มหาดไทย สั่งการควบคุมสถานบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์

กทม. 7 เม.ย.-“มหาดไทย” ห่วงใยประชาชน สั่งการควบคุมสถานบริการ สถานประกอบการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึง การควบคุมสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือสั่งการไปยังจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อควบคุมดูแลสถานบริการ สถานประกอบการให้ผู้ใช้บริการ หรือ ร่วมกิจกรรมในสถานที่ดังกล่าวมีความปลอดภัย ซึ่งได้ให้ทุกจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองดำเนินการป้องกันและเฝ้าระวังมิให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย และถือปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ซึ่งในกรณีมีเหตุด่วน หรือ การกระทำความผิดเกิดขึ้นในสถานที่ ได้กำชับให้ทุกจังหวัด รายงานเหตุการณ์มายังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทราบโดยเร็ว


นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนทุกคน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 นี้ โดยกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัดกำชับมาตรการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในการจัดงานรื่นเริง หรือ งานเทศกาลสำคัญเพื่อสร้างความปลอดภัยสาธารณะให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนนักท่องเที่ยว และผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้แจ้งให้เข้มงวดกวดขันในการดำเนินการตามมาตรการกำกับดูแลสถานบริการสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และเพื่อให้การควบคุมดูแลสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการ หรือ ร่วมกิจกรรมในสถานที่ดังกล่าวได้รับความปลอดภัย รวมถึงเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังมิให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือสั่งการไปยังทุกจังหวัด

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เพื่อให้การปฏิบัติของทุกจังหวัดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดมีดำเนินการควบคุมดูแลสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ดังนี้ ประการที่แรก ให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวด กวดขัน และตรวจตราสถานบริการสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ กฎหมายว่าด้วยโรงแรม กฎหมายว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดการนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการ และการก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเสียงแก่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ประการที่ 2 ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือผู้ประกอบกิจการที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทุกแห่ง ตรวจสอบในเรื่องระบบความปลอดภัย การใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว มิให้มีการใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดงที่อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ หรือ เกิดระเบิดได้ ตลอดจนการตรวจสอบระบบไฟฟ้า และแบ่งพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปียกน้ำ หรือ ชื้น เพื่อให้มีความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคน รวมทั้งควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการให้สัมพันธ์กับประเภทกิจการ เพื่อให้มีการใช้อาคารมีจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่แออัดหนาแน่นจนเกินไป


“ประการที่ 3 คือ ให้นายทะเบียนโรงแรมกำชับให้ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมจัดทำบัตรทะเบียนผู้พัก ในทันทีที่มีการเข้าพัก พร้อมส่งสำเนาทะเบียนผู้พัก ในแต่ละวันไปให้นายทะเบียนทุกสัปดาห์ และดูแลไม่ให้บุคคลหลบซ่อน หรือ มั่วสุมในเขตโรงแรมในลักษณะอันควรเชื่อว่าจะก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง หรือ จะมีการกระทำความผิดอาญาขึ้นในโรงแรม ซึ่งหากปรากฏพฤติการณ์ หรือ เหตุอันควรสงสัยว่ามีเหตุดังกล่าวให้กำชับผู้ประกอบการ แจ้งให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ทราบโดยทันที และแจ้งให้ผู้แจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมบันทึกรายการผู้เข้าพักทุกรายในรูปแบบที่เห็นว่าสะดวก ประการต่อมา ประการที่ 4 ให้สั่งการให้จังหวัดและอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างและใช้อาคารให้ถูกต้องตามประเภทของอาคารที่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งตรวจสอบระบบความปลอดภัยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร และประการสุดท้าย กรณีมีเหตุด่วน หรือ การกระทำความผิดเกิดขึ้นในสถานที่ดังกล่าว ให้รายงานเหตุการณ์ เช่น การสรุปเหตุการณ์ในเบื้องต้น ภาพถ่าย เอกสาร พร้อมระบุชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานให้กรมการปกครองทราบโดยเร็ว ทางช่องทางการรายงานของกรมการปกครอง” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อนำมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน รอยยิ้ม และความสุขของพี่น้องประชาชน และในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นดั่งราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดินมีความมุ่งมั่นที่จะสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยจิตใจที่รุกรบ มี Passion ความอดทน ทุ่มเท และเสียสละ สำคัญจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแล แบบบูรณาการ ซึ่งหมายรวมถึงการดึงภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เข้ามาร่วมเป็น Partnership ในการเฝ้าดูแลสังคมของเรา โดยสามารถให้ความร่วมมือได้ผ่านการประสานงานมายังท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หรือท่านนายอำเภอในพื้นที่ผู้เปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีประจำพื้นที่ หรือ ผ่านช่องทางศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศที่สายด่วน 1567 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยประชาสัมพันธ์เน้นย้ำผู้เดินทางกลับภูมิลำเนา และผู้ที่มีแผนจะใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นความปลอดภัยปฏิบัติตามกฎหมายและกฎจราจร “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” ขอให้ทุกพื้นที่รณรงค์ส่งเสริมแนวคิดดังกล่าวเพื่อป้องกันและลดผลกระทบทางอุบัติเหตุทุกกรณี เพื่อลดอัตราสูญเสียอาจที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และช่วย Change for Good โดยให้มีการดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี.-317.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]