ตัวแทนพรรคการเมืองประสานเสียง ไม่ควรมี กม. ยุบพรรค

อิมแพ็ค เมืองทองธานี 27 มี.ค.-กกต.จัดเสวนาหัวข้อ “พรรคการเมืองสร้างชาติ” ตัวแทนพรรคประสานเสียง ไม่ควรมีกฏหมายยุบพรรค ชี้ เข้มงวดกับพรรคการเมืองมากเกินไป ทำการเมืองไทยอ่อนแอ


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดกิจกรรมเสวนาวิชาการเรื่อง “พรรคการเมืองสร้างชาติ” และประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องบทบาทหน้าที่ของพรรคการเมืองกับการพัฒนาการเมืองและพัฒนาการเป็นสถาบันของพรรคการเมือง นำไปสู่เป้าหมายการเมืองมีเสถียรภาพและธรรมาภิบาลสูงขึ้น  โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง  เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาวิชาการ โดยมีนักการเมืองหลายคน เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล  รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวุฒิสาร ตันไชย นักวิชาการทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมในการเสวนา ดำเนินรายการโดย นายวีระ ธีรภัทร

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีความต้องการที่จะนำนโยบายทั้งหลายทั้งปวงมาใช้บริหารชาติบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของประชาชน คงไม่มีพรรคการเมืองใดที่ตั้งขึ้นแล้ว บอกจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต พรรคการเมืองส่วนใหญ่มีเจตนาดีที่ต้องการบริหารบ้านเมือง


นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองในประเทศไทย  กลับมีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ในการทำกิจกรรมหรือดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 เช่น ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง โดยเขียนไว้ในกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ ซึ่งเราก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ หรือการกระทำใดๆ ที่จะถูกตีความว่ามีความผิดฐาน ล้มล้างการปกครอง โดยประเด็นหลักของการขับเคลื่อนพรรคการเมืองขณะนี้ คือจำเป็นที่จะต้องดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารก็มักที่จะมีความเข้มงวดกับบรรดาพรรคการเมืองเป็นพิเศษ เช่น ลักษณะของการหาผู้สมัคร สส.ที่จะต้องมีการขอความเห็นจากตัวแทนเขต ซึ่งแต่ละเขตเลือกตั้งนั้นก็จะเป็นที่จะต้องมีตัวแทนของพรรคการเมืองนั้นๆ ทำให้มีความซับซ้อนและวุ่นวาย

“สรุปคือ พรรคการเมืองตั้งขึ้น แต่ถูกกำกับโดยอำนาจรัฐ ทำให้ขาดอิสระและความต่อเนื่อง ผมไม่เห็นด้วยกับการมีกฏหมายยุบพรรคการเมือง เพื่อจะให้พรรคการเมืองมีความเข็มแข้ง คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างนักการเมืองมืออาชีพที่สามารถขึ้นมาบริหารบ้านเมืองได้ เพราะถึงแม้จะมีนักการเมืองมากมาย แต่ก็ล้วนประกอบอาชีพอื่นอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”นายชูศักดิ์ กล่าว

ด้านนายวุฒิสาร กล่าวว่า บทบาทของการจัดตั้งพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็คือการมีอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งการก่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากจุดเริ่มต้นของความสนใจที่เหมือนกัน เพื่อการเข้าสู่อำนาจ แต่ยังไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนเท่าที่ควร ส่วนคำถามที่ว่าพรรคการเมืองจะสามารถสร้างชาติได้อย่างไรนั้น ก็ต้องไปดูที่ระบบของพรรคการเมืองที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชน ทั้งเรื่องของความไว้ใจจากประชาชนที่มอบให้ ทั้งเรื่องของการแจกแจงปัญหาของประชาชน นอกจากนี้สิ่งสำคัญก็คือผู้แทนของพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการในลักษณะสัญญากับประชาชน ก็คือถ้านำเสนอนโยบายและต้องทำให้กับประชาชนนั่นเอง


นายวุฒิสาร กล่าวว่า พรรคการเมืองถูกกฎหมายกำกับไว้ว่าทุกพรรคการเมืองดำเนินการในลักษณะสัญญาจะให้หรือไม่ และก็มีคำถามตามมาอีกมากมาย ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น พรรคการเมืองก็ยังไม่ได้ดำเนินการเริ่มนโยบายในทันที หากมีการจำกัดมากมายว่านโยบายไหนจะทำได้จริงหรือไม่ ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา สิ่งที่จะตอบเรื่องของนโยบายได้ชัดเจนที่สุดก็คือประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่านโยบายไหนดีหรือไม่ดี  ไม่ใช่อุปกรณ์ทั้งหลายที่จะมาเป็นผู้ตัดสินว่านโยบายนั้นทำได้หรือเป็นนโยบายที่ไม่ดี

ขณะที่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการให้พรรคการเมืองสร้างชาติก็คือการยกระดับตัวเอง แต่กฎกติกาเองก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดบทบาทของพรรคการเมืองด้วย และข้อจำกัดที่เห็นได้ชัดอีกอย่างในรัฐธรรมนูญปัจจุบันคือ เรื่องของการกำหนดนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองเมือง ที่มักจะมีการถูกจำกัดเหมือนที่หลายคนพูดว่านโยบายนั้นๆ ทำได้หรือไม่ หรือจะมีการปรับเปลี่ยนจนมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งมีคนเพียงไม่กี่คนที่เป็นตัวกำหนดว่านโยบายนี้จะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หรือทำให้เกิดปัญหาวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ทำเพื่อความเป็นจริงนั้น สิ่งสำคัญที่สุดของการเมืองดี ก็คือการที่จะต้องยึดโยงว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุดในประเทศ หรือสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนได้รับการคุ้มครองหรือไม่ ไม่ใช่มนุษย์กำหนดกติกาว่าพรรคการเมืองดี คือพรรคการเมืองที่ไม่ถูกยุบ หรือไม่มีการดำเนินนโยบายใดนโยบายหนึ่ง นอกจากนี้ก็ยังเห็นว่าปัจจุบันนี้กองทุนพัฒนาการเมืองแม้จะมีการจัดสรรให้ปรับระดับพรรคการเมืองได้ แต่กลับมีขั้นตอนการใช้ที่ยากมากและไม่ทำให้เกิดความเข้มแข็งกับพรรคการเมืองอย่างแท้จริง

“เชื่อว่าถ้าพรรคก้าวไกลไม่ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงที่เยอะขนาดนี้ ก็คงไม่ถูกจ้องยุบพรรค  หากเราอยากจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งพรรคการเมืองต้องเกิดง่าย ดำเนินการง่าย ตายยาก  ห้ามยุบ” นายชัยธวัช กล่าว

นายภราดร กล่าวว่า พรรคการเมืองควรจะถูกยุบพรรคโดยประชาชน เพราะพรรคการเมืองเกิดขึ้นจากประชาชน  การอยู่หรือการตายของพรรคการเมือง จึงต้องขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย ในฐานะคนการเมืองรู้สึกเจ็บปวดและระแวงว่าจะถูกยุบพรรคจากการทำการเมืองหรือไม่ ตนเองอยากเห็นการเมืองที่แข่งกันนำเสนอทัศนคติทางการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา โดยในการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 พรรคการเมืองแข่งกันแค่ว่าเป็นพวกใคร ใครเป็นเผด็จการ ใครเป็นประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงพรรคการเมืองควรแข่งกันที่นโยบายมากกว่า.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]