“ชัยธวัช” แถลงเปิดซัดแรง รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ

รัฐสภา 3 เม.ย.-ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ ม.152 วันแรก “ชัยธวัช” แถลงเปิดซัดแรง รัฐบาลทำงานไร้ประสิทธิภาพ เพิกเฉยนโยบายที่แถลงไว้กับสภาฯ ทำลายหลักนิติธรรม ขณะนายกฯ ลุกแจงทันควัน ติงเริ่มต้นก็พูดแรง พร้อมแจงนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้(3 เม.ย.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง


ก่อนการประชุม วิป 3 ฝ่าย ได้หารือและได้ข้อสรุปจประชุม 2 วัน คือ วันที่ 3 – 4 เม.ย. 2567 โดยวิปรัฐบาลได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า พรรคฝ่ายร่วมค้านได้เวลาอภิปราย 22 ชั่วโมงตามเดิม ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลจากเดิมกำหนดไว้ 8 ชั่วโมง ปรับเป็นไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่ขึ้นอยู่กับการชี้แจงการอภิปรายจนสิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจประธานสภา และรัฐมนตรี ซึ่งในวันนี้ (3 เม.ย.) จะอภิปรายถึงเวลา 01.00 น. และในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) จะอภิปรายถึงเวลา 23.00 น. 

จากนั้นเวลา 09.30 น. นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ยื่นญัตติ ได้แถลงเปิดการอภิปราย ว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา หาผลงานไม่ได้ หลักนิติธรรมถูกทำลาย ด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม สองมาตรฐาน บริหารราชการอย่างไร้จริยธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความจริง ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม


ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐบาลแถลงนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถด้วยนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลอวดอ้างว่าจะจุดชนวนกระตุ้นเศรษฐกิจให้แพร่หลาย เป็นความผิดพลาดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ หากจะดำเนินการต่อ จะสร้างหนี้สินของประเทศมากขึ้น นโยบายลดรายจ่าย แต่สุดท้ายค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้น อวดอ้างสร้างโอกาสให้ประชาชน แต่กลับมีนโยบายสร้างโอกาสให้กลุ่มทุน วาทกรรมชูลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับบริหารราชการแผ่นดินที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนมากขึ้น ขายฝันสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่รัฐบาลยังไม่มีปัญญาทำได้ รัฐบาลแถลงนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ความเป็นจริงกลับไม่นำพาต่อประโยชน์ของประชาชน  มิหนำซ้ำยังปิดกั้นโอกาสของประชาชน ปัญหาหนี้สิน ยังไม่ได้ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ยังต้องทนทุกข์กับหนี้สินที่เกิดขึ้น

นายชัยธวัช กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งเราหวังว่า จะได้ผู้นำประเทศที่ต่างจากผู้นำหลังรัฐประหาร แต่เรากลับได้นายกฯ ที่ไร้วุฒิภาวะไปอีกแบบ ขาดภาวะผู้นำในการสร้างความเชื่อมั่นในความชัดเจนของรัฐบาล ซ้ำร้ายมีวิธีคิดจัดตั้งรัฐมนตรีแบบเดิม จัดตั้งตามโควต้า แทนการจัดสรรบุคลาการที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละกระทรวง ประชาชนคาดหวังการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตามที่รัฐบาลแถลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับพบวิกฤติศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน รวมถึงในระบบราชการที่เต็มไปด้วยระบบตั๋ว ระบบส่วย จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจในกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน

“ท่านไม่ต้องพูดว่า ถ้าไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะประชาชนต้องการอยู่ในระบบเดียวกัน ประเทศเดียวกัน ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรี ภาพ และได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน ในกฎหมายฉบับเดียวกัน อยากเห็นระบบการเมืองที่นำพาชาติไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เจอคือ ประชาธิปไตยแบบที่ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ผู้นำทางการเมือง ลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจ ผูกขาดอำนาจทางการเมืองแก่ผู้มีอิทธิพลไม่กี่กลุ่ม ทำให้เกิดสภาวะการเมืองที่ไม่ตอบสนองความต้องการแบบใหม่ของประชาชนได้ จากข้อเท็จจริงดังที่กราบเรียนมาแล้ว เป็นข้อยุติแล้วว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ไร้ซึ่งหลักนิติธรรม ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ทำให้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สภาวะสังคมล้มเหลว เลือกปฏิบัติ ไร้มาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำ เหยียบย่ำประชาชน เศรษฐกิจย่ำแย่ สังคมเสื่อมถอย ประชาชนยากไร้ รับใช้พวกพ้อง สนองกลุ่มทุน” ” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว


นายชัยธวัช กล่าวว่า เราคาดหวังว่าจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร แต่ปรากฏว่าเรากลับได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้ภาวะผู้นำ หลายคนสับสนว่าเป็นใครมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง แต่นายกรัฐมนตรีขาดความเป็นผู้นำ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนของทิศทางรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแบบเดิมๆ ที่จัดสรรตามโควตาสมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม ในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ

“หลังจากจัดตั้งครม. เห็นท่านรัฐมนตรีหลายท่านสิ้นหวัง แล้วพอรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารประเทศมากกว่าครึ่งปีแล้ว ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ปากท้องดีขึ้น แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนพบคือการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายที่เป็นเรือธงของรัฐบาล ขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรม ไม่ตรงเป้าหมาย แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนลืมตาอ้าปากอย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นธรรม กลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด เอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้า แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างน่าละอาย” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า ประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนอยากเห็นการจัดทำประชามติโดยเร็ว แต่ก็ยังวกไปวนมา พี่น้องประชาชนไม่แน่ใจว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง มิหนำซ้ำเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วกลับพบว่าหากจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน เราอาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แม้จะใหม่ แต่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปพบว่ากระบวนการนิติสงครามยังดำเนินการต่อไป ไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร สถานการณ์ปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่าง

“สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มเห็นสัญญาณว่าถูกคุกคามแทรกแซง พี่น้องประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรม นิติรัฐที่รัฐบาลแถลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเกิดวิกฤติศรัทธาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยเป็นมาก่อนในตำรวจ กระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซ้ำเติมวิกฤติศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลังการรัฐประหาร ประชาชนคาดหวังระบบการเมืองที่เดินไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เราเจอผู้นำทางการเมืองผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชนชั้นนำไม่กี่คน แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้า สร้างการเมืองแบบใหม่เรากลับเจอการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เราตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองความคิดใหม่ ๆของประชาชน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการแบบใหม่ คือสถานการณ์ที่สภาผู้แทนราษฎรจำเป็นต้องวิเคราะห์วิจารณ์ตั้งคำถามเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ขอชี้แจงทันที ว่ามีความยินดีที่หากมีประเด็นไหนที่ไม่ชัดเจน พร้อมจะให้ความกระจ่าง หากมีข้อเสนอแนะ บางเรื่องเชื่อว่าจะนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและในเวลา 2 วัน จะพูดคุยกันอย่างสร้างสรร ให้ประชาชนได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

“เริ่มต้นก็พูดแรงพอสมควรทั้งสิ้นหวัง ล้มเหลว ปฏิรูป ถอยหลัง ทำลาย แต่ก็มีอีกด้านคือมีหวัง พัฒนา ก้าวหน้า เราก็เดินหน้าไป บอกว่า ปิดบัง เราก็โปร่งใส หลายอย่างที่รัฐบาลพยายามทำเป็นเรื่องบวก เป็นเรื่องของแสงสว่าง หากยังมีเรื่องกังขาก็ขอให้บอกมา รัฐมนตรีพร้อมชี้แจงหลังทำงานมา 6 เดือน และสภาฯ เพิ่งอนุมัติงบฯ เชื่อมั่นว่าทำงานอย่างซื่อสัตย์ โปร่งใส พร้อมชี้แจง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายเศรษฐา ชี้แจงกรณีหนี้สินประชาชนว่า ตั้งคณะทำงานดูแลหนี้นอกระบบ เรื่องพลังงานก็ดูแลราคาเบนซิน ค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล ซึ่งรัฐบาลตระหนักดี และจะมีขั้นตอนทำงานต่อไป ไม่ได้เพิกเฉย ปัญหายาเสพติดมีคณะทำงานโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาไตรมาส 4 จับยาบ้ามากว่าปีก่อนทั้งปี ซึ่งเห็นว่ากวดขันเป็นอย่างดี 

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ในส่วนของการท่องเที่ยว สร้างรายได้ มีวีซ่าฟรี ทั้งไทยและจีนที่เดินหน้าทำให้การค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวดีขึ้น ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเดินทางไปหลายประเทศ เพื่อให้พาสปอร์ตไทยมีพลังมากขึ้น รายได้เกษตรกร ตระหนักดีเพราะมีสส.314 เสียง ทุกคนเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเราพร้อมรับฟัง กรณีราคายางจาก 30 บาทไปเกือบ 100 บาท ราคาข้าวก็สูง พืชผลอื่นก็ดี ไม่มีประท้วง กระทรวงพาณิชย์พยายามไปเปิดตลาดใหม่ กำหนด KPI ทูตพาณิชย์ให้ทำงานอย่างบูรณาการเพื่อให้ราคาพืชผลดีขึ้น PM 2.5 รัฐบาลเสนอพ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสภาฯ  แม้ จ.เชียงใหม่ จะยังอากาศไม่ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบ จำนวนฮอตสปอตลดลง

“รัฐบาลให้ความสำคัญของประชาชนทุกคน ผมเดินทางบ่อย รวมเกือบ 10 กว่าครั้ง การเดินทางกว่าครึ่ง คือควรต้องไป ทั้งเวทีอาเซียน และเราเป็นน้องใหม่เพิ่งรับตำแหน่ง ต้องไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบาย เพื่อให้ไทยมีตัวตนในเวทีโลก การไปแต่ละครั้งมีคุณภาพ รวมถึงการเจรจา FTA เพื่อยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาเพราะเพิ่งเข้ามาแค่ 7 เดือนเท่านั้น หากสมาชิกมีข้อเสนอแนะอะไรที่ดี ยินดีรับฟัง และหากมีข้อกล่าวหาอะไรก็ขอหลักฐานและเหตุผล เช่น เรื่องกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หลังประเทศผ่านการเลือกตั้งมา เชื่อว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย