ถกประกาศ สธ.ยาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 เม.ย.- “ผู้ตรวจฯ” หารือประกาศ สธ.ยาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ “ผู้การแต้ม-นักอาชญวิทยา” ขอให้ส่งศาลปกครองพิจารณา


พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานประชุมเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริง กรณีที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและเสนอความเห็นไปยังศาลปกครองให้วินิจฉัย ว่ากรณีกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครอง 2567 โดยหนึ่งในนั้นมีการกำหนดปริมาณการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ยาไอซ์ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม เป็นการครอบครองเพื่อเสพ และให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ป่วย มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่

โดยได้มีการเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมการแพทย์ เข้าร่วมหารือ


พล.ต.ต.วิชัย ซึ่งเดินทางมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า เนื่องจากเห็นว่ากฎกระทรวงดังกล่าว ขัดต่อความสงบเรียบร้อยไม่สร้างผลดีให้กับประชาชน ตรงกันข้ามสร้างผลร้ายให้กับประชาชนมากขึ้น และประกาศกฎกระทรวงฯ ไม่ได้ทำตามหลักวิชาการ มีการเร่งรีบที่จะออกประกาศ ซึ่งเชื่อว่าการออกประกาศมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เชื่อว่าจะเกิดปัญหาในภายหลัง อย่างช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) ก็มีข่าวคนคลั่งยา ตัดศีรษะมารดา และหิ้วหัวประจาน ก็เกิดจากพิษภัยของยาบ้า สะท้อนให้เห็นว่ารัฐไม่ได้มีการควบคุมหรือมีนโยบายที่จะทำให้ผู้เสพหายจากอาการป่วยอย่างเด็ดขาด แต่กลับนำปริมาณยามาเป็นข้อสันนิฐาน ว่าเป็นผู้เสพ และสร้างความลำบากในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มากมาย ที่สำคัญเป็นนโยบายนี้เอื้อให้เจ้าหน้าที่ทุจริตต่อหน้าที่มากขึ้น ปัญหาอาชญากรรมมากขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้น จึงถือว่าประกาศนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน อยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องไปยังศาลปกครองให้ยกเลิก เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย

พล.ต.ต.วิชัย ยังตั้งคำถามว่าเหตุใดกฎกระทรวงฉบับนี้ จึงระบุว่ายาเสียสาว ต้องมีไว้ไม่เกิน 10 เม็ด ถือว่าเป็นผู้เสพ เพราะผู้ที่จะถือยานี้คือผู้ชายที่จะนำยาไปใส่ให้กับผู้หญิงกินแล้วล่วงละเมิดทางเพศ คงไม่มีผู้หญิงที่จะใช้ยานี้เพื่อตัวเอง จึงไม่เข้าใจว่านำเรื่องนี้มากำหนดไว้ในประกาศกฎกระทรวงได้อย่างไรเพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างชัดเจน

ด้าน พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ “อาจารย์โต้ง” นักอาชญวิทยา กล่าวว่า วันนี้มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางวิชาการ กับผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการที่จะออกนโยบาย หรือออกประกาศดังกล่าวจะต้องยึดโยงกับข้อมูลหลักทางวิชาการ และการวิจัย รวมถึงข้อมูลจากฝั่งผู้ปฏิบัติงาน หากย้อนดูในงานวิจัย ไม่เห็นว่าทั้งในประเทศและต่างประเทศมีงานวิจัยที่ทำให้อ้างเราสามารถนำมาอ้างได้ว่าการครอบครองยาบ้า 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพ ซึ่งนโยบายเหล่านี้หากมองในมุมหนึ่งรัฐบาลอาจมีเจตนาที่ดี แยกระหว่างผู้เสพและผู้ค้ารายย่อย โดยมีหลักเกณฑ์บางอย่างเพื่อเป็นเส้นแบ่ง แต่ทุกนโยบายย่อมมีด้านบวก และลบเสมอ ซึ่งนโยบายเหล่านี้อาจเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าการปราบปรามยาเสพติดเราไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะเรามองแค่มิติเดียวที่ว่าผู้เสพคือผู้ป่วย แต่จริงๆแล้วมีหลายมิติที่รัฐบาลควรจะต้องดู เช่นการบำบัด ฟื้นฟู และแก้ไขผู้ติดยาเสพติดระดับชุมชน มีการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ สถานที่บำบัดมีเพียงพอหรือไม่ เจ้าหน้าที่ บุคลากร งบประมาณใครเป็นเจ้าภาพ มีกำลังเพียงพอหรือไม่


“แต่ขณะนี้กลายเป็นช่องโหว่ ช่องว่าง เช่นผู้ค้ารายย่อยก็ซอยจำหน่ายยา จากเดิมพก 10 – 15 เม็ด ก็เปลี่ยนมาเป็นพก 5 เม็ด หากตำรวจเจอก็สันนิษฐานก่อนว่าเป็นผู้เสพ ถึงแม้จะบอกว่าดูพฤติการณ์ประกอบก็อาจจะแจ้งข้อหาเป็นผู้ค้าได้ แม้จะมีแค่เม็ดเดียวแต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่จะดูพฤติการณ์นั้นคือตำรวจ ฝ่ายสืบสวน แต่เราก็ทราบกันดีในปัจจุบันตำรวจก็ยังมีปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งผมหวังว่าจะมีการทบทวน โดยดูสถิติว่าตั้งแต่ประกาศฉบับนี้ออกไป มีการดำเนินคดีกับผู้ครอบครองยาเช่น 5 เม็ดมีการแจ้งข้อหาจำหน่ายกี่ราย” พ.ต.ท.กฤษณพงค์

อย่างไรก็ตามจากที่มีการทบทวนนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดของไทย พบว่าการยึดอายัดทรัพย์ขบวนการเครือข่ายเกี่ยวกับยาเสพติดยังน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณยาที่เกิดขึ้น หรือขบวนการเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น และยาเสพติดก็เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม อาชญากรรมข้ามชาติ เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนด้วย ดังนั้นเราอาจจะต้องมองปัญหารอบด้านในทุกมิติ ส่วนตัวเห็นว่านโยบายอะไรก็ตามที่ประกาศออกมาต้องมีความเข้าใจทั้งในเรื่องของความรู้ หลักวิชาการและเข้าใจในมุมมองฝั่งผู้ปฏิบัติ เพราะสุดท้ายเราเห็นตรงกันเพื่อสังคมที่สงบสุขเรียบร้อย

ด้าน พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่า การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือในวันนี้เพื่อทบทวนประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียนว่าอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือเกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมารับฟังข้อมูลในการที่จะเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้มีคำวินิจฉัย ซึ่งก็จะมีอยู่ 2 กรณี หากขัดต่อกฎหมายก็จะส่งเรื่องต่อศาลปกครอง แต่หากกฎกระทรวงฉบับนี้ยังไม่เหมาะสมยังมีข้อบกพร่องใดๆ ก็จะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวน ทั้งนี้เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับดำเนินการแล้ว หากจะส่งเรื่องไปยังศาล ก็จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จไม่เกิน 90 วันนับจากวันที่ได้รับเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากการประชุมดังกล่าว สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการประมวลความคิดเห็น เพื่อส่งเรื่องให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณามีมติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป . 314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย