“สว.คำนูณ” เตือนรัฐบาลอย่าเลือกเดินตามแนว ‘เอ็มโอยูปี44’

รัฐสภา 25 มี.ค. – “สว.คำนูณ” กระตุกเตือนเข้มๆ “รัฐบาลเศรษฐา” อย่าเลือกเดินตามแนว ‘เอ็มโอยูปี44’ ยุคนายใหญ่แม้ว ส่อเกิด 3 ล็อก 2 เสี่ยง ถูกลักไก่เสีย ‘เกาะกูด’ ให้กัมพูชา แนะทำไปพร้อมกัน คุยนำขุมทรัพย์ใต้ทะเลมาใช้-เจรจาเขตแดนตลอดแนว


ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายเกี่ยวกับประเด็นปัญหาการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา ตอนหนึ่งว่า ตนเป็นห่วง หลังจากฟังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปกล่าวปาฐกถาเรื่องจุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน ขณะเปิดงาน Thailand energy exclusive forum แล้วระบุว่า เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่อง OCA เรื่องพื้นที่ทับซ้อนที่มีมูลค่ามหาศาล ขึ้นอยู่กับตัวเลขไหนจะพูดกัน หากมีค่าสูงกว่า20ล้านล้านบาท แต่เรามปัญาเรื่องชายแดน เขตแดน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอแบ่งเป็น2ส่วน คือเรื่องพื้นที่ทับซ้อน และเรื่องขุมทรัพย์ที่อยู่ใต้ทะเล ที่ต้องมีการพูดคุย ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ ที่จะพยายามนำสินทรัพย์นี้ออกมาใช้โดยเร็ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก Brown Energy เป็น Green Energy ขอให้สบายใจได้ว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ โดยจะแยกแยะระหว่างปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับปัญหาเรื่องแบ่งผลประโยชน์ ที่ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ที่ตนเป็นห่วงคือเมื่อสว.ท้วงถามเรื่องนี้ นายกฯ มอบนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ มาตอบชี้แจง โดยนายจักรพงษ์ ชี้แจงว่า จะไม่แบ่งการเจรจา โดยมี 3 ทางเลือก 1.ยึดตามเอ็มโอยู ปี 2544 ที่แบ่งพื้นที่เป็น2ส่วน โดยลากเส้นต่อจากหลักมุดที่ 73 หรือจุด A ลงมาในทะเลไหล่ทวีป โดยใช้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ แบ่งเขตแดนด้านบนและด้านล่าง พร้อมย้ำว่าจะเจรจาพร้อมกันทั้งด้านบนและด้ายล่างไม่อาจแบ่งแยกการเจรจาได้ 2. จะมีการแก้ไขเอ็มโอยูปี 44 เพิ่มเติม หรือจะทำเอ็มโอยู ปี 2567 ขึ้นใหม่ เพื่อแบ่งผลประโยชน์ของชาติโดยเร็ว โดยพักเรื่องเขตแดนไว้ก่อน และ 3. เจรจาตกลงเรื่องเขตแดนสำเร็จตลอดแนวก่อนแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2515 รัฐบาลลอนนอล ยึดอำนาจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์กัมพูชา และประกาศเส้นแบ่งเขตแดนไหล่ทวีปผ่าเกาะกูด จ.ตราด ของไทย กินแดนของเกาะไปครึ่งหนึ่ง ทั้งที่เกาะกูดเป็นของไทยกว่า150ปี ตั้งแต่สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่5


นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางการไทยได้ตอบโต้ในปี2516 โดยออกพระบรมราชโองการวันที่18 พ.ค.2516 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยึดตามอนุสัญญาเจนีวา ลากเส้นแบ่งเกาะกูดกลับมาเป็นของไทยเช่นเดิม โดยให้กองทัพเรือยึดรักษาเขตแดนนี้ และยกสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ข้อ 2 วันที่ 23 มี.ค.2450 กรณีรัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราด กับเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูดให้เป็นของสยาม และที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยโต้แย้งสิทธิ์เรื่องเหล่านี้มาก่อน ที่เป็นห่วงคือเมื่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเข้ามา และมีการทำเอ็มโอยูปี 2544 ก่อให้เกิด 3 ล็อก 2 เสี่ยง 3 ล็อก คือ1. ให้แบ่งเขตแดนเฉพาะส่วน 2. กำหนดพื้นที่ผลประโยชน์ไว้ตายตัวในส่วนที่ยังไม่ได้แบ่งดินแดน 3.ไม่อาจเจรจารูปแบบอื่นได้ ขณะที่ 2 เสี่ยง คือ 1. เสียผลประโยชน์ (ทันทีที่ตกลง) และ 2. เสียเขตแดน (ทันทีที่ตกลงและในอนาคต)

นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ข้อเสียคือไทยไม่มีประเด็นใดๆจะต้องเจรจาเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูด การไปยอมรับการมีอยู่ของเส้นแบ่งแนวเขตไหล่ทวีปของกัมพูชามาบันทึกลงในเอ็มโอยู ปี44 เป็นเพียงการนำข้อขัดแย้งมาบรรจุไว้เพื่อให้มีการเจรจา หรืออาจเข้าข่ายการยอมรับโดยปริยาย หรือเข้าลักษณะกฎหมายปิดปาก หากต้องเป็นความขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในอนาคต ดังนั้นถ้าไทยละทิ้งความได้เปรียบ เส้นแบ่งเขตแดนทั้งส่วนบนและส่วนล่างไป จะทำให้เราเสียเปรียบกัมพูชา อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีจะตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างไร ตนเชื่อมั่นในความจงรักภักดี ในความเคารพต่อบรรพบุรุษ ว่าในการตัดสินใจ มี 2 กรณี 1.ต้องรับผิดชอบต่อบรรพบุรุษ ที่รักษาดินแดนไทยและส่งมอบมาถึงรุ่นเรา และ 2. ต้องรับผิดชอบต่อลูกหลานว่าการตัดสินใจใดๆ ต้องเหลือมรดกไว้ให้ลูกหลาน

“ดังนั้นรัฐบาลจะเลือกเดินตามแนวทางตามเอ็มโอยูปี 44 หรือไม่ หรือรัฐบาลจะมีแนวทางใหม่ที่จะเลือกเดิน โดยเอาขุมทรัพย์ใต้ทะเลขึ้นมาใช้ก่อน และไม่พูดเรื่องเขตแดนไปพร้อมกัน ผมไม่เห็นด้วย ผมเห็นว่าจะต้องทำไปพร้อมกัน และเราต้องเจรจาเขตแดนตลอดแนวของทั้ง2ประเทศ” นายคำนูณ กล่าว .-312-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย