ซูเปอร์โพล เผยผลการศึกษา “รุกฆาต แก๊งคอลฯ”

กรุงเทพฯ 16 เม.ย. – ซูเปอร์โพล เผยผลการศึกษาแผน “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” ชู กสทช. – กระทรวง DE เจ้าภาพหลัก ชี้ 3 เดือนที่แล้ว มิจฉาชีพโจรไซเบอร์อาละวาด ดูดเงินประชาชนรวม 1.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารอายัดบัญชีได้เพียง 11 ล้านบาท จี้แบงก์ชาติ-เอกชน รับผิดชอบ แนะนายกฯ เศรษฐา กวดขันกระตุ้นธนาคารพาณิชย์ตื่นตัวรักษาเงินประชาชนให้รวดเร็วขึ้น


ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน และผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 15เมษายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริง และแนวทางแก้ไข ดังนี้

ข้อเท็จจริง : ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพออนไลน์ กำลังเดินหน้าสร้างความเดือดร้อนในหมู่ประชาชนทั่วประเทศโดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคดีมิจฉาชีพออนไลน์เกิดขึ้นร่วม 5 แสนคดี แบ่งกลุ่มประเภทและความเสียหายออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มหลอกลวงแบบเป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท (2) กลุ่มหลอกลวงแบบไม่เป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 5.5 พันล้านบาท (3) กลุ่มข่มขู่ให้กลัว สร้างความเสียหายกว่า 7.9 พันล้านบาท (4) กลุ่มโจรไซเบอร์กระทำต่อระบบ สร้างความเสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท และ (5)กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์อื่น ๆ สร้างความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท


ล่าสุด พบอีก ความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์ที่เข้ามาดูดเงินของประชาชนในช่วง 3เดือนที่ผ่านมาเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารอายัดบัญชีของมิจฉาชีพได้ทันเพียง 11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.7 เท่านั้นที่ธนาคารต่าง ๆ สามารถรักษาเงินของประชาชนเอาไว้ได้ซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 1 แสดงให้เห็นว่า มิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์เอาเงินของประชาชนออกไปได้สำเร็จสูงถึงร้อยละ 99.3 ของมูลค่าเงินทั้งหมดที่ประชาชนฝากไว้กับธนาคาร ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่ธนาคารผู้รับฝากเงินของประชาชน สอดคล้องกับผลสำรวจของซูเปอร์โพลที่ค้นพบความคิดเห็นของประชาชนว่า ผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดคือ ธนาคาร รองลงมาคือ มิจฉาชีพออนไลน์ อันดับสามคือ ตัวประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเอง อันดับสี่คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และอันดับห้าคือ ตำรวจ

ตำรวจจึงไม่ใช่แพะรับบาปเพียงลำพัง แต่ผู้ที่ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบแถวหน้าด้วยคือ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ควรหันหน้ามาช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอเงินของประชานไหลออกไปเพราะเงินเหล่านั้นคือ หยาดเหงื่อแรงกาย หยดน้ำตาของคนหาเช้ากินค่ำ และตำรวจกับเหยื่อ ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่แล้ว ยิ่งเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่า หน้างานที่ล้นมือของตำรวจมีคดีมิจฉาชีพออนไลน์ร่วม 5 แสนคดีแต่มีพนักงานสอบสวนทำคดีออนไลน์เพียงหลักร้อย หลักพันเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใช้ระบบเทคโนโลยี คน กลไก และการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขเร่งด่วน

ทางแก้ไข: จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดจัดการกับมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบให้เกิดผลงานภายใน 30 วัน สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพออนไลน์ และล่าสุดกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับกรมศุลกากร สามารถตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์-เว็บพนันออนไลน์ ยึดอุปกรณ์ของกลางได้กว่า 6,000 ชิ้น


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ยังคงเกิดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่องตามที่ปรากฏในข้อเท็จจริงเบื้องต้น ดังนั้น แนวทางแก้ไขปัญหาแบบ “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” และการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที มีทางแก้ไขในส่วนของตำรวจและส่วนของธนาคารและภาคีเครือข่ายอื่น ๆ บนฐานคติและตรรกะใหม่แห่งข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้ (1) ในส่วนของ “ตำรวจ” ใช้โมเดล “ตำรวจของประชาชน” ผ่านระบบเทคโนโลยี ป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ปัญหาได้ไวให้อยู่ในฝ่ามือของเจ้าหน้าที่และประชาชน เพื่อชนะสองกลุ่มความท้าทาย คือ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยมียุทธศาสตร์สามด้าน ได้แก่ (1) ด้านธรรมาภิบาล(2) ด้านคน กับ กระบวนการแบบ shortcut รัดขั้นตอน และ (3)ด้านเทคโนโลยี

รายละเอียด คือ ด้านธรรมาภิบาล ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระจายหน้าที่พร้อมความรับผิดชอบและความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ สน.และ สภ. โดยเสริมสร้างคนที่มีไฟและแรงบันดาลใจเป็นเนื้อเดียวกันมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อประชาชนเช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทนแรงกดดัน ฟื้นตัวเร็ว สามารถระบุความเสี่ยง ป้องกัน ปราบปราม แก้ และกู้ได้ และใช้ระบบเทคโนโลยี จับตา ตรวจจับ แจ้งเตือน รับแจ้งความเปิดคดี ติดตาม และรายงานความก้าวหน้าผ่านระบบเทคโนโลยีที่เป็นแบบเรียลไทม์ เชื่อมประสานกับธนาคารและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที เพราะตำรวจมีเป้าหมายตามบัญชาของ นายกรัฐมนตรี ในกรอบเวลาคาดว่าช่วง 30 วันแรกจะมีผลงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 15 และในช่วงเดือนกันยายนจะมีผลงานความสำเร็จสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 โดยมีความพร้อมของ คน กลไก และเทคโนโลยี เริ่มจากร้อยละ 20 ในเดือนเมษายน ไปอยู่ที่ร้อยละ 80 ในเดือนมิถุนายน ตามแผนภาพที่ปรากฏ

(2)ในส่วนของ “ธนาคาร” กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและ สังคม ตลอดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช ตลอดจน “ภาคีเครือข่าย” ใช้มาตรการรุกฆาต แก๊งคอลฯ ขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า หยุดการไหลของเงินได้ทันที ขณะเดียวกันกระทรวงดีอี กสทข ควรต้องเป็นเจ้าภาพหลักทำงานเชิงรุกควบคุมกลไกการใช้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อทำให้ มิจฉาชีพออนไลน์ยอมแพ้เพราะต้นทุนและความเสี่ยงสูง ผู้ร่วมขบวนการถูกดำเนินคดีไม่มีหนทางทำธุรกรรมทางการเงิน โดยธนาคารและเครือข่ายสามารถจัดการขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ตามโมเดล “ภาพใหญ่” ในแผนภาพแนบ ด้วยการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ (Accountability) ที่เริ่มจาก ธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน โดยทำร่วมกับตำรวจทั้งตำรวจไซเบอร์/ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) /สน./สภ. มีแพลตฟอร์มการเปิดคดีที่กระชับใช้เวลาสั้น ๆ เร็วต่อการจัดการขึ้นบัญชีดำกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ และจัดการแจ้งเตือนไปยังธนาคารและธนาคารสามารถตัดเส้นทางการเงิน ชะลอการไหลของเงินได้ทันทีด้วยหลากหลายวิธี เช่น การยืนยันตัวตนในการโอนเงิน และการจัดการทางเทคนิคต่าง ๆ ที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายให้ดำเนินการได้จนถึงการปิดคดี

ในระยะสั้น การจัดการกับบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ยังสามารถดำเนินการต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นการฟื้นตัวของมิจฉาชีพออนไลน์ผ่านกระบวนการยุทธวิธีงานตำรวจ และในระยะยาว รัฐสภาและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรปรับปรุงกฎหมายให้ทันและล้ำหน้าการทำงานของมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และโจรไซเบอร์ สร้างกลไกการทำงานที่รวดเร็ว แม่นยำ และคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้ปลอดภัย ตามแผนภาพแสดงขั้นตอนจัดการบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการโอนเงินของบัญชีม้า ผลที่ตามมาคือ ความปลอดภัยในเม็ดเงินของประชาชนที่ให้ความไว้วางใจฝากไว้กับธนาคารจะเพิ่มสูงขึ้น และเงินของประชาชนผู้ยากไร้จะไหลออกไปสู่มือมิจฉาชีพออนไลน์และออกไปนอกประเทศจะน้อยลง กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ก็จะหันทำที่อื่น

ด้วยหลักคิดและแนวทางปฏิบัติที่เสนอมาข้างต้น นโยบายเร่งด่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่สั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แสดงผลงาน จึงควรจะขยายข้อสั่งการไปยัง ธนาคารของรัฐ ให้แสดงผลงานเช่นกัน เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารของรัฐอื่นๆ เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความวางใจ ว่า ธนาคารของรัฐ สามารถรักษาเงินของประชาชนไว้ได้สำเร็จมากขึ้น ให้เป็นตัวชี้วัดของการกำกับดูแลกิจการที่ดีของผู้บริหารธนาคารรัฐทุกระดับชั้น และกลายเป็นต้นแบบตัวอย่างที่ดีให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ของเอกชนเกิดความตื่นตัวช่วยเหลือรักษาเงินของประชาชนรวดเร็วขึ้นกว่าทุกวันนี้.-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบถ่ายรูป ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ

ทำเนียบ 3 ก.ค.- ชื่นมื่น! 14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ “อรรถกร” มาถึงคนแรก ปิดท้ายด้วย “นายกฯ แพทองธาร” เตรียมประชุม ครม. นัดพิเศษในช่วงบ่าย แบ่งงานรองนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ 14 คน ทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อตรวจเอทีเค ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีที่เดินทางมาเป็นคนแรก คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]