สว.รับหลักการ “สมรสเท่าเทียม” ตั้ง กมธ.ศึกษาต่อ  

รัฐสภา 2 เม.ย.-สว.รับหลักการ “สมรสเท่าเทียม” ตั้ง กมธ.ศึกษาต่อ “สว.เสรี” ยินดี ชี้ถึงเวลาต้องยอมรับความจริง ขณะ “สว.สานิตย์” อยากให้มีผลใช้ทันที


การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (2 เม.ย.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งก่อนสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม ในวันที่ 9 เม.ย. มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ สมรสเท่าเทียม หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จแล้ว และส่งต่อมาให้วุฒิสภาพิจารณาต่อให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรส่งมาให้

ซึ่ง สว.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย โดยนายวันชัย สอนศิริ ในฐานะคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรมจริยธรรม ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา ที่พิจารณาคู่ขนาน อภิปรายเป็นข้อสังเกตว่า ประเทศที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมในลักษณะนี้มีเพียงไม่กี่ประเทศ และในประเทศมุสลิมไม่รับรองกฎหมายฉบับนี้เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นควรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ที่สำคัญร่างกฎหมายนี้ เป็นการรับรองสิทธิ์ในการก่อตั้งครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ อย่างไรก็ตามกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่บังคับไม่ให้ทำการ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิ์ที่สามารถทำได้ ดังนั้นหากเห็นว่าผิดคำสอนศาสนา ก็ไม่ต้องไปทำก็ได้


นายวันชัย  กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบเชิงศีลธรรมทางสังคม เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ การล่วงละเมิดทางเพศ การลักลอบอุ้มบุญ และข้อจำกัดในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา คณะกรรมาธิการจึงมีข้อสังเกตว่า ประเด็นทางศาสนาควรมีการสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้ที่นับถือศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียว  เพื่อให้ยอมรับการก่อตั้งครอบครัว ทั้งนี้องค์กรศาสนาที่เกี่ยวข้องควรดำรงบทบาทในการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องต่อสาธารณะชน ตลอดจนเป็นองค์กรที่หาทางออกในเรื่องที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงค่านิยม รวมถึงควรทำหน้าที่ป้องกันหรือระงับข้อพิพาททางความคิดของคนที่อยู่ร่วมกันทางสังคมในอนาคต ส่วนประเด็นทางวัฒนธรรมควรมีมาตรการในเชิงสังคมหรือนโยบาย เพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เอื้อต่อการสร้างครอบครัวรูปแบบใหม่ใหม่ เช่น การกำหนดนโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสเพศเดียวกัน หรือผู้ที่มีลักษณะข้ามเพศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและบุตร

ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ อภิปรายว่า เรื่องความเท่าเทียมเห็นได้ว่าเราพยายามเรียกร้องมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ และค่อยๆ พัฒนาขึ้น เพียงแต่ปัญหาเรื่องเพศไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไหร่ในโลกความเป็นจริง แม้จะพบเจอกันคนใกล้ตัวที่เราได้พบเสมอมา

“ผมได้พบตั้งแต่สมัยมัธยม ก็มีเพื่อนมีรุ่นน้องโรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชาย ก็มีเพื่อนนักเรียนเหล่านี้มีพฤติกรรมแสดงออกไปในแนวทางคนละเพศกัน แรกๆ ก็อาจจะดูว่าแปลกออกไป แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าสังคมได้ยอมรับมากขึ้น ตอนแรกต้องปิดๆบังๆ แอบๆ แต่เมื่อสังคมยอมรับมากขึ้น ก็มีความชัดเจน” นายเสรี กล่าว


นายเสรี ย้ำว่า เรื่องเพศเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันโลกเจริญขึ้น เป็นเรื่องที่แปลก ธรรมชาติสร้างให้มีหญิงกับชาย แต่ธรรมชาติเองกลับสร้างให้ชายเป็นหญิง หรือหญิงเป็นชาย แล้วจำนวนคนมากขึ้น

“ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงในสิ่งเหล่านี้  เพียงแต่ว่าเราจะทำให้เขาอยู่อย่างไรในสังคมปัจจุบัน ผมยอมรับได้ว่ากฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมา มีภาคประชาชนเสนอกฎหมายเหล่านี้เข้ามา แสดงว่าประชาชนต้องการ เราคงจะไม่ตัดสินใจหรือพิจารณาตามกระแส แต่ต้องพิจารณาตามเหตุผล” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวต่อว่า หากกฎหมายบังคับใช้แล้ว เราต้องไปดูอีกด้านหนึ่งด้วย ให้เขาใช้ชีวิตด้วยกันได้ ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ เราให้โอกาสแต่งงานกัน จดทะเบียนกัน แต่อยู่ได้พักเดียวก็เลิกกัน ก็กลายเป็นปัญหาสังคม ดังนั้นเราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย เช่น ก่อนจะจดทะเบียนสมรสกัน ให้อยู่ด้วยกันก่อน 6 เดือนได้หรือไม่ เมื่อเข้าเงื่อนไข ก็มาจดทะเบียนกัน

“ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าในสังคมโลกปัจจุบันความจำเป็นที่จะต้องให้คนเพศเดียวกันอยู่ด้วยกัน หมั้นกัน สมรสกัน และเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาหรือระหว่างบุคคลถ้าหย่ากันผลจะเป็นอย่างไร ผมเรียนกฎหมายมา เป็นทนายความมา เพราะฉะนั้น กฎหมายมรดก มันเกี่ยวพันกันเชื่อมโยงกันหมด เพราะฉะนั้น เราอย่าเพิ่งคิดว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นชัยชนะ เราต้องคิดไปไกลกว่านั้น” นายเสรี กล่าว

ขณะที่พลตำรวจโทสานิตย์ มหถาวร อภิปรายว่า ความทุกข์ของประชาชนคือเรื่องของเรา เรื่องนี้ต้องเห็นใจพี่น้องชาว LGB อยากให้กรรมาธิการปรับแก้ช่วงอายุในการสมรส เป็น 20 ปี เพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะตามมา เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ และ อยากให้กฎหมายฉบับนี้ มีผลทันที ไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน เพราะมีคนจำนวนไม่น้อย ที่รอคอยกฎหมายฉบับนี้ได้ใช้กฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องแก้ไขตาม คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแบบฟอร์ม ในระบบราชการ เป็นต้น

ด้านตัวแทนภาคประชาชน ผู้เสนอกฎหมาย กล่าวว่าในฐานะเยาวชนที่เป็นกระเทย ขอขอบคุณ สว. ที่เห็นคุณค่า เห็นศักดิ์ศรี และความเป็นอยู่ของ กลุ่ม LGBTQI+ นี่จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการให้สิทธิ์ ความเป็นธรรมทางเพศ มีความสำคัญต่อลมหมายใจของ LGBTQI+  เชื่อว่ามวลมนุษยชาติจะเห็นว่า การให้สิทธิ์กับพวกเรานั้นเป็นการต่อลมหายใจของพวกเราจริงๆ

ท้ายสุด ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 147 ไม่เห็นชอบ 4 คน งดออกเสียง 7 คน จากสมาชิก 158 คน หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาจำนวน 27 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย