อิมแพ็ค เมืองทองธานี 27 มี.ค.-กกต.จัดเสวนาหัวข้อ “พรรคการเมืองสร้างชาติ” ตัวแทนพรรคประสานเสียง ไม่ควรมีกฏหมายยุบพรรค ชี้ เข้มงวดกับพรรคการเมืองมากเกินไป ทำการเมืองไทยอ่อนแอ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดกิจกรรมเสวนาวิชาการเรื่อง “พรรคการเมืองสร้างชาติ” และประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องบทบาทหน้าที่ของพรรคการเมืองกับการพัฒนาการเมืองและพัฒนาการเป็นสถาบันของพรรคการเมือง นำไปสู่เป้าหมายการเมืองมีเสถียรภาพและธรรมาภิบาลสูงขึ้น โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาวิชาการ โดยมีนักการเมืองหลายคน เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวุฒิสาร ตันไชย นักวิชาการทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมในการเสวนา ดำเนินรายการโดย นายวีระ ธีรภัทร
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีความต้องการที่จะนำนโยบายทั้งหลายทั้งปวงมาใช้บริหารชาติบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของประชาชน คงไม่มีพรรคการเมืองใดที่ตั้งขึ้นแล้ว บอกจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต พรรคการเมืองส่วนใหญ่มีเจตนาดีที่ต้องการบริหารบ้านเมือง
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองในประเทศไทย กลับมีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ในการทำกิจกรรมหรือดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 เช่น ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง โดยเขียนไว้ในกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ ซึ่งเราก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ หรือการกระทำใดๆ ที่จะถูกตีความว่ามีความผิดฐาน ล้มล้างการปกครอง โดยประเด็นหลักของการขับเคลื่อนพรรคการเมืองขณะนี้ คือจำเป็นที่จะต้องดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารก็มักที่จะมีความเข้มงวดกับบรรดาพรรคการเมืองเป็นพิเศษ เช่น ลักษณะของการหาผู้สมัคร สส.ที่จะต้องมีการขอความเห็นจากตัวแทนเขต ซึ่งแต่ละเขตเลือกตั้งนั้นก็จะเป็นที่จะต้องมีตัวแทนของพรรคการเมืองนั้นๆ ทำให้มีความซับซ้อนและวุ่นวาย
“สรุปคือ พรรคการเมืองตั้งขึ้น แต่ถูกกำกับโดยอำนาจรัฐ ทำให้ขาดอิสระและความต่อเนื่อง ผมไม่เห็นด้วยกับการมีกฏหมายยุบพรรคการเมือง เพื่อจะให้พรรคการเมืองมีความเข็มแข้ง คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างนักการเมืองมืออาชีพที่สามารถขึ้นมาบริหารบ้านเมืองได้ เพราะถึงแม้จะมีนักการเมืองมากมาย แต่ก็ล้วนประกอบอาชีพอื่นอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”นายชูศักดิ์ กล่าว
ด้านนายวุฒิสาร กล่าวว่า บทบาทของการจัดตั้งพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็คือการมีอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งการก่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากจุดเริ่มต้นของความสนใจที่เหมือนกัน เพื่อการเข้าสู่อำนาจ แต่ยังไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนเท่าที่ควร ส่วนคำถามที่ว่าพรรคการเมืองจะสามารถสร้างชาติได้อย่างไรนั้น ก็ต้องไปดูที่ระบบของพรรคการเมืองที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชน ทั้งเรื่องของความไว้ใจจากประชาชนที่มอบให้ ทั้งเรื่องของการแจกแจงปัญหาของประชาชน นอกจากนี้สิ่งสำคัญก็คือผู้แทนของพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการในลักษณะสัญญากับประชาชน ก็คือถ้านำเสนอนโยบายและต้องทำให้กับประชาชนนั่นเอง
นายวุฒิสาร กล่าวว่า พรรคการเมืองถูกกฎหมายกำกับไว้ว่าทุกพรรคการเมืองดำเนินการในลักษณะสัญญาจะให้หรือไม่ และก็มีคำถามตามมาอีกมากมาย ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น พรรคการเมืองก็ยังไม่ได้ดำเนินการเริ่มนโยบายในทันที หากมีการจำกัดมากมายว่านโยบายไหนจะทำได้จริงหรือไม่ ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา สิ่งที่จะตอบเรื่องของนโยบายได้ชัดเจนที่สุดก็คือประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่านโยบายไหนดีหรือไม่ดี ไม่ใช่อุปกรณ์ทั้งหลายที่จะมาเป็นผู้ตัดสินว่านโยบายนั้นทำได้หรือเป็นนโยบายที่ไม่ดี
ขณะที่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการให้พรรคการเมืองสร้างชาติก็คือการยกระดับตัวเอง แต่กฎกติกาเองก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดบทบาทของพรรคการเมืองด้วย และข้อจำกัดที่เห็นได้ชัดอีกอย่างในรัฐธรรมนูญปัจจุบันคือ เรื่องของการกำหนดนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองเมือง ที่มักจะมีการถูกจำกัดเหมือนที่หลายคนพูดว่านโยบายนั้นๆ ทำได้หรือไม่ หรือจะมีการปรับเปลี่ยนจนมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งมีคนเพียงไม่กี่คนที่เป็นตัวกำหนดว่านโยบายนี้จะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หรือทำให้เกิดปัญหาวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ทำเพื่อความเป็นจริงนั้น สิ่งสำคัญที่สุดของการเมืองดี ก็คือการที่จะต้องยึดโยงว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุดในประเทศ หรือสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนได้รับการคุ้มครองหรือไม่ ไม่ใช่มนุษย์กำหนดกติกาว่าพรรคการเมืองดี คือพรรคการเมืองที่ไม่ถูกยุบ หรือไม่มีการดำเนินนโยบายใดนโยบายหนึ่ง นอกจากนี้ก็ยังเห็นว่าปัจจุบันนี้กองทุนพัฒนาการเมืองแม้จะมีการจัดสรรให้ปรับระดับพรรคการเมืองได้ แต่กลับมีขั้นตอนการใช้ที่ยากมากและไม่ทำให้เกิดความเข้มแข็งกับพรรคการเมืองอย่างแท้จริง
“เชื่อว่าถ้าพรรคก้าวไกลไม่ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงที่เยอะขนาดนี้ ก็คงไม่ถูกจ้องยุบพรรค หากเราอยากจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งพรรคการเมืองต้องเกิดง่าย ดำเนินการง่าย ตายยาก ห้ามยุบ” นายชัยธวัช กล่าว
นายภราดร กล่าวว่า พรรคการเมืองควรจะถูกยุบพรรคโดยประชาชน เพราะพรรคการเมืองเกิดขึ้นจากประชาชน การอยู่หรือการตายของพรรคการเมือง จึงต้องขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย ในฐานะคนการเมืองรู้สึกเจ็บปวดและระแวงว่าจะถูกยุบพรรคจากการทำการเมืองหรือไม่ ตนเองอยากเห็นการเมืองที่แข่งกันนำเสนอทัศนคติทางการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา โดยในการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 พรรคการเมืองแข่งกันแค่ว่าเป็นพวกใคร ใครเป็นเผด็จการ ใครเป็นประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงพรรคการเมืองควรแข่งกันที่นโยบายมากกว่า.-317.-สำนักข่าวไทย