สว.ถามรัฐบาลใครดักตีหัวสกัดเงินดิจิทัล

รัฐสภา 25 มี.ค.-สว.เฉลิมชัย ซัดนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ไม่มีที่มาของเงิน เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก ทำนายกฯ เดินออกนอกห้องประชุม ติง กกต.ไม่ตรงปกยังปล่อยผ่าน ถือละเว้นหน้าที่ ไปคุยกันที่ ป.ป.ช. ถาม “จุลพันธ์” ใครดักตีหัว


การประชุมวุฒิสภา (สว.) วาระการอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามมาตรา 153 นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต โดยขณะที่นายเฉลิมชัยเริ่มอภิปรายเห็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาในห้องประชุม เลยถามทันทีว่า จะดำเนินนโยบายกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านโครงการ ส.ป.ก. ได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เพิ่งคิกออฟเเจกโฉนดไป ตอนนี้ไม่รู้แจกไปกี่ฉบับ

“มันมาสะดุดที่นครราชสีมา ทับที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และส่อทุจริต ซึ่งขัดแย้งกับกรมอุทยาน ฯ เห็นรัฐมนตรีออกมาสนับสนุนส.ป.ก.เต็มที่ หลังหลังท่าทีเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ว่าถูกแรงกดดันจากอะไร นอกจากนี้ การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการประมง ด้วยการแก้ไขกฎหมายจะแก้อย่างไร ทั้งนายกรัฐมนตรีและร.อ.ธรรมนัสก็ลงพื้นที่บอกกับชาวบ้านสมุทรสาคร สมุทรสงครามไว้” นายเฉลิมชัย กล่าว


นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ครัวเรือนพูดกันทั่วไปว่านายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาจะพาคนไทยไปเป็นเศรษฐี ปิดสวิตช์สว. ปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อไทยเป็นรัฐบาลประเทศไทยเปลี่ยนทันที คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยังก้องอยู่ในโสตประสาทคนไทยทั่วประเทศ และว่า “ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทยท่านว่าไว้ ตอนนี้คนไทยเป็นอย่างไร ประเทศไทยตอนนี้มีหนี้ครัวเรือน 92% ของจีดีพี หรือประมาณ 6.2 ล้านล้านบาท ขอถามนายกรัฐมนตรีว่าท่านจะแก้ไขอย่างไร”

จากนั้น นายเฉลิมชัย อภิปรายนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ตามรัฐธรรมนูญ ในกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่าให้มีกลไกความรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่ได้วิเคราะห์ผลกระทบ นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงินตามประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดวงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงิน ความคุ้มค่าผลกระทบและความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

“ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายนี้ จากเอกสารแจกแจงรายละเอียดที่เผยแพร่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า พรรคเพื่อไทย แกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะแจกเงินให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ประมาณ 56 ล้านคน เป็นเงินประมาณ 5.6 แสนล้านบาท โดยใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567” นายเฉลิมชัย กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายเฉลิมชัยกล่าวนั้น นายกรัฐมนตรีได้ลุกออกไปจากห้องประชุม ทำให้นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยท่าทีมีอารมณ์ว่า “ท่านฟังผมด้วยนะครับ อย่าให้รัฐมนตรีช่วยฟังผมอย่างเดียว ท่านต้องฟังผมด้วย ถ้าท่านนายกฯ ไม่มานั่งฟัง เขาก็ไม่ได้เรียกคณะรัฐมนตรีนะ คณะรัฐมนตรีตามมาตรา 158 ประกอบไปด้วยนายกฯ กับรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นคณะรัฐมนตรีก็ต้องมีนายกฯ ท่านออกไปก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวท่านก็กลับมา ก็ให้อภัย”

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีประกาศทุกเวทีว่าจะไม่กู้เงิน  แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร ยังไม่รู้จะไปไหน ตนมีข้อสังเกตว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลมีลักษณะสัญญาว่าจะให้  “ใส่ซองพันสองพันก็ยังผิด อันนี้หาเสียงโจ๋งครึ่มเลย อาจจะผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 73(1) ที่ห้ามไม่ให้ผู้สมัครผู้ใดเสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด มีโทษจำคุกหนึ่งถึง 10 ปีปรับ 20,000 ถึง 200,000 เพิกถอนสิทธิ์ 20 ปี”

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า แต่กกต.กลับบอกว่าทำได้ เพราะใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ได้ระบุว่านโยบายนี้จะทำหน้าที่เป็นชนวนกระตุกเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ขยายกิจการผลิตสินค้า เกิดการจ้างงานการหมุนว่างานเศรษฐกิจอีกหลายรอบ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ และแถลงนโยบาย 11 กันยายน 2566 แต่กลับไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายเติมเงินดิจิทัล

“ผมตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 162 หรือไม่ ซึ่งบัญญัติไว้ว่าคณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ ผมดูคำแถลงนโยบายมี 42 หน้า หายไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ 42 หน้า ไม่ได้บอกว่าเอาเงินมาจากไหนเหมือนที่โฆษณาหาเสียง และนายกฯ เศรษฐาก็ไม่ได้พูดนอกเหนือจากคำแถลงนโยบาย นายกฯ แถลงข่าวอ้างวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมีเงื่อนไขเปลี่ยนไป ทำให้ต้องกู้เงิน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ ตอนหาเสียงบอกจะใช้งบประมาณ 2567 ตั้งรัฐบาลได้บอกผมขอกู้ เป็นข้อบ่งชี้ว่าการหาเสียงที่ไม่มีความพร้อม ไม่มีความรับผิดชอบ สักแต่จะให้ชาวบ้านเลือก” นายเฉลิมชัย กล่าว

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกว่า การหาเสียงแบบนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปสำหรับพรรคการเมือง ตนจึงขอกล่าวหาด้วยววาจาว่า การที่กกต. ใช้ดุลยพินิจในนโยบายดิจิทัล บอกว่าทำได้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 162 หรือไม่ ถ้าขาดก็เป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

“ป.ป.ช. เปิดโทรทัศน์ ดูหรือเปล่า ถ้าเปิดดู ขอให้ทราบว่าผมกล่าวหาไปแล้ว ในเมื่อ กกต. บอกว่าทำได้ ก็ไปคุยกันที่ ป.ป.ช. ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ ยังบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจยังไม่วิกฤติ เพียงแต่ชะลอตัว นายกรัฐมนตรีก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก เลื่อนต่อไป นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วย นั่งอยู่ตรงนี้ก็บอกว่าแจกแน่นอน แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เพราะมีคนคอยดักตีหัวอยู่ ผมถามว่าจริงหรือไม่ ถ้าไม่แจก เจ๊งเลยนะ เพราะเป็นนโยบายที่คนที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน เสียงดังฟังชัดหาเสียงไว้ ถ้าทำไม่ได้ก็ยอมรับกับประชาชน จะได้ไม่ติดคุกหัวโต” นายเฉลิมชัย กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำไทยเลือกสันติวิธี แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ย้ำไทยเลือกสันติวิธี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หากปะทะเราพร้อม ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดี แต่จะขอบ้านเราไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ตระกูลชิน” เกี่ยวดอง “ฮุน เซน” แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ บอกปรึกษาทหารแล้ว งง สื่อฯ ทำไมวันนี้ ดุจัง ปลอบ ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูหน้างาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดน ว่า ได้เน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่าถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้าน รัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ถ้าถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น รัฐบาลทำเต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่า จะไปทางไหนอย่างไรเราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทยเพลงชาติไทย เขาเรียกว่า […]

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย