รัฐสภา 3 เม.ย.-“ศิริกัญญา” ซักฟอก “ดิจิทัลวอลเล็ต” บอก เละเทะ ขายผ้าเอาหน้ารอด เปลี่ยนแหล่งที่มาหลายรอบ แถลงเก่งแต่ไม่มีเนื้อ ระบุ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ พาร์ทไทม์ ที่เหลือเอาเวลาไปบิน
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระการประชุมอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในธีม “ปัญหาเฉพาะหน้ารอได้ ปัญหาระยะไกลไม่เห็นทางออก” โดยใช้เวลากว่า 40 นาที
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า รัฐบาลขยันแถลงผลงานมาก หลายโครงการที่อยู่ในระดับที่ขับเคลื่อนส่งเสริม เร่งรัด แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมอก็เอาบรรจุเป็นผลงานไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายเรื่องเล็กน้อยมาก จนงงว่าเอามาเคลมได้ด้วยหรือ เช่น ขยายเวลาการเปิดสนามบินเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนตั้งตารออยู่ แต่เอามาเป็นผลงานได้จริงหรือ ผลงานรัฐบาล พอมาเปรียบเทียบกัน 3 เดือนและ 6 เดือน ก็พบว่ามีการผลิตซ้ำ ไม่มีอะไรใหม่ เรื่องเพิ่มรายได้มีเพิ่มมาแค่ 2 เรื่อง คือการปรับลดภาษีไวน์และสุราแช่ สุรากลั่นของชาวบ้านยังรออยู่ และยางพาราทะลุ 80 บาท
“จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือนผลงานน้อยมาก เรื่องการขยายโอกาส ไม่ต้องพูดถึง แบบนี้เป็นเพราะว่านายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีแบบพาร์ทไทม์หรือไม่ อีกส่วนหนึ่งของเวลาเอาไปใช้กับการเป็นเซลล์แมนของประเทศ เลยทำให้ไม่มีใครมาบริหารราชการแผ่นดินแบบฟูลไทม์ สิ่งที่เราเฝ้ารอคือเรื่องการฟื้นฟู กระตุ้น หรือพยุงเศรษฐกิจให้ดีขึ้นแต่กลับไม่เห็น”นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องแรกมาตรการลดรายจ่ายของรัฐบาลกำลังหมดอายุ พี่น้องประชาชนก็สอบถามว่าการลด ลดไปตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว จะยังใส่มาทำไม ทำให้หนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เป็นภาระที่ต้องจ่ายเพิ่ม สะสางเพิ่ม ตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร หมดอายุไปตั้งแต่ 31 ม.ค. 67 , ลดภาษีน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร ก็จะหมดอายุไป 19 เม.ย. 67 ตนขอให้พี่น้องประชาชนเตรียมตัวรับมือไว้ ทุกวันนี้เราก็ยังตั้งคำถามว่าจะเอาอย่างไรต่อ เรื่องการลดค่าของชีพ โดยไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาระยะยาว
สิ่งที่รัฐบาลลดค่ารายจ่าย มีภาระที่เกิดขึ้น เช่น กองทุนน้ำมัน ส่วนเรื่องลดภาษี ดูทรงแล้วก็คงไม่ได้ไปต่อ เพราะ ครม.ไม่อนุมัติ กรมสรรพสามิตก็เก็บภาษีหลุดเป้า 3.2 หมื่นล้านบาท ภาระจึงตกไปอยู่ที่กองทุนน้ำมัน เเล้วก็กู้จนเต็มเพดานไปแล้ว
“ท่านจะมีแผนการจัดการอย่างไรของสถานะกองทุนน้ำมันจะมีออก พ.ร.บ. ขยายวงเงินกู้กองทุนน้ำมันหรือไม่ แล้วจะมีพื้นที่ทางการคลังเหลืออยู่หรือไม่ เพราะเมื่อกู้แล้ว จะกลายเป็นหนี้สาธารณะ ในเมื่อท่านต้องการกั้นพื้นที่นี้ไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ต” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
ส่วนเรื่องการเพิ่มรายได้ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องยางพารา ตนเชื่อที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พูดแล้วว่า ดีจริงๆ แต่สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือเรื่องยางเถื่อน
“ท่านธรรมนัสบอกว่าย้ายใครก็ย้ายได้ แต่ลองไปดูรายชื่อสิคะ มีแต่คนระดับปลาซิว ปลาสร้อยทั้งนั้นเลย แถมผลสอบก็ออกมาว่าไม่ผิดอะไร จะเป็นไปได้อย่างไร ที่เราควบคุมการนำเข้ายางพาราเถื่อน เพียงแค่ใช้ทหารควบคุมชายแดน โดยที่ไม่ได้ตรวจตราด่านศุลกากรที่ปล่อยให้มีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจมากมาย เช่น นโยบายการออกรถ การพยุงกำลังซื้อ พร้อมตั้งคำถามว่า ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ในเมื่องบประมาณ 67 ก็ออกมาแล้ว เราจะได้เห็นมาตรการอะไรที่จะช่วยพยุงกำลังซื้อในระยะสั้น
ส่วนในระดับโครงสร้าง นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า นโยบายวีซาฟรีไม่ได้ช่วยอะไรในภาคส่วนการท่องเที่ยว บอกว่าเป็นการคิดใหญ่ทำเล็ก เพราะไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาที่เราเผชิญกันอยู่ในตอนนี้ หากคิดว่าการที่นักท่องเที่ยวลดลงเป็นเพราะสถานการณ์โควิด เดี๋ยวนักท่องเที่ยวก็คงกลับมา เราก็จะให้วีซ่าฟรีคิดในระยะสั้น แต่เมื่อเรามาดูโครงสร้างพบว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว จำนวนที่นั่งในเที่ยวบินนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยลดลง โดนญี่ปุ่นแซงไปแล้ว และยังมีเกาหลีใต้ที่หายใจลดต้นคอ
“ถามว่านโยบาย Tourism Hub ของนายกรัฐมนตรีจะช่วยอะไร นอกจากนี้ การเจรจา FTA ยังสูญเปล่า เพราะผู้ส่งออกไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ ภาคส่งออกก็ย้ำแย่กว่าประเทศอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน อยากให้รัฐบาลคิดถึงความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับจีนที่กำลังตีตลาด และทำให้ไทยขาดดุลการค้า ประชาชนก็ก้มหน้าก้มตารับกรรม จึงต้องทวงถาม เพราะนายกรัฐมนตรีไปให้สัมภาษณ์ว่าประเทศจีนเป็น “บิ๊กบราเทอร์” และ “ตั่วเฮีย” ตนไม่ได้ปกป้องในทุกอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้ปลาใหญ่ทยอยกินปลาเล็กไปหมดแล้ว จะคุยกับตั่วเฮียว่ายังไง”นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าเราจะเป็น Last Man Standing เป็นฐานการผลิตสุดท้ายของรถยนต์สันดาป เราเป็นได้ แต่ต้องเตรียมการเพื่อเปลี่ยนผ่าน วันนี้มีแรงงานที่เสี่ยงตกงาน 800,000 คน เรายังคงวนเวียนอยู่กับสินค้าในโลกเก่า กำลังจะตกยุค หรือลดความสำคัญลง แล้วรัฐบาลมีนโยบายรองรับหรือไม่ ตนพยายามหาแล้ว ไม่มีการพูดถึง
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า อย่างน้อยเราก็โชคดีที่ประเทศไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป รัฐบาลเลิกพูดแล้วว่า ประเทศเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ
“ก็ต้องบอกว่าที่เราผ่านพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ ไม่ได้เกิดจากการที่พระสยามเทวาธิราชปกป้องหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใด แต่เกิดจากองค์กรที่เรียกว่า ป.ป.ช. ที่มาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้กับเรา โดยออกรายงานมาฉบับหนึ่ง เพื่อเป่ากระหม่อมบอกว่า ไม่มีวิกฤต จากนั้นรัฐบาลก็เลิกพูดว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจทันที” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า การประโคมข่าวร้ายว่าประเทศกำลังวิกฤต ก็เพื่อจะได้ใช้กลไกพิเศษในการกู้เงินไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น ซึ่งในที่สุดก็มีความคืบหน้าเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดเป็นครั้งที่ 5 รัฐบาลที่แถลงก็ยิ่งเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงิน ทั้งงบ 67 , กู้ออมสิน , งบผูกพัน 67-68 , พ.ร.บ.เงินกู้ เป็นต้น รอบนี้จะเป็นครั้งที่ 5 คาดว่าน่าจะใช้แหล่งเงินจาก 3 แหล่ง คืองบกลางปี 67 , งบปี 68 และการกู้จาก ธกส. ซึ่งเป็นวิธีที่พิสดารพอสมควร นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเงื่อนไขไม่หยุด ทั้งคุณสมบัติ ช่องทาง และระยะเวลา
“ความสับสนอลหม่านแบบนี้ แม้แต่กองเชียร์ก็ยังเหนื่อยที่จะแบกเลย สำหรับแอพพลิเคชัน เปิดฉากมาอย่างเร้าใจ ว่าจะใช้ซุปเปอร์แอพ บล็อกเชนด้วย ต่อมาบอกไม่เอาแล้ว จะใช้เป๋าตังค์ ทุกวันนี้ได้ข่าวว่ากรุงไทยบอกว่าไม่ทำ อาจจะต้องมีแอพเป็นของตัวเอง เอาใจช่วยค่ะ ว่าจะเสร็จทันไตรมาส 4 ของ ปี 67 หรือไม่” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า 3 แหล่งที่มาของงบที่ตนได้ทำนายไว้ เป็นการออกสู่ทะเลไปแล้ว เพราะมูลค่า 5 แสนล้านบาท ก็มาจากการกู้อยู่ดี
“ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเละเทะ จากการที่จะต้องเปลี่ยนแหล่งเงินไปมาประมาณ 5 ครั้ง ยังไม่รู้ว่าจะมีรอบที่ 6 หรือไม่ เลื่อนการแจกอย่างน้อย 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอพพลิเคชันที่ใช้ เปลี่ยนเรื่องจำนวนคนตลอดเวลา มันทำให้ชวนคิดเขาว่า สรุปแล้วรัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริงหรือไม่ เรื่องความรู้ความเข้าใจการคลัง ทำให้ตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายแบบนี้มาได้ และการที่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใดๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แบบนี้ แล้วท่านก็ขยันแถลงมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าอาทิตย์เดียว แถลงไปถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ประเทศได้รับความเสียหาย เพราะโมเมนตัม หรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจจะไม่เกิด คนอาจจะไม่เชื่อมั่น จึงเป็นปัญหาที่ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะนโยบายใดนโยบายหนึ่ง จึงอยากเรียกร้องรัฐบาล เรียกร้องความเชื่อมั่นกลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว ตอนนี้ทำได้ไม่กี่นโยบายก็นิ่งสนิท แล้วยังต้องให้ประชาชนรอไปอีก.-312-สำนักข่าวไทย