กรมทางหลวง 11 เม.ย.-นายกฯ ยัน นโยบายกระตุ้นอสังหาฯ ไม่เอื้อนายทุน ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย รับ กนง. คงอัตราดอกเบี้ย มีผลกดอัตราการซื้อ แต่ไม่ขอพูดเดี๋ยวหาว่าไปกดดัน แต่ขอให้นึกถึงความลำบาก ปชช.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเอื้อนายทุน เนื่องจากหลายบริษัทมีการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ว่า เรื่องลงทุนต้องดูให้ครบ หลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ เพราะผ่านหลายขั้นตอนมาแล้ว ทั้งกระทรวง ทบวง กรม รวมถึงกฤษฎีกา และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ให้ความเห็นมา สำหรับอสังหาริมทรัพย์ หากดูในแง่ของเศรษฐกิจโดยรวม ถ้าคนซื้อบ้าน 1 หลังซื้ออะไรบ้าง ทั้งวัสดุตกแต่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า เกิดเงินหมุนเวียนในหลายระบบอุตสาหกรรม ซึ่งหลายอุตสาหกรรมก็มีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย ซึ่งที่พักอาศัยก็ถือเป็นการออมอย่างหนึ่ง และไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจของผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่คนที่จะสร้างบ้านเอง ก็มีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
ส่วนที่ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อบ้านนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่กดอัตราการซื้อ คิดว่าตนมีจุดยืนชัดเจนเรื่องอัตราดอกเบี้ย
“เดี๋ยวจะหาว่าไปกดดัน ผู้ว่าฯธปท. อีก เพราะมีอิสระ แต่ก็ฝากไว้ว่า ความเป็นอิสระ มันไม่ได้อิสระจากความลำบากของประชาชน ขอให้นึกถึงความลำบากของประชาชนด้วย วันนี้ไม่ได้กดดันอะไรแล้ว แต่ผลที่ออกมา เชื่อว่าประชาชนจะตัดสินเองว่าควรจะต้องลด หรือไม่ไม่ต้องลดนายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักวิชาการทั้งหมดก็เห็นด้วยในการลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อลดไปแล้ว เชื่อว่าผลข้างเคียงทางเศรษฐกิจ จะเป็นบวกมากกว่าลบ ไม่ว่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน การส่งออกของไทยดีขึ้น เราเพิ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี การท่องเที่ยวอีก 20% 1 ดอลลาร์ สามารถแลกได้ 36 – 38 บาท มีเงินจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้อยู่แต่โรงแรมใหญ่ ๆ หรือเอื้อแต่เจ้าสัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร ทุกคนได้ประโยชน์ ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่ทุกคนทราบดี ตนเองไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป เพราะพูดมาเยอะ และพูดมาพอแล้ว ก็เป็นหน้าที่ให้คนอื่นพูดบ้าง นายเศรษฐา กล่าว.-317-สำนักข่าวไทย