 6,000 ชิ้น


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ยังคงเกิดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่องตามที่ปรากฏในข้อเท็จจริงเบื้องต้น ดังนั้น แนวทางแก้ไขปัญหาแบบ “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” และการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที มีทางแก้ไขในส่วนของตำรวจและส่วนของธนาคารและภาคีเครือข่ายอื่น ๆ บนฐานคติและตรรกะใหม่แห่งข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้ (1) ในส่วนของ “ตำรวจ” ใช้โมเดล “ตำรวจของประชาชน” ผ่านระบบเทคโนโลยี ป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ปัญหาได้ไวให้อยู่ในฝ่ามือของเจ้าหน้าที่และประชาชน เพื่อชนะสองกลุ่มความท้าทาย คือ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยมียุทธศาสตร์สามด้าน ได้แก่ (1) ด้านธรรมาภิบาล(2) ด้านคน กับ กระบวนการแบบ shortcut รัดขั้นตอน และ (3)ด้านเทคโนโลยี

รายละเอียด คือ ด้านธรรมาภิบาล ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระจายหน้าที่พร้อมความรับผิดชอบและความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ สน.และ สภ. โดยเสริมสร้างคนที่มีไฟและแรงบันดาลใจเป็นเนื้อเดียวกันมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อประชาชนเช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทนแรงกดดัน ฟื้นตัวเร็ว สามารถระบุความเสี่ยง ป้องกัน ปราบปราม แก้ และกู้ได้ และใช้ระบบเทคโนโลยี จับตา ตรวจจับ แจ้งเตือน รับแจ้งความเปิดคดี ติดตาม และรายงานความก้าวหน้าผ่านระบบเทคโนโลยีที่เป็นแบบเรียลไทม์ เชื่อมประสานกับธนาคารและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที เพราะตำรวจมีเป้าหมายตามบัญชาของ นายกรัฐมนตรี ในกรอบเวลาคาดว่าช่วง 30 วันแรกจะมีผลงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 15 และในช่วงเดือนกันยายนจะมีผลงานความสำเร็จสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 โดยมีความพร้อมของ คน กลไก และเทคโนโลยี เริ่มจากร้อยละ 20 ในเดือนเมษายน ไปอยู่ที่ร้อยละ 80 ในเดือนมิถุนายน ตามแผนภาพที่ปรากฏ

(2)ในส่วนของ “ธนาคาร” กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและ สังคม ตลอดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช ตลอดจน “ภาคีเครือข่าย” ใช้มาตรการรุกฆาต แก๊งคอลฯ ขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า หยุดการไหลของเงินได้ทันที ขณะเดียวกันกระทรวงดีอี กสทข ควรต้องเป็นเจ้าภาพหลักทำงานเชิงรุกควบคุมกลไกการใช้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อทำให้ มิจฉาชีพออนไลน์ยอมแพ้เพราะต้นทุนและความเสี่ยงสูง ผู้ร่วมขบวนการถูกดำเนินคดีไม่มีหนทางทำธุรกรรมทางการเงิน โดยธนาคารและเครือข่ายสามารถจัดการขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ตามโมเดล “ภาพใหญ่” ในแผนภาพแนบ ด้วยการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ (Accountability) ที่เริ่มจาก ธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน โดยทำร่วมกับตำรวจทั้งตำรวจไซเบอร์/ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) /สน./สภ. มีแพลตฟอร์มการเปิดคดีที่กระชับใช้เวลาสั้น ๆ เร็วต่อการจัดการขึ้นบัญชีดำกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ และจัดการแจ้งเตือนไปยังธนาคารและธนาคารสามารถตัดเส้นทางการเงิน ชะลอการไหลของเงินได้ทันทีด้วยหลากหลายวิธี เช่น การยืนยันตัวตนในการโอนเงิน และการจัดการทางเทคนิคต่าง ๆ ที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายให้ดำเนินการได้จนถึงการปิดคดี

ในระยะสั้น การจัดการกับบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ยังสามารถดำเนินการต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นการฟื้นตัวของมิจฉาชีพออนไลน์ผ่านกระบวนการยุทธวิธีงานตำรวจ และในระยะยาว รัฐสภาและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรปรับปรุงกฎหมายให้ทันและล้ำหน้าการทำงานของมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และโจรไซเบอร์ สร้างกลไกการทำงานที่รวดเร็ว แม่นยำ และคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้ปลอดภัย ตามแผนภาพแสดงขั้นตอนจัดการบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการโอนเงินของบัญชีม้า ผลที่ตามมาคือ ความปลอดภัยในเม็ดเงินของประชาชนที่ให้ความไว้วางใจฝากไว้กับธนาคารจะเพิ่มสูงขึ้น และเงินของประชาชนผู้ยากไร้จะไหลออกไปสู่มือมิจฉาชีพออนไลน์และออกไปนอกประเทศจะน้อยลง กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ก็จะหันทำที่อื่น

ด้วยหลักคิดและแนวทางปฏิบัติที่เสนอมาข้างต้น นโยบายเร่งด่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่สั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แสดงผลงาน จึงควรจะขยายข้อสั่งการไปยัง ธนาคารของรัฐ ให้แสดงผลงานเช่นกัน เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารของรัฐอื่นๆ เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความวางใจ ว่า ธนาคารของรัฐ สามารถรักษาเงินของประชาชนไว้ได้สำเร็จมากขึ้น ให้เป็นตัวชี้วัดของการกำกับดูแลกิจการที่ดีของผู้บริหารธนาคารรัฐทุกระดับชั้น และกลายเป็นต้นแบบตัวอย่างที่ดีให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ของเอกชนเกิดความตื่นตัวช่วยเหลือรักษาเงินของประชาชนรวดเร็วขึ้นกว่าทุกวันนี้.-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]