คุยจีน เปิดข้อเสนอใหม่ ยกเลิกเรือดำน้ำ เปลี่ยนเป็น เรือผิวน้ำ

กทม. 1 เม.ย.-“สุทิน” รับคุยจีน เปิดข้อเสนอใหม่ ยกเลิกเรือดำน้ำ เปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำ ชี้สังคมไทยไม่มั่นใจ คุณภาพเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ยืนยันเงินที่จ่ายไปแล้วไม่สูญเปล่า ลั่น เม.ย.นี้ จบแน่ นำเข้า ครม. พิจารณา

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง การเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ไปพูดคุยเจรจาเรื่องเรือดำน้ำ เพราะอยากให้จบ ซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้น แต่ยังมีความกำกวมเรื่องข้อกฎหมาย จึงส่งให้หลายหน่วยงานตีความ เมื่อตีความเสร็จสิ้นก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อรับฟังข้อมูล หลังจากคณะทำงานดำเนินการจบแล้ว ก็พอจะรู้แนวโน้ม ก็รีบหาทางออกไว้หลายทาง เพื่อให้สอดคล้องการตีความและผลของคณะทำงาน จึงได้เดินทางไปจีน ซึ่งได้หารือกันหลายแนวทางว่า แนวทางใดบ้างที่จีนจะร่วมมือกับเราและไปได้ในข้อกฎหมายและคณะทำงานของเรา


“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องฟังความเห็น ครม. เพราะการจะเป็นมติใดๆ ทุกคนต้องรับผิดชอบ ว่าเขาสบายใจหรือไม่สบายที่จะต้องเลือกแต่ละแนวทาง  การไปจีนผมได้เสนอหลายแบบ ถ้าเดินหน้าเรือดำน้ำจะเป็นอย่างไร โดยจะทำอย่างไรให้ ครม. สบายใจ สังคมเข้าใจ แนวทางที่ 2 คือการยกเลิกได้ไหม ถ้ายกเลิกเงินงวดที่จ่ายไปก่อน จะทำอย่างไร ซึ่งเรากับจีนมีความเห็นตรงกันหลายเรื่องที่มีประโยชน์ โดยหลักที่ผมนึกก็คือ กองทัพเรือได้ประโยชน์ และตรงใจเขามากที่สุด อาจจะไม่ใช่ 100 เปอร์เซนต์ หรือ First Choose ช้อยต์ แต่อาจเป็น Second Choose” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า ข้อแรกต้องเป็นไปตามแผนกองทัพเรือที่วางไว้ ข้อที่สอง เงินที่จ่ายไปต้องไม่สูญหาย และข้อที่สามประเทศต้องได้ประโยชน์ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีว่าเราจะได้ทั้งสามอย่าง  โดยเฉพาะเรื่องเงินที่เราจ่ายไปก่อน ไม่ว่าออกทางไหน เงินก็ไม่สูญเปล่า เมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว  ก็ให้กองทัพเรือไปทำการบ้าน ซึ่งทางฝั่งจีนก็กลับไปทำการบ้านเช่นกัน


“วันนี้ (1เม.ย.) จะเป็นการคุยกันอีกขั้นตอนหนึ่ง  ผ่านวีดีโอคอลกับทางจีน  ถ้าพูดคุยกันได้ในวันนี้ได้ข้อยุติ  ก็จบ ถ้าไม่จบ ก็ต้องเดินทางไปจีนอีกรอบ ต้องยอมรับว่าพูดคุยครั้งเดียวคงยาก แต่จะทำให้จบเร็วที่สุด” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะมีการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำแล้วไปซื้อเรือฟริเกตแทนนั้น นายสุทิน กล่าวว่า เรือดำน้ำก็เป็นทางเลือกหนึ่งว่าเป็นเรือจีน (เครื่องยนต์) แต่ทำให้เราสบายใจได้หรือไม่ว่า คุณภาพได้รับการอ้างอิงและรับรอง

ส่วนประเด็นที่สองถ้าเปลี่ยนเรือฟริเกต หรือ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (OPV) ก็ต้องถามกองทัพเรือว่า รับทางเลือกนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่เอาเรือดำน้ำ ก็เป็นการเรียงลำดับกันอยู่ ดังนั้นถ้าไม่ได้เรือดำน้ำก็เป็นเรือฟริเกต หรือ เรือOPV จึงยังไม่สรุปว่าเป็นแนวทางใด แต่ทุกแนวทางเป็นประโยชน์กับประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะจบภายในเดือน เม.ย.67 แล้วนำเข้า ครม. เดือน เม.ย.67 ด้วยเช่นกัน


เมื่อถามว่าการเดินทางไปเยือนจีนไปพูดคุยกับคณะทางจีนระดับใด นายสุทิน กล่าวว่า คณะของตนเองไปพูดคุยกับคณะทำงานของประเทศจีน ต่างฝ่ายต่างได้ข้อเสนอต่างๆ ก็นำไปคุยกับรัฐบาลของตัวเอง เมื่อรัฐบาลสองฝ่ายเห็นว่าไปได้ก็จะมาคุยกันเอง ขั้นตอนจะจบต่อเมื่อตนคุยกับคณะทางการของจีนอีกครั้ง

ส่วนสาเหตุของการจะยกเลิกเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า ที่คุยกับทางจีนคือสังคมไทยยังติดใจอยู่ว่า ไม่เป็นไปตามข้อตกลงและยังไม่สบายใจคุณสมบัติเรือดำน้ำ พูดง่ายๆ คือคนไทย ยังคิดว่าไม่ได้อย่างที่ตกลงกัน และยังไม่มั่นใจในคุณสมบัติในเครื่องยนต์ (CHD 620) ที่ไม่เคยใช้ที่ใด อันนี้เป็นความลำบากใจของเรา ให้ทางจีนเข้าใจตรงนี้ด้วย ซึ่งตนก็ได้แสดงความเห็นใจกับทางเขาไปด้วย เพราะเขาได้ดำเนินโครงการมาแล้ว ดังนั้นจะพบกันตรงไหน ไม่ให้สองฝ่ายเสียประโยชน์

เมื่อถามว่าข้อเสนอยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ มาจากฝั่งรัฐบาลหรือคณะกรรมการศึกษาแนวทางที่เหมาะสมโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1 ของกระทรวงกลาโหม นายสุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการฯ เสนอ 2-3 แนวทาง โดยเสนอทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อใดปฏิบัติได้หรือไม่ได้ และสิ่งที่ตนต้องฟังอย่างไม่เป็นทางการจาก ครม. โดยจะต้องดูมติที่เขาด้วย อะไรที่ ครม. และพรรคร่วมไม่สบายใจ เราก็ไม่อยากทำ

เมื่อถามถึงท่าทีของจีนหากมีการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า เขาไม่ได้แข็งกร้าว เขามีท่าทีรับพิจารณา แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นเรือฟริเกต หรือ เรือOPV ต้องมาคุยกันเรื่องราคา โดยเป็นเงินที่เราจ่ายไปแล้ว และเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วย เขาไม่ได้ปิดแนวทางนี้

ทั้งนี้ จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ดูท่าทีแล้วน่าจะพูดแล้วเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกัน ไม่น่ากระทบความสัมพันธ์มาก  เว้นแต่ว่าเราอยากได้หรือเอามากเกินไป

ก็อาจกระทบกระเทือนอยู่ แต่ ณ วันนี้ ที่พูดตามแนวทางที่เสนอ ยังไม่กระทบความสัมพันธ์

เมื่อถามว่าการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ กังวลในข้อกฎหมายที่จะมีการร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตามมาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อตีความตามข้อกฎหมายแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นมติ ครม. สามารถทำได้ แต่มติ ครม. ก็ต้องยืนอยู่บนกฎหมายและผลประโยชน์ประเทศ

ส่วนการจัดหาเรือฟริเกตจะเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อบรรจุในงบประมาณปี 2568 หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่นายกรัฐมนตรี พิจารณา กระทรวงกลาโหมไม่ขัดข้อง เป็นดุลพินิจนายกฯ เพราะเกี่ยวข้องกับตารางงบประมาณ ถ้ามีเรือฟริเกตและมีเรือดำน้ำ จะจัดงบอย่างไร เพื่อไม่ให้งบพอกมากเกินไปในแต่ละปี อาจจะเรียกว่าเป็นเทคนิคการบริหารเงินว่าสิ่งใดก่อนหรือหลัง

เมื่อถามถึงการเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการไปดูเรือฟริเกตหรือเรือดำน้ำ แต่เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ การสานความสัมพันธ์ และไปดูเรื่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พร้อมเยี่ยมกองกำลังสหประชาชาติ ที่มีกำลังพลจากทหารไทยไปปฎิบัติหน้าที่อยู่ ในโอกาสนี้ทางกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้เชิญไปดูเครื่องบินรบ T-50 ที่ไทยจัดหา และรอส่งมอบอีก 2 เครื่อง และไปดูโครงการผลิตด้วย.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย